วันนี้เป็นวันแรกที่นิชา ปาริสราและจอมทัพจะได้เข้ามาฝึกงานในบริษัทรักบ้าน เอ็นจิเนียริ่ง ทั้งสามคนถูกเรียกเข้ามาในห้องประชุมเล็กของบริษัทเพื่อทำงานชี้แจงงานที่ทำและทำความรู้จักกับพี่เลี้ยงที่จะคอยสอนงานระหว่างที่ทั้งสามคนฝึกงานอยู่ที่นี้
“พี่ขอให้ทุกคนเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์จากที่นี่ไปให้มากที่สุดเพราะเวลาพวกเราออกไปทำงานจริงในบริษัทอื่นพวกเราจะได้มีประสบการณ์ติดตัวไป เดี๋ยวพอเดือนสุดท้ายก่อนจบการฝึกงานพี่จะให้พวกพี่ๆ พาเราออกไปดูหน้างานจริงๆด้วย...ขอให้ทุกคนโชคดีครับและขอต้อนรับสู้ครอบครัวรักบ้าน เอ็นจีเนียริ่ง” อคิณทำหน้าที่เอ่ยต้อนรับนักศึกษาฝึกงานทั้งสามคนด้วยท่าทางอบอุ่นและเป็นกันเองจนทำให้ทั้งสามรู้สึกผ่อนคลายและคลายความกังวนความกลัวลงได้บ้าง
“ขอบคุณค่ะ/ขอบคุณครับ” ทั้งสามยกมือไหว้ขอบคุณพร้อมกัน
“ป๋อเดี๋ยวแกพาลูกปลากับจอมทัพไปแนะนำกับแผนกต่างๆก่อนไป เสร็จแล้วค่อยพาไปเรียนรู้งานด้านออกแบบต่อ ส่วนน้ำชาคงรู้จักที่นี่ดีแล้ว งั้นพี่รบกวนน้ำชาไปเอารายละเอียดงานรีโนเวทโรงแรมกับไอ้ธีร์มาให้พี่ที่ห้องทำงานด้วยนะ”
“ได้ค่ะ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วเชิญทุกคนไปทำหน้าที่ของตัวเองได้แล้วครับ” สิ้นประโยคของอคิณทุกคนก็แยกย้ายกันไปตามคำสั่ง นิชาก็มาทำหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมาย คือมาที่ห้องทำงานของธนัตถ์เคาะประตูห้องทำงานบานใหญ่ที่เป็นกระจกเพื่อเป็นการขออนุญาตก่อนจะเปิดเข้าไป ก็พบกับเจ้าของห้องกำลังนั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์ด้วยท่าทางจริงใจ คิ้วเข้มเลิกขึ้นนิดหนึ่งเป็นเชิงถามเมื่อเห็นบุคคลที่ยืนยิ้มอยู่หน้าโต๊ะทำงาน
“คิดถึงเลยแวะมาหาค่ะ” เอ่ยแกล้งออกไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งก็ได้สายตาดุๆ แถมด้วยใบหน้าบึ้งตึงมองตอบกลับมา
“ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่นและตอนนี้ก็อยู่ในเวลางานนะคุณนิชา” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยตอบกลับมาเป็นการตำหนิไปในตัว ไม่สิ! สำหรับนิชามันคือคำด่าที่เจ็บแสบพอตัว ถ้าให้เธอแปลเขาคงจะกำลังด่าเธอว่า เอาเวลาที่มายืนพูดเพ้อเจ้ออยู่ตรงนี้ไปทำงานดีกว่ามั้ย
“รับทราบแล้วค่ะคุณธนัตถ์ แหย่เล่นแค่นี้ไม่เห็นต้องด่าเลย”
“ถ้ารู้ว่าเล่นแล้วจะถูกด่า แล้วทำไมถึงชอบทำให้ด่า”
“ถึงไม่ทำพี่ธีร์ก็ด่าชาอยู่ดีค่ะ คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิดเคยได้ยินมั้ยคะ” ใช่! แค่เธอหายใจเสียงดังสำหรับธนัตถ์เธอก็ยังผิดเลยในความรู้สึกของเขา
“รู้ก็ดี”
งื้อ!! เจ็บอ่ะ ปากร้ายอะไรกับเธอขนาดนี้ ว่าที่สามีของฉัน
“ใจร้ายอ่ะ เสียใจนะเนี่ย”
นี่ขนาดเสียใจนะเนี่ย ยังตามติดชีวิตเขาขนาดนี้ เฮ้อ!! ธนัตถ์ส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง
“ตกลงมาทำอะไร ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไปฉันจะทำงาน”
“พี่เรย์ให้ชามาเอารายละเอียดงานรีเวทโรงแรมกับพี่ธีร์ค่ะ” ธนัตถ์พยักหน้ารับนิดหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืนไปหยิบแฟ้มเอกสารที่อยู่ในตู้ส่งมาให้หญิงสาวที่ยืนรออยู่ข้างๆ
“อ่ะ..หมดธุระก็ออกไปได้แล้ว” ชิ! นิชาย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้ เอ๊ะอะก็ไล่เธอตลอดพูดคำอื่นไม่เป็นเลยหรือไง
“ไล่กันจัง พูดเป็นอยู่คำเดียวหรือไงคะ”
“รำคาญ” นิชาถึงกับกลอกตาเล่นทันที จ้าพ่อคุณ พูดออกมาแต่ละคำฟังแล้วรู้สึกดีทั้งนั้น
“เฮ้อ! ชื่นใจจังเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ” พูดตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่ดูยังไงก็เป็นรอยยิ้มที่เสแสร้งชัดๆในความรู้สึกของธนัตถ์ ให้ตายเถอะ นี่แค่วันแรกนะเนี่ยแล้วเขาจะต้องปวดหัวขนาดไหนในวันต่อๆ ไปเนี่ย
“ประสาท”
“ก็เพราะพี่ธีร์นั่นแหละที่ทำให้ชาเป็นแบบนี้”
“ทำอะไร” ถามกลับออกมาทันควัน เขานี่นะเป็นคนทำ ถ้านับตั้งแต่เรื่องราวบ้าๆ นั้นเกิดขึ้นก็มีแต่ยัยเด็กแก่แดดคนนี้คนเดียวเลยที่ทำ เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ เหอะ!
“ก็ทำให้ชารักแล้วไม่รับผิดชอบไงคะ แถมยังเล่นตัวชะมัด”
“น้ำชา!!!! “ เรียกเสียงดังอย่างเหลืออด
“ค่ะ รู้แล้วค่ะว่ารำคาญ รู้แล้วค่ะว่ากำลังโมโห รู้แล้วค่ะว่าไม่ชอบ รู้แล้วค่ะว่าเบื่อ รู้แล้วค่ะว่าพี่ธีร์เกลียดขี้หน้าชาขนาดไหนเกลียดยิ่งกว่ากิ่งกือไส้เดือนจิ้งจกซะอีก...งั้นต่อไปนี้เชิญพี่ธีร์ตามสบายเลยนะคะชาไม่ยุ่งกับพี่ธีร์แล้ว เพราะชาก็เบื่อพี่ธีร์แล้วเหมือนกัน” นิชาร่ายยาวรวดเดียวจบก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกจาห้องทำงานของธนัตถ์ไปทันทีด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองและน้อยใจ ท่ามกลางความงุนงงของธนัตถ์ที่ถูกนิชางอนใส่เฉยๆอย่างนั้น
“เป็นบ้าอะไรของเขาอีกวะเนี่ย สงสัยประจำเดือนจะมา” พึมพำกับตัวเอง ก่อนจะกลับมาสนใจงานของตัวเองต่อ
เมื่อออกมาจากห้องของธนัตถ์นิชาก็ลอบถอนหายใจออกมาด้วยความน้อยใจและเสียใจ ยืนควบคุมสติอารมณ์อยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินมาที่ห้องทำงานของอคิณ นิชาเคาะประตูห้องทำงานของอคิณเมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจากเจ้าของห้องนิชาก็เปิดประตูห้องพร้อมกับเดินเอาแฟ้มไปวางบนโต๊ะทำงานของอคิณ
“นี่ค่ะพี่เรย์”
“ขอบคุณครับ แล้วนี่ทะเลาะกับไอ้ซาตานมาหรือไงหน้าบูดมาเชียว” นิชาลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ค่ะ เพื่อนพี่เรย์อ่ะใจร้าย เห็นหน้าชาทีไรจ้องแต่จะไล่ชาอย่างเดียวเลย พูดดีด้วยสักคำก็ไม่มี” อคิณอมยิ้มน้อยๆด้วยความเอ็นดูแกมสงสารและเห็นใจนิชา ที่ต้องมาตามตื้อผู้ชายแสนจะใจร้ายใจแข็งอย่างเจ้าเพื่อนตัวดีของเขา
“พี่ถามจริงๆนะน้ำชา เราไม่เบื่อบ้างเหรอที่ต้องมาตามตื้อคนที่เขาไม่ได้รักเราแบบนี้...เอ่อ พี่ขอโทษพอดีปากมันไวไปหน่อย” อคิณรีบขอโทษเป็นการใหญ่ อยากจะตบปากตัวเองสักทีสองทีที่เผลอพูดคำว่าไม่รักนั้นออกไป แต่พอเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของนิชาแล้วก้เบาใจขึ้นมาบ้าง
“ชาไม่โกรธหรอกค่ะ เพราะที่พี่เรย์พูดมันคือเรื่องจริง...ถ้าถามว่าเบื่อก็ไม่เบื่อนะคะ แต่มันท้อมากกว่า บางทีชาก็มานั่งถามตัวเองนะคะว่าชาทนหน้ามึนหน้าด้านหน้าหนาให้เขาไล่แบบนี้ไปทำไม แต่พอคำตอบที่มันได้กลับมามันก็ทำให้ชามีแรงฮึดสู้ เพราะคำว่ารักไงคะ คำว่ารักคำเดียวที่ทำให้ชายังสู้ต่อจนมาถึงทุกวันนี้”
“งั้นพี่ขอถามต่อได้มั้ย แล้วถ้าวันหนึ่งสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดมันไม่มีทางเกิดขึ้นล่ะ ไม่ว่าน้ำชาจะทำวิธีไหนไอ้ซาตานมันก็ไม่รักน้ำชาล่ะ น้ำชาจะทำยังไง น้ำชาเคยถามตัวเองมั้ยว่าเราจะต้องทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่เราจะยังจมอยู่กับคนที่เขาไม่รักเราไปอีกนานแค่ไหน พี่อยากให้น้ำชาเห็นคุณค่าในตัวเอง พี่ว่ายังมีผู้ชายอีกหลายคนที่พร้อมจะดูแลน้ำชาโดยที่เราไม่ต้องเหนื่อยไปวิ่งตามเขานะ” ใบหน้าของนิชาเครียดเคร่งขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินคำพูดเตือนสติของอคิณ
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดไม่เคยถามตัวเองนะ เธอถามตลอด ถามทุกๆวัน แต่เธอก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้สักที สมองบอกให้เธอหยุดและพอแค่นี้เธอเจ็บมามากเกินไปแล้วแต่หัวใจกับบอกให้เธอไปต่อให้สุดและลองเสี่ยงดูอีกสักครั้งเผื่อเธอจะสมหวัง
“ชารู้ค่ะ ว่าสิ่งที่ชาทำมันอาจจะทำให้ตัวเองไม่มีคุณค่า เป็นเหมือนคนบ้าที่วิ่งตามความรักอย่างไม่มีจุดหมาย ส่วนคำถามที่พี่เรย์ถามชามันคือคำถามที่ชาก็ไม่สามารถให้คำตอบตัวเองได้เหมือนกันค่ะ ว่าจะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ หรือถ้ามันเหนื่อยมากๆชาอาจจะเลิกตามตื้อพี่ธีร์ไปเองก็ได้ค่ะ...แต่ว่าตอนนี้ชายังไม่เหนื่อยเพราะฉะนั้นชาขอตื้อพี่ธีร์ไปก่อนแล้วกันนะคะ” อคิณถึงกับส่ายหน้ายิ้มๆ เมื่อได้ยินคำพูดในประโยคสุดท้ายของนิชา เด็กเอ้ยเด็ก! พูดเหมือนคิดได้แต่สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิม
“งั้นพี่จะคอยเป็นกำลังใจให้น้ำชาก็แล้วกันนะ อยากให้พี่ช่วยอะไรก็บอกแล้วกันพี่จะคอยเป็นกองกำลังเสริมให้เราเอง”
“ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะคะ ชาว่าชาต้องได้ใช้กำลังเสริมอย่างแน่นอนค่ะ เพราะลำพังชาคนเดียวคงต้านซาตานไม่ไหวแน่” จบคำพูดของนิชาทั้งสองคนก็ประสานเสียงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่หน้าห้องถึงกับหมั่นไส้ก่อนจะเปิดประตูเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบตึง ทำเอาคนทั้งคู่ถึงกับหัวเราะค้างกลางอากาศ
“ดูตลกกันอยู่หรือไงวะ เสียงหัวเราะดังออกไปข้างนอกเลย” พูดเสียงเรียบตีหน้านิ่งออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก ยิ่งเห็นหน้านิ่งๆ ของนิชาก็ยิ่งพาลอารมณ์เสีย
“เปล่า กูกับน้องน้ำชาแค่คุยกันแค่นั้นเอง”
“งั้นนิชาขอไปหาเพื่อนๆก่อนนะคะพี่เรย์ ขอบคุณสำหรับคำเตือนและคำแนะนำนะคะ เอาไว้ชาจะกลับไปคิดดูอีกทีนะคะ” อคิณยิ้มรับพร้อมกับพยักหน้าให้นิชา หญิงสาวจึงเดินออกจากห้องไปโดยไม่มีแม้แต่หางตาจะหันไปมองธนัตถ์ที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้น ทำเอาธนัตถ์ก็อดแปลกใจกับท่าทีของนิชาไม่ได้เพราะปกติเวลาเจอเขานิชาจะต้องยิ้มหรือพูดหยอดเขาทุกครั้งไม่เคยเฉยชาหรือทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนแบบนี้สักครั้งเดียว
มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอวะไอ้ธีร์ เพราะมันคือสิ่งที่แกต้องการตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา
“มีอะไรป่ะวะ” อคิณเอ่ยเรียกสติคนที่ยืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่
“ไม่มีอะไร แค่เดินผ่านมาแล้วได้ยินเสียงแกกับยัยเด็กนั่นคุยกันเสียงดังออกไปถึงข้างนอกก็เลยว่าจะเข้ามาเตือน ว่าแกเป็นเจ้านายส่วนยัยเด็กนั่นน่ะเด็กฝึกงาน” อคิณพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มหรี่ตามองเพื่อนรักอย่างจับผิด
“แน่ใจนะว่าแค่เข้ามาเตือน ไม่ใช่เพราะว่าหึงที่เห็นฉันสนิทกับน้องน้ำชา”
“หึงบ้าหึงบออะไรวะ แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบยัยเด็กนั่น”
“ก็เพราะว่ารู้ไง เมื่อกี้ฉันเลยบอกเธอน้องน้ำชาว่าให้ตัดใจและเลิกตามตื้อแกซะ เสียเวลาเปล่าๆ และดูเหมือนน้องน้ำชาก็เริ่มจะท้อที่จะต้องตามแกแล้วด้วย...ฉันว่านะโว้ย ถ้าน้องเขาลองเปิดใจให้ผู้ชายคนอื่นหัวบันไดบ้านคงไม่แห้งอ่ะ เพราะน้องน้ำชาทั้งสวยทั้งน่ารักนิสัยก็ดีขี้คล้านจะมีแต่ผู้ชายวิ่งเข้าหา แกว่ามั้ย” เอ่ยถามหยั่งเชิงออกมา อยากจะรู้เหมือนกันว่าเจ้าเพื่อนตัวดีที่ทำท่ารังเกียจไม่สนใจเขาหนักหนาเนี่ยพอเจอคำพูดแบบนี้เข้าไปจะมีอาการยังไง
“ไม่รู้โว้ย” หน้าที่ขรึมในตอนแรกนิ่งขรึมยิ่งกว่าเดิม คำพูดของอคิณพาลทำให้อารมณ์เสียขึ้นมาดื้อๆเสียอย่างนั้น ทำไมแค่คิดว่ายัยเด็กนั่นจะเลิกตามตื้อมันถึงรู้ใจหายแปลกๆ
“เอ้า!! ไอ้นี่ ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยวะ หรือว่าจริงๆแล้วแกก็รู้สึกดีกับน้องน้ำชาแล้วเหมือนกัน”
“รู้สึกดีบ้าอะไรล่ะ รู้สึกรำคาญน่ะสิไม่ว่าเด็กอะไรแก่แดดเกินตัว ไม่เห็นจะน่ารักเลยสักนิด...ขี้เกียจจะคุยกับแกแล้วไปทำงานก่อน” พูดจบก็รีบเดินหนีออกจากห้องทำงานของอคิณกลับไปยังห้องของตัวเองทันที
และตลอดทั้งวันนิชาก็ไม่ย่างกายเข้ามาใกล้ธนัตถ์อีกเลย พอเห็นธนัตถ์นิชาก็เลือกที่จะเดินเลี่ยงหรือหลบไปอีกทาง ไม่ใช่ว่าไม่อยากทักไม่อยากคุยกับเขานะ อยากคุยอยากไปทักอยากไปเตาะหยอดคำหวานใส่ใจจะขาด แต่พอมาคิดดูดีๆ ตอนนี้เธอมาอยู่ในสถานะนักศึกษาฝึกงานที่มีเข้าเป็นเจ้าของบริษัท มันคงไม่เป็นผลดีหรอกมั้งถ้าเธอจะเข้าไปวุ่นวายหรือตามตื้อเขาเหมือนที่ผ่านมา
“เลิกงานแล้วโว้ย...ไอ้ชาแกกลับยังไงอ่ะ ให้ฉันไปส่งมั้ย” ปาริสราเอ่ยถามขณะกำลังง่วนอยู่กับการเก็บของใส่กระเป๋า
“ไม่เป็นไร มันคนละทางกันเลยเดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่หรือไม่ก็โหนรถเมล์กลับก็ได้ แกจะได้กลับไปพักผ่อนด้วย แล้วนี่ไอ้จอมทัพไปไหน”
“นู่น มันไปนั่งเฝ้าพี่ประชาสัมพันธ์อยู่นู่น เห็นผู้หญิงสวยเป็นไม่ได้ไอ้นี่”
“งั้นเรากลับกันเถอะ ฉันคิดถึงเตียงนอนนุ่มๆจะแย่แล้ว”
“แล้วแกไม่แวะไปลาว่าที่สามีแกก่อนหรือไง” นิชาส่ายหน้าดิกๆก่อนจะพูดตอบปาริสราออกมา
“ไม่ดีกว่าแก ฉันเกรงใจเขาว่ะ ตอนนี้สถานะฉันคือเด็กฝึกงานส่วนพี่ธีร์คือเจ้าของบริษัท ฉันควรจะให้เกียรติเขาไม่ทำให้เขาอับอายมากไปกว่านี้”
“เออว่ะ มันก็จริงของแก ป่ะ งั้นเรากลับกันเถอะ” ว่าแล้วทั้งสองสามก็เดินจูงมือกันออกจากบริษัท ก่อนจะแยกย้ายกันกลับคอนโดของตัวเอง