ตอนที่ 5 ภายใต้ความเงียบ

1725 Words
ตอนที่ 5 ภายใต้ความเงียบ “ฐาคะ อรเจ็บข้อเท้าจังเลยค่ะ สงสัยตอนล้มข้อเท้าจะแพลง” “ถ้าอย่างนั้นค่อย ๆ เดินแล้วกัน เมื่อกี้คุณบอกว่าจะขอกลับด้วย แล้วรถของคุณล่ะ เขาไม่ได้อยู่รอรับอย่างนั้นหรือ” “อ๋อ พอดีคนขับรถบอกว่า คุณพ่อต้องบินไปต่างประเทศน่ะค่ะ เลยให้คนขับรถไปส่งที่สนามบิน ฐาคุณช่วยไปส่งอรที่บ้านหน่อยนะคะ” “เฮ้อ” ปุณณดาก้มหน้ายกมือขึ้นมาปิดปากนิด ๆ กดเปิดหน้าจอโทรศัพท์เพื่อดูเวลา จนเมื่อเห็นว่านี่มันเกือบเที่ยงคืนแล้ว “ปุณ ผมจะไปส่งอรที่บ้าน คุณกลับเองนะ” “คะ” “เมื่อกี้นี้ รู้ตัวหรือเปล่าว่า เธอทำข้อเท้าเขาแพลง” “โอ้ อย่างนั้นหรือคะ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้คุณควรรีบพายายอรไปโรงพยาบาล ให้คุณหมอเช็กมวลกระดูกหน่อยนะคะ” “ไม่ต้องมาประชด” “เปล่าค่ะ แต่พูดจริง” ปุณณดาไม่อยู่รอให้เวลาล่วงผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ เธอตัดสินใจเดินออกมาแจ้งให้พนักงานของโรงแรมเรียกรถแท็กซี่ให้ เพราะต้องการรีบกลับไปพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้เธอยังมีงานอีกมากมายรออยู่ “คุณครับ คุณลงตรงนี้ได้หรือเปล่า ผมจะไปส่งรถ” “ฮะ! คุณจะให้ฉันลงกลางทางเนี่ยนะ” ปุณณดาตวาดเสียงแหลมออกมาทันที “ผมต้องส่งรถก่อนเที่ยงคืน ไม่อย่างนั้นโดนค่าปรับ” “ถ้าจะส่งรถก่อนเที่ยงคืน ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ฉันจะได้ไม่ต้องขึ้นมา จะได้ไปโบกคันอื่น” “ก็คิดว่ามันจะขึ้นทางด่วนทันนี่นา เอาละลงไปก่อน ผมต้องไปแล้ว” “แต่ฝนมันตกอยู่นะ แล้วมาปล่อยฉันลงกลางทางอย่างนี้ ฉันจะหารถที่ไหนได้ล่ะ” หลังจากทุ่มเถียงกับโชเฟอร์รถแท็กซี่มักง่ายอยู่นาน ปุณณดาจำใจ เปิดประตูรถวิ่งฝ่าสายฝน ลงมายืนรอเรียกรถคันใหม่อยู่ข้างทาง ฝนกระหน่ำสาดซัด จนชุดราตรียาวราคาเกือบแสนของเธอ มีสภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว แผลสดบริเวณใต้ฝ่าเท้า ปวดจนปุณณดาไม่สามารถเดินลงน้ำหนักได้อย่างเต็มที่ “เอ๊ะ นั่นยายปุณนี่คะ ทำไมมาเดินเสื้อผ้าเปียกอย่างนั้น นี่คงไม่คิดว่าจะมาอ่อยผู้ชายข้างถนนหรอกนะ” “คุณฐาจะให้ผมจอดรถรับคุณปุณขึ้นรถมาหรือเปล่าครับ” “ไม่ต้องสะเออะ รีบไปบ้านฉัน ฉันปวดข้อเท้าจะแย่แล้ว ฐาพรุ่งนี้คุณไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนอรนะคะ ไม่รู้ว่าเส้นเอ็นพลิกหรือว่ากระดูกหักหรือเปล่า” “เจ็บมากหรือ” ตาหลุบมองลงไปยังขอเท้าเล็ก ก่อนจะมองลอดช่องว่าข้างเบาะคนขับตรงกระจกมองหลังเห็นปุณณดาเดินกะเผลกในท่าทางแปลก ๆ “เจ็บมากเลยค่ะ ไม่คิดว่ายายปุณจะขี้โมโหขนาดนี้นะคะ” “คุณฐาครับ” “ไปส่งคุณอร” “ผมให้คุณนั่งรถกลับมาก่อนตั้งนาน แล้วทำไมเพิ่งกลับถึงบ้าน นี่คงไม่ได้ไปแวะที่ไหนมาหรอกใช่ไหม” ฐาปกรณ์ออกมายืนกอดอกมองภรรยาที่เดินลงมา จากรถแท็กซี่คันหนึ่ง ในสภาพเนื้อตัวเปียกมะล่อกมะแล่ก ผมเผ้าเปียกลู่ชี้ฟู เสียทรงจากเดิมตอนที่เดินลงมาจากชั้นสอง ใบหน้าขาวซีดจนเซียว ริมฝีปากสั่นจนเขียวเพราะความหนาว จากทั้งลมและฝน สองแขนพยายามกอดรัดตัวเองเพื่อเพิ่มความอบอุ่นแม้เพียงน้อยนิดก็ตาม “ในเมื่อคุณบอกว่ารู้จักฉันดี อย่างนั้นคงไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องเสียเวลามาอธิบายอะไร” เท้าเจ็บพยายามเดินอย่างมั่นคงที่สุด เวลานี้ปุณณดาไม่ปรารถนาต่อปากต่อคำกับฐาปกรณ์ให้เปลืองเวลา ความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย หนาวสั่นเหมือนร่างกายนั้นกำลังถูกอากาศอันทารุณเล่นงาน “นั่นคุณจะทำอะไรคะ คิดจะขโมยอย่างนั้นหรือ” แม่บ้านคนหนึ่งเดินมาเปิดไฟตะคอกเสียงเขียว “คงใช่มั้ง ยาแดง แอลกอฮอล์ ผ้าพันแผลนี่คงขายได้หลายตังอยู่ รวยเละเลยฉัน” ปุณณดายักไหล่คว้ากระเป๋ายาสามัญประจำบ้านออกมาจากตู้แล้วหิ้วมันเดินกะเผลก ๆ กลับขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อล้างทำความสะอาดแผลที่เวลานี้มันเปื่อยซีดเพราะเดินตากฝนมานาน ยาแก้ปวดลดไข้ถูกปุณณดากินเข้าไปเพื่อช่วยบรรเทาอาการหนาวสั่น จากนั้นล้มตัวนอนลงไปบนเก้าอี้นวมตัวเดิมที่เธอใช้มันหลับนอนตลอดหลายคืนที่ผ่านมา “ยาแก้ปวด กับชุดอุปกรณ์ทำแผลค่ะคุณปุณ” ญาดาเลขาฯ หน้าห้องวางกล่องปฐมพยาบาลกับยาพาราเซตามอลกระปุกใหญ่ลงไปบนโต๊ะเจ้านาย “มีอะไรอีกหรือเปล่า” “ญาดาว่า คุณปุณไปหาหมอไม่ดีกว่าหรือคะ” ตาเหล่เหลือบไปทางประตูห้อง เมื่อครู่นี้เองตอนที่เธอกดลิฟต์ลงไปขอชุดปฐมพยาบาลกับยาแก้ปวดที่ฝ่ายบุคคล เธอเห็นอรสิมาเดินออเซาะเกาะแขนเกาะขาฐาปกรณ์ บอกว่าเจ็บข้อเท้า แต่อรสิมากับใส่รองเท้าส้นสูงปรี๊ด ผิดกับปุณณดาที่บอกเมื่อเช้าเธอเห็นชัด ๆ ว่าปุณณดาสวมคัทชูหุ้มส้นธรรมดา แล้วดูนั่นสิฝ่าเท้าสีขาวช้ำแดง แถมแผลยังดูเหมือนจะอักเสบเสียด้วย “แผลเท่านี้ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปหาหมอหรอก อีกอย่างฉันมีงานสำคัญกว่ารอให้จัดการ แค่ยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบเท่านี้ก็พอแล้ว” “แต่ว่า....” “ขอบใจนะที่เป็นห่วง บ่ายนี้ข้อมูลที่จะเอาเข้าที่ประชุมเรียบร้อยแล้วใช่ไหม ส่งเข้าเมลมาให้ฉันตรวจสอบก่อนนะ” “ค่ะ” คุณหมอสาวเงยหน้าขึ้นมามองคนไข้ จากนั้นไล่สายตาอ่านข้อมูลอาการบาดเจ็บเบื้องต้นที่พยาบาลเขียนมาให้บนคลิปบอร์ด แนบด้วยฟิล์มเอกซเรย์ “เท่าที่หมอตรวจดู กระดูกไม่มีปัญหาอะไรนะคะ เส้นเอ็นก็ปกติดี” “จะปกติได้ยังไงคะฉันเจ็บมาก คุณหมอไม่เป็นฉันหมอจะไปรู้อะไร ฐาคะเราเปลี่ยนโรงพยาบาลเถอะค่ะ หมอที่นี่ไม่ใส่ใจคนไข้เลย” “หมอวินิจฉัยจากผลการตรวจค่ะ แต่ถ้าคุณบอกว่าเจ็บมากอย่างนั้นหมอจะจ่ายยาแก้ปวด กับยาคลายกล้ามเนื้อไปให้แล้วกันนะคะ” “แล้วฉันต้องกลับมาพบหมออีกหรือเปล่าคะ ฐามาเป็นเพื่อนอรนะคะ” “ไม่จำเป็นค่ะ แค่ทานยากับทายาคลายกล้ามเนื้อที่หมอจ่ายให้เท่านั้นก็พอแล้ว” “หมอที่นี่ไม่ได้เรื่องเลย ไม่เก่งเลยคนเจ็บจะตายอยู่แล้วยังบอกไม่เป็นอะไร เดี๋ยวอรจะคอมเพลนร้องเรียนให้โดนย้ายไปเป็นหมออนามัยให้หมดเลย” “แค่หกล้มธรรมดา อีกอย่างถ้าเจ็บมากคุณไม่ควรใส่รองเท้าส้นสูงอย่างนี้นะ เพราะมันจะยิ่งทำให้ต้องลงน้ำหนักที่เท้า แล้วก็ต้องเกร็งเท้า เกร็งกล้ามเนื้อส่วนขาเวลาเดิน” “ฐา นี่คุณคิดว่าอรแกล้งเจ็บอย่างนั้นหรือคะ” “เปล่า ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านฐาปกรณ์ได้ยินแม่บ้านคนหนึ่งไปยืนฟ้องแม่ของตนว่า เมื่อคืนนี้ปุณณดาเดินลงมาเอาชุดทำแผลและยาแก้ปวดกลางดึก อีกทั้งตอนขับรถออกจากบ้านเขาบังเอิญเห็นในถังขยะมีกล่องกระดาษพันด้วยเทปกาวสีแดงแน่นหนา ด้านหน้ามีรอยปากกาเมจิกที่เขาจำได้ดีว่าเป็นลายมือของปุณณดาเขียนกำกับว่า ‘เศษแก้วแตก’ ภาพแก้วเหล้าที่เขาขว้างมันลงพื้นเมื่อคืนก่อนวิ่งย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำทันที แต่ปุณณดาไม่ได้เอะอะโวยวาย หรือมีท่าทีแสดงออกว่าได้รับบาดเจ็บอะไร นอกจากท่าเดินประหลาด ๆ เมื่อคืน ฐาปกรณ์เดินกลับเข้ามาภายในห้องนอนส่วนตัว ซึ่งเมื่อหลายวันก่อนมันถูกใช้เป็นห้องหอ หากแต่เพราะคืนนั้น คนที่เขาอนุญาตให้ขึ้นมานอนเป็นคนแรกกลับเป็นอรสิมา เพื่อนสนิทที่อยู่เคียงข้างในช่วงเวลาที่เขามืดมนตลอดหลายปีที่ผ่านมา “ดูเหมือนคุณปุณจะไม่ได้นอนเตียงค่ะ ป้ามาเก็บห้องทุกวัน เห็นมีหมอนกับผ้าห่มพับวางไว้ตรงเก้าอี้นั้น” “ไม่นอนเตียงอย่างนั้นหรือ เธอคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่ปุณ” ฐาปกรณ์เดินไปหยุดอยู่ตรงเก้าอี้นวมที่เขามักใช้มันนั่งทำงาน บนนั้นมีหมอนอิงใบวางซ้อนอยู่กับผ้าห่มสำลีผืนหนึ่ง “นี่มัน...” “สงสัยเมื่อคืนค่ะ เดี๋ยวป้าเอาไปทิ้งให้ ผู้หญิงคนนี้อารมณ์ร้ายกาจมากเลยนะคะ ตั้งแต่วันก่อนโน้นที่อาละวาดขว้างของใส่คุณหญิง เมื่อคืนนั้นก็ทำแก้วแตกในห้อง แต่สมน้ำหน้าน่าจะโดนแก้วบาดเองมั้งคะ ป้าเห็นมีทิชชูเปื้อนเลือดเต็มถังขยะไปหมด นี่ก็อีก สงสัยแผลยังไม่หาย” ติ๊ง สัญญาณดังพร้อมประตูลิฟต์เลื่อนเปิดออกจากกัน ปลุกให้พนักงานรักษาความปลอดภัยวัยห้าสิบที่นั่งสัปหงกจนหัวเกือบโขกโต๊ะดีดตัวลุกขึ้นมายืนโค้งให้กับท่านประธาน “คุณฐามารับคุณปุณหรือครับ” เจ้านายหนุ่มไม่ได้ตอบหากแต่มองเลยลึกเข้าไปด้านใน เห็นแสงไฟส่องผ่านลอดออกมาจากบานประตูซึ่งเป็นกระจกใส ฐาปกรณ์ สาวเท้าก้าวไปยืนอยู่ตรงหน้าห้อง บนโต๊ะทำงานนั้น มีกองเอกสารจำนวนมาก วางเรียงสูงขึ้นไปเป็นชั้น ๆ เบื้องหลังโต๊ะทำงาน ปุณณดานั่งก้มหน้าพลิกเอกสารท่าทางเคร่งเครียด “เขาทำงานดึกอย่างนี้ทุกคืนหรือ” ฐาปกรณ์เดินกลับออกมากดลิฟต์ลงไปยังชั้นล่าง สร้างความแปลกใจให้กับ รปภ. ไม่น้อย “ครับ คุณปุณอยู่ทำงานดึกแบบนี้ทุกคืน บางวันก็ให้คนซื้อพวกเอ็มร้อย กาแฟมาให้ผมด้วยเพราะว่าต้องคอยอยู่ปิดประตู แล้วคุณฐาไม่รอคุณปุณหรือครับ” “ไม่ ในเมื่อเขาอยากทำงาน ก็ปล่อยให้เขาทำงานไป อ้อ...ไม่ต้องบอกเขานะว่าผมมาที่นี่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD