หนีไม่พ้น

1376 Words
หลังจากสิ้นภารกิจจับสายรหัส พวกปีหนึ่งก็ต้องมานั่งรวมตัวเพื่อฟังประกาศจากรุ่นพี่ โดยที่ฉันเอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาเพราะเลี่ยงการปะทะสายตากับไอ้พี่เรส ไอ้พี่บ้านี่ก็เอาแต่จ้องอยู่ได้ กลัวฉันคลาดสายตาไปหรือยังไงกัน “วันนี้เราจะเลือกดาว-เดือนมหาลัยกันนะคะ ใครที่ถูกเลือกในวันนี้ เราต้องมาเจอกันอีกทีพรุ่งนี้ตอนห้าโมงเย็นที่ใต้ตึกของสาขา เพื่อที่จะคัดเอาเพียงแค่ชายหรือหญิงฝั่งละหนึ่งคนเท่านั้น เพราะฉะนั้นวันนี้เปิดโอกาสให้ทุกคนเสนอตัวเองได้เต็มที่ค่ะ” ยัยพี่แพมเดินออกมาประกาศพลางกวาดสายตามองมายังกลุ่มคนที่นั่งรวมตัวกันอยู่ “เอาละครับ อันดับแรกพี่จะให้น้อง ๆ เสนอตัวเองก่อน ทุกคนหลับตาครับ” ฉันทำตามคำสั่งพี่ไทน์อย่างรวดเร็ว รีบหลับตาลงเพื่อรอฟังประโยคต่อไป “ใครที่อยากสมัครคัดเลือกดาว-เดือน ยกมือขึ้นครับ” สิ้นประโยค ฉันก็รีบยกมือขึ้นจนสุดแขน และยกค้างเอาไว้อยู่แบบนั้นจนกระทั่งได้ยินสัญญาณให้เอามือลง ตามจริงฉันไม่ชอบการประกวดอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่มันเป็นกฎของสายรหัส พี่ไทน์บอกว่าสายนี้เขาประกวดกันมาหลายรุ่นแล้ว ส่วนตัวของพี่ไทน์เองก็ยังไม่รอด ขนาดเขาไม่อยากเป็นยังต้องฝืนกลั้นใจยกมือจนได้ตำแหน่งเดือนคณะมาครอง ส่วนไอ้พี่เรสนั้นไม่ต้องพูดถึง เขาไม่แม้แต่จะให้ความสนใจกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ “มีใครอยากเสนอคนอื่นอีกไหมคะ ยกมือได้” “ไปไหม” ฉันขยับเข้าไปกระซิบข้างหูยัยก้านตอง เผื่อว่าจะได้มีเพื่อน และที่สำคัญเผื่อยัยนั่นฟลุกได้รับการคัดเลือก ฉันจะได้จับเธอแต่งองค์ทรงเครื่องเสียใหม่ เอาให้ผู้ชายมองเหลียวหลังกันทั้งมอไปเลย “ไม่อะ ไม่ได้สวยขนาดนั้นสักหน่อย” อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างถ่อมตน “โห! ไม่สวยอะไร ขนาดแกไม่แต่งตัวยังสวยทะลุแว่นเลย ถ้าแกลงฉันว่าชนะขาดอย่างแน่นอน” “แล้วแกลงไหม?” “เมื่อกี้ยกมือไปแล้ว สายฉันบังคับน่ะ” “อ๋ออ” ยัยก้านตองเพียงแค่พยักหน้ารับ แต่กลับไม่ได้มีทีท่าสนใจ ฉันจึงเตรียมจะพูดกรอกหูอีกรอบ ทว่าใครบางคนที่เสนอชื่อยัยก้านตองก็ทำให้ฉันชะงัก “เสนอน้องก้านตองครับ” น่าแปลกที่ฉันเองก็พยายามยุให้ยัยก้านตองไปคัดเลือกดาว-เดือนด้วยกัน แต่พอไอ้พี่เรสเสนอชื่อ ฉันกลับรู้สึกน้อยใจอย่างอธิบายไม่ถูก ไม่อยากเป็นคนขี้น้อยใจแบบนี้เลย ไม่อยากเป็นคนนิสัยเสียแบบนี้... สรุปแล้วทั้งฉันและยัยก้านตองก็ต้องร่วมเข้าการคัดเลือกอย่างเลี่ยงไม่ได้ ฉันก็ไม่ได้น้อยใจอะไรเพื่อนรักของตัวเองหรอก แต่กับผู้ชายคนนั้น... มันก็แอบสะกิดใจอยู่บ้าง “ปะออม” พี่ไทน์พยักหน้าเรียก ฉันจึงรีบถือกระเป๋าเตรียมจะเดินไปขึ้นรถด้วย เพราะวันนี้เรามีเลี้ยงสายกันที่ร้านเนื้อย่าง แต่ยังไม่ทันที่จะถึงตัวพี่ไทน์ ข้อแขนเล็กก็ถูกรั้งไว้จนฉันต้องหยุดชะงัก “ไปขึ้นรถฉัน” ผู้ชายหน้าด้านออกคำสั่งอย่างไม่อายปาก “อะไรของมึงไอ้เรส นี่น้องรหัสกู” “แต่ก็ไปที่เดียวกันไง” “แล้ว?” พี่ไทน์ขมวดคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ “ไม่ต้องถามมาก มึงเอาน้องตองไปด้วย กูจะเอาออมไปเอง” “ไม่ค่ะ! พี่ไม่ใช่พี่รหัสออม” ฉันสะบัดมือออกทำเอาคนร่างใหญ่ถึงกับหน้าเหวอ เตรียมจะคว้าแขนฉันอีกรอบ แต่ก็ช้าไปกว่าฉันที่เปิดประตูรถแล้วยัดตัวเองเข้าไปด้านใน ถึงกระนั้นก็ยังถูกเขาตามมาวุ่นวายไม่เลิก โชคดีที่พี่ไทน์เข้ามาห้ามแล้วก็พูดคุยกันอยู่สักพักจนพี่เรสยอมเดินแยกออกไปขึ้นรถของตัวเอง ระหว่างนั่งรถมากับพี่ไทน์ อีกฝ่ายก็เอาแต่เงียบจนบรรยากาศภายในรถเริ่มอึดอัด ฉันว่าฉันควรหาอะไรมาชวนคุยแล้วละ “พี่ไทน์คะ/ออม” แต่จังหวะที่เราจะพูดทำลายบรรยากาศ ก็ดันพูดออกมาพร้อมกันอีก “เอ่อ... พี่ไทน์พูดก่อนเลยค่ะ” “เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นไหม?” “ออม... เป็นอะไรเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างนึกแปลกใจ หรือจะหมายถึงเรื่องที่ฉันบอก ยัยก้านตองว่าป่วย “ก็ที่เมื่อวานโดนมอมยาไง ตอนนี้ดีขึ้นแล้วใช่ไหม” “...” พี่ไทน์รู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน นี่ไอ้พี่เรสมันเอาเรื่องนี้ไปป่าวประกาศบอกคนอื่นงั้นเหรอ แล้วได้บอกไหมว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรบ้างที่ห้องของเขา? “พี่ไทน์รู้ได้ไงคะ” “ไอ้เรสมันมาถามวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นน่ะ แต่มันไม่ได้บอกหรอกว่าใครเป็นอะไร พี่เดาเอาเองว่าน่าจะเป็นออม แล้วถ้าเดาไม่ผิดคงจะเกี่ยวกับน้องที่ชื่อมิลลิด้วยใช่ไหม?” ยัยมิลลิ!! ยัยสารเลว พูดไปแล้วก็ยังหงุดหงิดไม่หาย ดีนะที่วันนี้ไม่เห็นหน้ามัน ไม่งั้นมันคงไม่ได้ตายดีแน่ “แล้วพี่ไทน์รู้ได้ยังไงคะว่าเกี่ยวกับมิลลิด้วย” “ก็... ไอ้เรสมันจับยัดเข้าคุกหมดแล้ว” “ฮะ!!” ฉันเบิกตาโพลง เผลออุทานเสียงดังอย่างลืมตัว ก็มันน่าตกใจจริง ๆ นี่ เขาทำเรื่องแบบนี้ทำไมไม่บอกกันก่อน “รวบไปทั้งแก๊งเลยนะ ข้อหามั่วสุมเสพยา เด็กที่ชื่อมิลลินั่นก็ถูกเด้งออกจากมหาลัยแล้ว” “...” นี่เขาต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่ปรึกษากันก่อนเล่า เอาแต่ใจยังไงก็ยังเอาแต่ใจเหมือนเคย! “มันก็ดูรักออมมากนะ ทำไมเลิกกันอะ” เห็นเงียบ ๆ ขี้เสือกเหมือนกันนะพี่ไทน์ ฉันเหลือบมองอีกฝ่ายแล้วได้แต่คิดในใจ เพราะถ้าเผลอหลุดปากพูดออกไปคงโดนเขาสวนหมัดฟันหลุดหมดปากแน่ “เขาไม่ได้เล่าให้พี่ฟังเหรอคะ” “มันบอกแค่ว่าออมบอกเลิกมัน แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดน่ะ พี่ไม่ได้อยากเสือกหรอกนะ แต่ตอนที่ออมทิ้งมันไปใหม่ ๆ สภาพแม่งดูไม่ได้เลย มันไม่เอาเหี้ยไรทั้งนั้น เอาแต่เมาหัวราน้ำทุกวัน มันเกือบจะดรอปเรียนไปด้วยซ้ำ ออมก็ดูรักมันมากนี่ ทำไมถึงตัดสินใจแบบนั้นล่ะ” “เมื่อก่อนรักมากค่ะ แต่ตอนนี้ไม่ได้รักแล้ว” “หึ เหรอ” แค่นหัวเราะแล้วกระตุกยิ้มแบบนี้หมายความว่าไง? ไม่เชื่อฉันเหรอ “ก็ดีแล้วแหละ ถ้าออมไม่รักมันแล้วก็บอกมันไปตรง ๆ ไอ้เรสมันปิดกั้นตัวเองมาตลอด แม่งไม่ยอมยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนเลย ถ้าออมมั่นใจว่าไม่กลับไปแล้วก็บอกให้มันตัดใจซะ มันจะได้เริ่มต้นรักใหม่กับผู้หญิงคนอื่นสักที” “อย่างพี่เรสเนี่ยนะคะไม่ยอมยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหน ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ออมก็ไม่บอกเลิกเขาหรอกค่ะ” “หือ? หมายความว่าไง” ฉันเผลอหลุดปากพูดอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะมีสติแล้วยั้งตัวเองไว้ได้ทัน “ช่างมันเถอะค่ะ ออมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก” ฉันเบือนหน้ามองออกไปด้านนอกรถ พร้อมกับเหม่อลอยไปด้วยความรู้สึกสับสนที่เริ่มก่อตัว ภายในหัวเริ่มมีเรื่องให้คิดมากยิ่งขึ้นจนไม่รู้ว่าควรจับประเด็นไหนขึ้นมาแก้ไขก่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD