บทที่ 3 ต้องแต่งงาน 4

1682 Words
ต้องแต่งงาน ตกเย็น... "สวัสดีค่ะคุณตรีภพ" "สวัสดีครับคุณตรีภพ สบายดีนะครับ" "สวัสดีครับคุณพิสุทธิ์ สวัสดีครับคุณนภา" ตรีภพยิ้มทักทายสองสามีภรรยาตรงหน้ากลับด้วยความคุ้นเคยเป็นอย่างดี แล้วพยักหน้ารับไหว้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังพิสุทธิ์และนภา "ผมสบายดีครับ แล้วคุณพิสุทธิ์กับคุณนภาล่ะครับ" "ทางนี้สบายมากเลยค่ะ ว่าแต่คุณตรีภพเถอะค่ะ ดูสดใสขึ้นนะคะ เป็นเพราะยายหนูกลับมาอยู่ด้วยหรือเปล่า" นภาเอ่ยแซวยิ้มๆ ตามประสาคนที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว และยายหนูที่ว่านั่นก็คือจิราวดีนั่นเอง ตรีภพหัวเราะเสียงดัง "จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่รายนั้นไม่ค่อยอยู่บ้านหรอก เพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน อีเว้นต์เยอะเสียเหลือเกิน ไม่เคยจะอยู่บ้านหรอกครับ" "หนุ่มสาวก็งี้แหละค่ะ มีแต่ตาดินลูกชายดิฉันนี่แหละที่เอาแต่ บ้างาน วันๆ อยู่แต่โรงพยาบาล นี่ถ้าไม่ได้มาคุยเรื่องสำคัญก็คงไม่เห็นหน้าเขาหรอกค่ะ" แล้วผู้ใหญ่ทั้งสามคนก็หัวเราะกันขึ้นมาอย่างตลกขบขัน มีเพียงปฐพีที่ยืนฟังนิ่งๆ แม้ตนจะเป็นผู้ถูกกล่าวหาก็ตาม "เข้าไปคุยกันข้างในกันเถอะครับ ข้างนอกมันร้อน เข้าไปตากแอร์เย็นๆ ดีกว่า เชิญครับเชิญ" ว่าจบตรีภพก็ผายมือเข้าไปในบ้าน ก่อนจะกดปุ่มหมุนล้อรถเข็นหันไปบอกฟ้าลดาให้ไปตามลูกสาวลงมา "ฟ้า ไปตามยายแจนลงมาได้แล้วไป บอกว่าแขกมากันแล้ว อ้อ แวะไปบอกยายแช่มก่อนนะว่าอีกประมาณยี่สิบนาทีให้ตั้งโต๊ะอาหารได้เลย แล้วค่อยขึ้นไปตาม" จากนั้นตรีภพก็กดปุ่มเคลื่อนรถเข็นไฟฟ้านำแขกทั้งสามคนเข้าไปในห้องรับแขก พร้อมกับเด็กในบ้านอีกคนยกน้ำและของว่างเข้ามาเสิร์ฟให้ทานเล่นกันก่อน "นานแล้วเหมือนกันนะครับที่พวกเราไม่ได้เจอยายหนู" พิสุทธิ์เอ่ยขึ้นมาพลางจินตนาการถึงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มักไปวิ่งเล่นในรั้วบ้านของเขาเมื่อหลายปีก่อน "ป่านนี้คงโตเป็นสาวสวยจนพวกเราจำไม่ได้" "นั่นสิ ตั้งแต่เราย้ายบ้านไป เราก็ไม่ได้เจอยายหนูอีกเลย เห็นแค่ในรูปที่คุณตรีภพส่งให้ดู ถ้าไปบังเอิญเจอกันข้างนอกไม่รู้จะจำกันได้ หรือเปล่า" แล้วตรีภพก็หัวเราะ "ก็เหมือนเดิมแหละครับ โตขึ้นแล้วสวยเหมือนแม่เขา แต่บางทีก็บ้าๆ บอๆ" ว่าพลางยิ้มเอ็นดูลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ อันที่จริงก็แอบใจหายอยู่เหมือนกัน ที่ต้องยกดวงใจให้คนอื่นดูแล แต่เพราะว่าเป็นคนใกล้ชิดและสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก ตรีภพจึงวางใจ "ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ" ปฐพีที่นั่งฟังผู้ใหญ่พูดคุยกันอยู่นานเอ่ยขึ้นมาพร้อมแจ้งความประสงค์ของตัวเอง "เอาสิลูก ตามสบายเลย รู้ใช่ไหมว่าห้องน้ำไปทางไหน" "รู้ครับ" ชายหนุ่มตอบก่อนจะค้อมศีรษะลงนิดๆ แล้วเดินเลี่ยงออกมาจากห้องรับแขก จากนั้นก็เดินตรงไปยังห้องน้ำที่เมื่อก่อนเขาเคยมาบ่อยครั้ง "คุณ!" ปฐพีที่กำลังจะเดินกลับห้องรับแขกหลังจากทำธุระในห้องน้ำเสร็จ หันไปมองตามเสียงเรียก เห็นคนตัวเล็กรีบเดินไวๆ ลงมาจากชั้นสองของบ้าน แล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้า พร้อมมองเขาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ "คุณมาที่บ้านฉันทำไม" จิราวดียิงคำถามใส่ชายหนุ่มตรงหน้าทันที จำได้ว่าคืนนั้นเธอกับเขาตกลงกันชัดเจนแล้วนี่ว่าไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ โอเค! เธอยอมรับว่าเธอติดใจและชอบเซ็กซ์ของเขามาก แต่ข้อตกลงก็คือข้อตกลงสิ "ฉันว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ ฉันบอกแล้วไงว่าคืนเดียวจบ แล้วคุณจะมายุ่งวุ่นวายกับฉันอีกทำไม บุกมาหาฉันถึงบ้านแบบนี้เพื่ออะไร เอ๊ะ! หรือว่ามาทวงเงิน?" "เพ้อเจ้อ" "ฮะ!?" หญิงสาวถึงกับหน้าเหวอ เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด "คุณว่าใครเพ้อเจ้อ ฉันไม่ได้เพ้อเจ้อนะ คุณนั่นแหละที่เพ้อเจ้อ มาบ้านฉันทำไม แล้วรู้จักบ้านฉันได้ยังไง" "อยากรู้ไหมว่าผมมาทำไม?" เขาเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ จิราวดีจึงหรี่ตาลงมองเขาอย่างต้องการจะจับผิด และประเมินว่าเขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่ ถึงได้ตามมาถึงบ้านแบบนี้ แต่ไม่นานเธอก็ต้องเบิกตากว้างพร้อมกับยกมือขึ้นมาทาบอก "อย่าบอกนะว่าคุณก็ติดใจฉันเหมือนกัน ถึงได้ตามมาถึงที่นี่!?" ยายเด็กจอมเพ้อเจ้อ ปฐพีคิดในใจอย่างเอือมระอา แต่เดี๋ยวนะ… "พูดแบบนี้…แปลว่าคุณติดใจผม?" เพราะคำว่า ‘เหมือนกัน’ ที่เธอพูดออกมา ทำให้เขาไม่สามารถตีความเป็นอย่างอื่นได้เลยจริงๆ "บะ…บ้าแล้ว ใครจะไปติดใจคุณกัน" หญิงสาวว่าพร้อมเสมองไปทางอื่น กลบเกลื่อนความผิดพลาดของตัวเอง บ้าเอ๊ย! อายชะมัด "เมื่อกี้คุณเป็นคนพูดเอง" "นี่! อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ ฉันถามว่าคุณมาที่บ้านฉันทำไม" เธอรีบเฉไฉเอาตัวรอดทันที เธอจะไม่มีทางปล่อยไก่ตัวที่สองออกไปเด็ดขาด แค่เผลอปล่อยตัวแรกออกไปก็อายจะแย่แล้ว ถ้าปล่อยตัวที่สองออกไปอีกเธอไม่ต้องแทรกแผ่นดินหนีเลยเหรอ "มาหาคุณไง" ปฐพีตอบไปตามความจริง เพราะที่เขามาวันนี้ ก็เพื่อมาหาเธอนั่นแหละ "นั่น! แล้วมาบอกว่าฉันเพ้อเจ้อ แต่การที่คุณจะมาหาฉันแบบนี้มันไม่มีประโยชน์หรอก ฉันว่าคุณกลับไปเถอะ ฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นนะ บอกว่าจบคือจบ คุณอย่าพยายามเลย" ถึงแม้จะติดใจและรู้สึกดีแค่ไหน แต่เธอก็ต้องหักใจ เพราะถ้าเธอยอมเขาอีก เธอก็ต้องยอมไปอีกเรื่อยๆ จนไม่มีที่สิ้นสุด อีกอย่างเธอก็กำลังจะแต่งงานแล้วด้วย "เฮ้ย! แล้วคุณจะไปไหน เรายังคุยกันไม่จบเลยนะ คุณ! ประตูอยู่ทางนี้" ปฐพีไม่สนใจเสียงที่ตะโกนตามหลังมา เขาเดินกลับไปยังห้องรับแขกที่มีบิดามารดาของเขา และคุณอาตรีภพนั่งคุยกันอยู่ โดยมียายตัวแสบจอมโวยวายเดินตามหลังมาติดๆ "คุณ! ฉันบอกว่าประตูอยู่ทางนั้น คุณจะเดินมาทางนี้ทำไมเนี่ย บ้านฉันมีแขก…" แล้วเสียงของจิราวดีก็หายไป เมื่อเธอเดินตามเขาเข้ามาถึงห้องรับแขก แล้วสบตาเข้ากับผู้หญิงและผู้ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนโซฟา เธอมองทั้งสองคนสลับกันไปมา "มีอะไรกัน ทำไมเสียงดังมาแต่ไกล" จิราวดีไม่ได้ฟังที่บิดาถาม เพราะเธอเอาแต่มองชายหญิงสองคนที่กำลังส่งยิ้มให้เธอ เธอมองทั้งสองคนอยู่อย่างนั้นพลางครุ่นคิดในใจ หน้าคุ้นๆ ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าใช่คนที่เธอคิดหรือเปล่า "ยายหนู" ทว่าเสียงเรียกอันคุ้นเคยที่ดังออกมาจากปากหญิงวัยกลางคน ที่มักใช้เรียกตอนเธอเป็นเด็ก ทำให้จิราวดีฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจแล้วรีบวิ่งเข้าไปกอดทันที "คุณป้า!" "ยายหนูของป้า โตเป็นสาวแล้ว สวยซะด้วย" นภาพูดพร้อมหอมศีรษะเล็กของจิราวดีด้วยความคิดถึงและรักใคร่ "คิดถึงๆ คิดถึงคุณป้ามากๆ" หญิงสาวผละออกมาแล้วส่งเสียงออดอ้อน พร้อมเอียงแก้มซ้ายแก้มขวาให้คนเป็นป้าได้หอมให้ชื่นใจ "คิดถึงแต่ป้า ไม่คิดถึงลุงบ้างเหรอ" พิสุทธิ์เอ่ยขึ้นมาบ้าง พร้อมกับยิ้มและกางแขนรอหลานสาวเข้าไปกอด จิราวดีเห็นแบบนั้นก็ยิ้มกว้าง แล้วขยับเข้าไปกอดพิสุทธิ์ทันทีพร้อมกับออดอ้อนอย่างที่เคยทำตอนเด็ก "คิดถึงคุณลุงด้วยค่ะ คิดถึงมว้ากกก" พิสุทธิ์ยกมือขึ้นลูบศีรษะพลางหัวเราะเอ็นดูการอ้อนของ หญิงสาว "อ้อนเก่งกว่าตอนเป็นเด็กอีกหรือเปล่าเนี่ย ลุงรู้สึกว่าลูกเล่นเราจะเยอะขึ้นเลย คราวนี้อยากได้อะไรล่ะหื้มม" คนเป็นลุงแกล้งยิ้มแซว เพราะตอนเด็กๆ จิราวดีมักจะมาอ้อนขอของเล่นประจำ และเขาก็มักจะใจอ่อนซื้อให้ทุกที "ง่ะ แจนไม่เอาของเล่นแล้วค่ะ แจนโตแล้วนะ" จิราวดีย่นจมูกใส่คนเป็นลุง "แต่ขอเป็นชาแนลสักใบจะขอบคุณมาก ฮ่าๆ" แล้วทุกคนที่อยู่ในห้องก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง ยกเว้นปฐพีที่เพียงแค่ยิ้มน้อยๆ ยายตัวแสบของเขายังอ้อนเก่งเหมือนเดิม ตอนเด็กเป็นยังไง ตอนโตก็แทบไม่ต่างกันเลย "แพงขนาดนั้น ลุงซื้อไม่ไหวหรอก" พิสุทธิ์รับมุกของหญิงสาว ก่อนจะบุ้ยหน้าไปทางปฐพี "นู้น ไปอ้อนพี่ดินนู้น รายนั้นน่ะรวยมากเลยนะ ซื้อให้เราทีละเป็นสิบๆ ใบยังได้เลย" "หือ…" จิราวดีทำหน้างง ก่อนจะหันไปมองตาม "ไหนคะพี่ดิน?" ถามพร้อมกับจ้องปฐพีเขม่ง หัวคิ้วย่นเข้าหากันนิดๆ อย่าบอกนะว่า… "นี่ไงพี่ดิน" นภาชี้นิ้วไปทางปฐพีเพื่อยืนยันว่าเขาคือพี่ดินของเธอ "หนูจำพี่ดินไม่ได้เหรอ ตอนเด็กๆ ยังวิ่งตามพี่เขาอยู่เลย" แล้วจิราวดีก็ตาโต อ้าปากค้าง เกิดอาการช็อกขึ้นมากะทันหัน ผะ…ผู้ชายที่เธอนอนด้วยคืนนั้นคือ… "แว่น!"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD