ตอนที่ 3 ความรู้สึกของการอาศัยอยู่ใต้ชายคาผู้อื่นโดยไร้อิสระ

1592 Words
ในขณะที่เมิ่งเฟยกำลังตกตะลึง หลี่เสียวหย่าไม่ได้ถามอะไร แต่ใส่หัวใส่หน้าโครม ๆ ก็คือการด่านั่นแหละ “เมิ่งเฟย แกบ้าไปแล้วเหรอ ห๊ะ?อยู่ในห้องน้ำ ไม่มีเสียง แกทำอะไร?”      “ฉันถามแก ทำความสะอาดห้องน้ำสะอาดหรือยัง?ฉันไม่อยากเห็นอะไรที่มันไม่น่ามอง ไม่อย่างงั้นแกน่าจะรู้ผลลัพธ์นะ!ไป ๆ ๆ ๆ มองอะไร รีบไปทำกับข้าวสิ ฉันหิวแล้ว แล้วจำไว้นะ ล้างผักให้มันสะอาดหน่อย ได้ยินไหม?”          เมิ่งเฟยเพิ่งจะเปิดปาก ยังไม่ทันได้ตอบ ก็ถูกหลี่เสียวหย่าผลักไปอีกฝั่ง จนเกือบคว่ำลงพื้น ยังดีที่ขาไม่เจ็บแล้ว ไม่อย่างงั้นคงจะล้มหน้าคะมำ            ผู้หญิงคนนี้ คือฝันร้ายของเมิ่งเฟย!           เมิ่งเฟยทำอะไรไม่ได้ และไม่ได้เอ่ยอะไร เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง หลังจากนั้นก็เตรียมไปห้องครัว ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้ว ทุกคนใกล้จะกลับมาแล้ว หากเวลาเจ็ดโมงครึ่งยังทำอาหารไม่เสร็จ ก็รอคำด่าทอจากเขาได้เลย                    ทว่า ขณะที่เมิ่งเฟยกำลังจะสาวท้าวออกไป ก็ได้ยินหลี่เสียวหย่าเรียกไว้ “นั่นมัน…เดี๋ยวก่อน แกหันกลับมานี่”   เมิ่งเฟยเปลือยท่อนบนอยู่ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เสื้อยังไม่ได้ใส่ เพราะว่ากล่องไม้ถูกห่อไว้ด้านใน การทำแบบนี้ ทำให้เผยรอยสักตรงหน้าอก หลี่เสียวหย่าเรียกเขา เป็นเพราะเรื่องนี้   ดังที่คาดไว้ หลี่เสียวหย่าเบิกตากว้างทันที ชั่วพริบตา เธอก็พูดตะคอกขึ้นมา “เมิ่งเฟยอ่าเมิ่งเฟย แกทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง ก็ต้องสักอะไรต่ำ ๆ สินะ แกคิดดูสิ เงินน้อยนิดที่แกหาได้เดือนนึง ยังไม่พอค่าอาหารหมาในแต่ละเดือนของ‘ฮวนฮวน’เลย ไม่นึกว่าจะอยากมีรอยสักเหมือนคนอื่นเขาด้วยเหรอ?แกมีสิทธิ์นั้นงั้นเหรอ? ”      “ทุกวันนี้ ฉันไม่ได้อยากจะเสวนากับแก ที่พี่สาวฉันแต่งงานกับแก จนต้องกลายมาเป็นดอกไม้งามปักขี้หมา แม้แต่ขี้วัวแกก็ไม่คู่ควร เหอะ! ”           “รอยสักของคนอื่น มันเป็นแฟชั่น ส่วนแกน่ะเหรอ?ก็แค่คนบ้านนอกคอกนา พูดจาก็บ้านนอก บ้านนอกจนตะกอนหล่น ไสหัวไปได้แล้ว ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก!”              เขาอยากจะบอกว่า รอยสักนี้ไม่ใช้เขาสักมันขึ้นมา แต่หลี่เสียวหย่าไม่ได้ให้โอกาสเขาพูดอะไรเลย เธอพูดจบก็ผลักเมิ่งเฟย แถมผลักเขาแรงมาก ทำให้เขาล้มก้นกระแทกพื้น และผู้หญิงคนนี้ ก็เดินตรงไปที่ห้องน้ำ พร้อมกับปิดกระแทกประตูอย่างแรง    เสียงดัง “ปัง” ทำให้เมิ่งเฟยสะดุ้งตกใจ แต่โชคดีที่ชินแล้ว ไม่อย่างงั้นคงจะเป็นโรคประสาท      เมิ่งเฟยสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วยันตัวขึ้นมาจากพื้น นำกล่องไม้ไปเก็บไว้ที่ห้องนอน จากนั้นเดินตรงไปยังห้องครัว ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง อาหารสี่อย่างและน้ำแกงหนึ่งถ้วยก็ทำเสร็จแล้ว    ในตอนนี้ ทุกคนกลับมาแล้ว ทั้งสี่คนนั่งล้อมโต๊ะอาหาร เมิ่งเฟยไม่กล้าขยับตะเกียบก่อน นี่ก็เป็นความเคยชินอย่างหนึ่ง พ่อตาแม่ยายขยับตะเกียบแล้ว เขาถึงจะเริ่มทานได้ ไม่อย่างงั้น…     “มา ฮวนฮวน มากินซี่โครงหมูเร็ว ให้รางวัลแกสักหน่อย แกนี่น่ารักจริง ๆ ไม่เหมือนบางคน มองแล้วน่ารำคาญ! ”     หลี่เสียวหย่าหยิบตะเกียบขึ้นมา เธอพูดเสียงเบา พร้อมเพิ่มซี่โครงหมูลงไปในชามของสุนัข เธอเห็นฮวนฮวนทำเพียงแค่ดม แต่ไม่กินมัน ปึง!   เสียงนี้ สร้างความตกใจให้กับทุกคน หลี่เสียวหย่าตบตะเกียบลงกับโต๊ะ จากนั้นมองไปยังเมิ่งเฟยและแผดเสียงเรียกอย่างโมโห “แกดูอาหารที่แกทำ หมายังไม่กิน แล้วแกจะให้พวกฉันกินได้ยังไง?ทิ้ง ทิ้งให้หมด ไปทำมาใหม่!”              เมิ่งเฟยไม่มีอะไรจะพูด เขาพูดไม่ออกสักประโยค ใบหน้าแดงก่ำ รู้สึกอึดอัดอย่างผิดสังเกต         “พอได้แล้ว จะว่าไป นี่ก็เป็นอาหารฝีมือพี่เขยของแก ก็กินแก้ขัดไปก่อนเถอะ ”            หลี่เจี้ยนจวินรู้สึกว่าบรรยากาศมันน่าอึดอัด และเขามองไปที่ใบหน้าของหลีเสี่ยวหลิน จึงเอ่ยประโยคนี้ออกมา      ทว่า หลิวเยี่ยนฮว๋ากลับปรายตามองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม แล้วเอ่ยว่า “อะไรที่เรียกว่าแก้ขัดไปก่อน?แต่งงานก็ให้แต่งแก้ขัด กินข้าวก็ให้กินแก้ขัด แกนี่มีอะไรที่แก้ขัดไม่ได้บ้าง ห๊ะ? ”           “เมิ่งเฟย ฉันจะบอกแกให้นะ พวกฉันไม่อยากใช้อะไรที่มันแก้ขัดแล้ว พวกเราทนมาพอแล้ว บ้านนี้ไม่ต้อนรับแก รู้ไหม?เหลือเวลาอีกสามวัน หลังจากสามวัน แกรีบเก็บข้าวของแล้วไสหัวไปซะ!”              หลิวเยี่ยนฮว๋าตัวสั่น ราวกับแม่ไก่ที่กำลังโมโหสุดขีด เมื่อพูดจบเธอก็เดินออกไป โดยไม่ได้ทานข้าว หลี่เจี้ยนจวินก็เหมือนกัน หลังจากลุกขึ้น ก็ชี้นิ้วไปที่เมิ่งเฟย แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ความรู้สึกนี้ทำให้เขาไม่สบายใจ   เวลานี้ เมิ่งเฟยไม่รู้ว่าเขาทำผิดอะไร ไม่ยุติธรรมเลย…      หลิวเยี่ยนฮว๋า หลี่เจี้ยนจวินเดินไปยังห้องนอนทีละคน หลี่เสียวหย่าก็เช่นกัน เธอมองไปที่เมิ่งเฟยอย่างไม่ชอบใจ แล้วเตรียมกลับห้องของตนเอง แต่ในระหว่างที่ทั้งสามคนเดินไปได้เพียงครึ่งเดียว หลีเสี่ยวหลินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เมิ่งเฟยก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที มองไปที่ทั้งสามคนแล้วพูดตามหลังว่า “นี่ทุกคนทำอะไรกันคะ ทานข้าวกันดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง?”     “ป๊า ม๊า เสียวหย่า ไม่เข้าใจอะไรกันเลย ทุกคนจะเป็นแแบบนี้เหรอคะ?เมิ่งเฟยไม่มีเงิน แต่เขาจริงใจกับหนู แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ ทุกคนยังต้องการอะไรอีก?ทุกคนบอกเอง เมิ่งเฟยอยู่บ้านนี้มากี่ปี หลายปีนี้เขาทำอะไรบ้าง ไม่ใช่เหรอ? ”           “เสื้อผ้าในบ้าน ก็ไม่ใช่เขาเหรอที่เป็นคนซัก?ความสะอาดในบ้าน ก็ไม่ใช่เขาทำเหรอ?แล้วก็ มื้อเย็นในทุกวัน ก็ไม่ใช่เขาทำงั้นเหรอ?เขาทำถึงขนาดนี้ ทุกคนก็ยังจะบีบบังคับเขา ทุกคน…จิตใจของทุกคนเป็นหินกันหรือไง? ”      “ปีนั้น เขาช่วยชีวิตหนู จนตัวเองเกือบตาย ขาได้รับบาดเจ็บจนถึงตอนนี้ ทุกคนเคยนึกถึงความรู้สึกของเขาบ้างไหม!”       หลีเสี่ยวหลินตัวสั่น ในขณะที่พูดก็ร้องไห้ออกมา เมิ่งเฟยไม่กล้าพูดอะไร แอบดึงชายกระโปรงของเธอ หวังให้หลีเสี่ยวหลินหยุดพูด ไม่เพียงหลีเสี่ยวหลินจะไม่หยุด ตรงกันข้ามเธอยิ่งพูดและยิ่งโมโห            ชั่วเวลาหนึ่ง ภายในห้องรับแขก มีเพียงเสียงพูดอย่างโกรธเคืองของหลีเสี่ยวหลิน ทั้งพูดทั้งร้องไห้ หยดน้ำตานั้น ไหลราวกับสายน้ำ เสียงสะอื้นไม่หยุดหย่อน เธอไม่สามารถหยุดได้ อย่าเสียใจไปมากกว่านี้เลย มันทำให้เมิ่งเฟยรู้สึกเจ็บปวด อยากจะรีบอย่ากับหลีหสี่ยวหลินเร็ว ๆ ไม่อยากให้เธอต้องลำบากใจแบบนี้อีกแล้ว     แต่ว่าเมิ่งเฟยรู้ดี หลีเสี่ยวหลินไม่ได้เห็นด้วยกับการอย่า      ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะเมิ่งเฟย “ใจไม่สู้พอ” หาเงินได้ไม่มากพอ…      อันที่จริง ฐานะทางบ้านของหลีเสี่ยวหลินนั้นดีมาก เธอเป็นผู้จัดการของบริษัทต่างประเทศ เงินเดือนหมื่นกว่าหยวน นี่ยังไม่นับโบนัสปลายปี หลี่เจี้ยนจวินเป็นหัวหน้าฝ่ายการศึกษาโรงเรียนมัธยมต้นแห่งเจียงเฉิง รายได้สูงพอ ๆ กัน หลิวเยี่ยนฮว๋าเป็นพนักงานธนาคารเจียงเฉิง ค่าตอบแทนก็ไม่เลว ส่วนน้องภรรยาที่ร้ายกาจนั่น คงไม่ต้องพูดถึง หากถามถึงครอบครัวนี้ จะขาดเงินได้ยังไง?            เพียงแต่ พ่อแม่ไม่เต็มใจ พวกเขาไม่ต้องการให้ลูกสาวดีเด่นที่ปลูกฝังเลี้ยงดูมาหลายปีของตนเอง ถูกทำลายด้วยมือของเมิ่งเฟย     ทว่า นี่เป็นเพียงความต้องการของพวกเขาเพียงฝ่ายเดียว หลีเสี่ยวหลินที่มีความเกี่ยวข้องกลับรู้สึกมีความสุขมาก ไม่เพียงแค่เมิ่งเฟยช่วยชีวิตเธอในปีนั้น แต่เธอรู้สึกว่าเขาพูดจริงทำจริง แม้จะเป็นคนธรรมดา หาเงินได้ไม่มาก แต่ก็เป็นคนดี และแข็งแกร่งกว่าผู้ชายกะล่อนพวกนั้นซะอีก      และไม่ต้องพูดถึง ที่บ้านไม่ได้ขาดเงิน! หากไม่ใช่ผู้ใหญ่ทั้งสอง หลีเสี่ยวหลินและเมิ่งเฟยคงย้ายออกไปนานแล้ว บ้านพวกเขาก็ซื้อเรียบร้อยแล้ว แต่หลี่เจี้ยนจวินและหลิวเยี่ยนฮว๋าไม่เห็นด้วย พยายามแทบเป็นแทบตายให้เรายอมอยู่ที่นี่ เพราะเมิ่งเฟยนิสัยดี หากเป็นคนอื่น คงระเบิดไปนานแล้ว       แน่นอนว่า บ้านหลังนี้เป็นเงินของหลีเสี่ยวหลิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD