ตอนที่ 7 ตำแหน่งรองประธาน

1755 Words
ตอนที่ 7 ตำแหน่งรองประธาน โครม! ฝ่ามือสะบัดปัดข้าวของบนโต๊ะล้มลงกระจัดกระจายระเนระนาด ตาขวางมองตามพนักงานสี่คนที่ช่วยกันหอบเอกสาร เดินตามหลังปุณณดาออกจากห้องไป ทำราวเหมือนกับเขาไม่อยู่ในสายตา ไม่มีบทบาท ไม่มีอำนาจสั่งให้ใครเชื่อฟัง “ฐาคะ คุณต้องจัดการกับยายปุณบ้างแล้วนะคะ อย่าปล่อยให้เขามีอำนาจเหนือคุณ ตัวเองเป็นแค่เมียจากพินัยกรรมคนตาย เอ๊ยจากคุณพ่อเท่านั้น ถ้าคุณจะแอบริบอำนาจของตำแหน่งรองประธานกรรมการคืนมา คุณพ่อท่านก็ไม่รู้หรอกค่ะ” อรสิมาได้ที ยุยงใส่ไฟต้องการให้ฐาปกรณ์โกรธเกลียดปุณณดามากกว่าที่เคยรู้สึก “อร วันนี้คุณไปทานข้าวคนเดียวได้หรือเปล่า” “หมายความว่ายังไงคะ” “คุณก็เห็นแล้วนี่ว่าผมมีงานต้องทำ” “มีงานแล้วยังไงคะ ในเมื่อยายปุณอวดเก่งนัก คุณก็ให้เขาทำไปสิ ไม่เอานะร้านนี้กว่าอรจะจองโต๊ะได้ คุณรู้หรือเปล่าว่าอรต้องยัดเงินให้ผู้จัดการร้านไปตั้งหลายพัน นะคะฐา ไปทานข้าวกับอรนะ อรจะได้ถ่ายรูปลงไอจีอวดเพื่อน ๆ ว่าเราสองคนยังรักกันดี แค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง” “แต่ว่าผมมีงานต้องทำ” “แค่ทานมื้อเที่ยงเองค่ะ อรสัญญาว่าทานข้าวอิ่มแล้ว อรได้รูปสวย ๆ เอาไปลงไอจี อรจะปล่อยให้คุณกลับมานั่งทำงานอย่างที่คุณต้องการ” ออฟฟิศอันวุ่นวายโกลาหลเมื่อช่วงเช้า ตอนนี้กลับว่างเปล่าเหมือนไร้ซึ่งพนักงาน เสียงเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพรินต์ที่เคยดังครืดคราดเงียบสนิท ส่งคืนความสงบสุขให้กับออฟฟิศส่วนชั้นผู้บริหารได้ในที่สุด ฐาปกรณ์มองผ่านเลยเข้าไปยังไฟแสดงสถานะหน้าห้องประชุมซึ่งติดอยู่ นั่นหมายความว่าเวลานี้กำลังมีคนใช้งานห้อง ก่อนที่เท้าทั้งสองจะก้าวไปข้างหน้าดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างรั้งเขาไว้ “....นั่งกินข้าวกล่องโง่ ๆ ในห้องทำงานอย่างนั้นหรือ?” บานประตูกระจกใสซึ่งมีป้ายตำแหน่งรองกรรมการฯ ติดอยู่ด้านบนถูกฐาปกรณ์เปิดออกอย่างช้า ๆ สิ่งแรกที่สะดุดสายตาคือกองเอกสารตั้งใหญ่ ทั้งบนโต๊ะทำงาน โต๊ะเคียง ที่มีคนนำมาตั้งวางเรียงกันหลายตัว ประธานกรรมการผู้ถือหุ้นรายใหญ่เดินเข้าไปใกล้ กวาดตามองเอกสารหลายแฟ้มถูกจัด ถูกวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ หากแต่บางแฟ้มมีโพสต์อิท กระดาษโน้ตเสียบทิ้งเอาไว้ให้เห็น ถาดอะลูมิเนียมสี่เหลี่ยมวางชิดอยู่ตรงมุมหนึ่งของโต๊ะ ด้านบนเป็นจานข้าวแบบร้านอาหารตามสั่งทั่วไป ฐาปกรณ์สังเกตเห็นมีร่องรอยการตักกินข้าวในจานไปเพียงไม่กี่คำเท่านั้น แม้แต่ข้าวคำสุดท้าย ยังถูกตักค้างเอาไว้ในช้อนไม่ได้รับการป้อนส่งไปถึงปาก “อุ๊ย ขอโทษค่ะคุณฐาป้าคิดว่าในห้องไม่มีคนอยู่ พอดีจะมาเก็บจานข้าวของคุณปุณ” แม่บ้านเก่าแก่ประจำสำนักงานเดินค้อมหลังเข้ามายอกเอาถาดที่มีจานข้าวแห้ง ๆ ไป “เขากินอย่างนี้เสมอหรือ” ฐาปกรณ์หันมองไปรอบห้องทำงาน โต๊ะทุกตัวเต็มไปด้วยเอกสาร จากแผนกต่าง ๆ วางแยกเอาไว้อย่างชัดเจน กระดานไวต์บอร์ดที่เขาเคยเห็นมันอยู่ในห้องประชุม ถูกเข็นนำมาวางชิดไว้ยังผนังห้องด้านหนึ่ง หมึกปากกาแยกสีเขียนโพรเจกต์งานสำคัญเรียงลำดับหัวข้อต่าง ๆ อย่างชัดเจน “ค่ะ คุณปุณไม่เคยออกไปทานข้าวข้างนอกหรอกค่ะ จะให้ป้าโทรสั่งร้านข้าวใต้ตึกมาให้ แต่บางวันตั้งทิ้งไว้นานเหมือนไม่ได้ทานก็มี” ท่ามกลางความขึ้งเครียดของการประชุมฝ่ายการตลาดเพื่อร่วมกันหาแนวทางกระตุ้นยอดขาย ฐาปกรณ์เปิดประตูห้องเดินเข้ามาขัดปล้องกลางที่ประชุมจนทุกคนถึงกันนั่งสะกิดขากัน เนื่องจากระยะหลังมานี้ฐาปกรณ์แทบไม่มีบทบาทอะไรเลย “ประชุมต่อได้เลย ผมแค่ต้องการเข้ามานั่งฟังทิศทางการตลาดเท่านั้น” “เอาละ ไตรมาสหน้าเราจะทำการตลาดเชิงรุกที่ต้องบุกตีตลาดใหม่ให้ได้ ทุกวันนี้สื่อโซเชียล ดารา นักแสดง อินฟลูฯ ยูทูบเบอร์เข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ เราอาจต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบสื่อโฆษณาให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น” ลำคอระหงแสดงอาการกลืนน้ำลายฝืดเหนียวลงคอ ก่อนจะเอียงข้างหันไปสั่งอะไรบางอย่างกับเลขาฯ ทันทีเมื่อพนักงานและทีมผู้บริหารจากฝ่ายการตลาดทยอยเดินออกจากห้องไป พนักงานและทีมงานจากฝ่ายการเงิน การบัญชีก็เดินเรียงหน้าเข้ามานั่งแทนที่จนเต็มห้อง “ได้แล้วค่ะ” “ขอบใจ” ยาแก้ปวดสีขาวสองเม็ดถูกเลขาฯ แอบยื่นส่งให้ปุณณดาจากใต้โต๊ะ จากนั้นมันถูกหยิบใส่เข้าไปในปากอย่างรวดเร็วชนิดที่หากใครไม่ได้นั่งจ้องอยู่คงไม่รู้แน่ว่ารองประธานกรรมการที่กำลังนั่งทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม ทุกคำพูดฉะฉานน่าฟังนั้น กำลังถูกร่างกายของตัวเองประท้วงอย่างรุนแรง “ดูเหมือนคุณจะทุ่มเทให้กับบริษัทนี้มากกว่าผมอีกนะ” หลังจากการประชุมยาวนานสิ้นสุดลง พนักงานทั้งหมดทยอยเดินทางกลับบ้าน ฐาปกรณ์เดินเข้ามาในห้องรองประธานกรรมการเห็นปุณณดานั่งใช้นิ้วนวดขมับตัวเองอยู่ “แล้วมันไม่ดีหรือคะ” “คุณตกลงอะไรกับคุณพ่อ แต่งงานกับผม เข้ามาบริหารงาน จากนั้นล่ะ....ต้องการอะไร” “ผลกำไรไงคะ ที่ฉันลงทุน ลงแรงอยู่นี่ก็เพื่อทำให้บริษัทของคุณมีผลกำไร ไม่ใช่แค่สิบหรือยี่สิบเปอร์เซ็นต์อย่างที่ผ่านมา แต่เป้าหมายของฉันมันยิ่งใหญ่กว่านั้น” “เมื่อก่อนเคยมีคนบอกผมว่า อย่าทำงานหนักจนหลงลืมคนที่รักเอาไว้เบื้องหลัง...” “นั่นคงเป็นคำพูดของเด็ก ๆ พวกเขายังอ่อนเดียงสา ยังไม่มีประสบการณ์ชีวิต เขาไม่รู้หรอกว่าในโลกของผู้ใหญ่ บนเส้นทางของคำว่าธุรกิจ มันมีอะไรสำคัญมากกว่าคนรัก” “ฮึ ใช่...เด็กมากจริง ๆ” เป็นเวลาดึกมากแล้ว เมื่อรถคันใหญ่เลี้ยวกลับเข้ามาจอดยังโรงจอดรถในคฤหาสน์หรู ลูกชายเพียงคนเดียวของตรกูลเศรษฐีพันล้าน เดินมาหยุดแหงนคอมองไฟสว่างซึ่งส่องลอดออกมาจากหน้าต่างที่เมื่อก่อนนั้นมันเคยเป็นห้องของตน มือนุ่มสอดเข้ามากุมท่อนแขนของเขาพร้อมกับใบหน้าขาวเอียงยื่นขึ้นมาเหมือนอยากจูบ “อื้อ ฐาขา อรรักคุณ คุณจูบอรหน่อยสิคะ จูบสิคะ” ริมฝีปากบางย่นยู่ยื่นขึ้นมา หากทว่าฐาปกรณ์กลับเบี่ยงหลบ “คุณเมามากแล้วนะอร รีบขึ้นไปพักเถอะ” “ฐาขา คืนนี้อรนอนห้องเดียวกับคุณนะคะ” “ได้สิ” เปลือกตาขยับสะบัดยกขึ้นไปมองเงาร่างของหญิงสาวอีกคนที่เหมือนกำลังลุกจากเก้าอี้เดินไปไหนสักแห่ง ทั้งที่คืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ที่ทุกคนออกไปใช้ชีวิตสนุก แต่ดูเอาเถอะปุณณดาภรรยาผู้แสนเย็นชาของเขา เธอยังคงหอบเอางานกลับมาทำต่อที่บ้าน ไม่เคยสนใจสิ่งรอบข้างอย่างอื่น แม้แต่คืนนี้ที่สามีอย่างเขากลับบ้านดึกดื่น เธอก็ไม่เคยถามไถ่ว่าเขาหายไปไหน กับใคร “อื้อ คุณน่ารักจังเลย อรรักคุณนะคะฐา รักมากที่สุดในโลกเลย หวังว่าอีกไม่นานคุณจะทำให้อรสมหวังสักที” ภาพของหนุ่มสาวเดินประคองกอดกันเขามาในสภาพเมามายสังเกตได้จากแข้งขาอ่อนเปลี้ยของอรสิมา ทำให้ปุณณดาที่กำลังเดินถือเหยือกน้ำลงมาจากชั้นสองหยุดลงได้กลางทาง กลิ่นเหล้าฟุ้งกระจายจนขนาดยืนห่างตั้งหลายเมตรเธอยังได้กลิ่น “อุ๊ย ปุณนี่เธอยังไม่นอนอีกหรือ” อรสิมากอดแขนรัดรอบเอวของสามีคนอื่นหน้าชื่นระรื่นยิ้มอย่างภูมิใจ “นอนแล้ว หลับสนิทเชียวล่ะ” ฐาปกรณ์แค่นยิ้มออกมาให้กับคนที่โกหกหน้าตาย “หลับสนิทก็ดีแล้ว ฉันยังเป็นห่วงว่าเธอจะแอบนอนร้องไห้เพราะสามีไม่ใส่ใจ แต่อย่างว่าละนะ เธอไม่ใช่คนสำคัญของฐาอีกต่อไปแล้วนี่” อรสิมาที่เมื่อกี้ยังยืนตัวอ่อนโอนเอนเหมือนจะล้มกลิ้ง กลับมายืนนิ่งเดินลอยหน้าลอยตามาหยุดอยู่ตรงหน้าปุณณดา “ฮึ ฮึ ฮึ ขอบใจนะที่เป็นห่วง แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่เธออาจไม่ได้เห็นน้ำตาของฉันง่าย ๆ” “ขึ้นห้องเถอะอร อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย” “อื้อ ฐาขาอรเมาเดินไม่ไหว คุณอุ้มอรขึ้นไปบนห้องสิคะ” สองแขนคล้องโน้มเกี่ยวรั้งร่างนั้นให้ก้มลงมา ฐาปกรณ์เพียงปรายตามองภรรยาในชุดนอนรัดกุมก่อนจะตวัดอุ้มคนเมาเดินขึ้นไปบนชั้นสองอันเป็นห้องนอนของตัวเอง “ถ้าฉันเป็นหล่อน ฉันจะไม่หน้าด้านอยู่ต่อไปหรอกนะ คงจะยอมหย่ากับตาฐา แล้วปล่อยให้เขาไปมีความสุขกับคนที่เขารัก” คุณหญิงรินรดาเดินออกมาจากมุมหนึ่งของบ้าน ยิ้มหยันเยาะเย้ยถากถางลูกสะใภ้ที่ตัวเองรังเกียจนักหนา “ไม่ต้องห่วงค่ะ เมื่อถึงเวลาฉันหย่าแน่” “ผ่านไปตั้งหลายปี ยังจองหองเหมือนเดิมเลยนะ” “คุณหญิงก็ยังเล่นละครเก่งเหมือนเดิมนะคะ” “อย่าคิดว่ามีพินัยกรรมของผัวฉันหนุนหลัง แล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรหล่อน ต่อให้หล่อนทำความดี บริหารงานทำกำไรให้บริษัทของเรามากแค่ไหน ฉันก็ไม่มีวันยอมรับสะใภ้กำพืดต่ำ ๆ อย่างหล่อนหรอก สะใภ้ของฉันคือหนูอรคนเดียวเท่านั้น” “ต่อให้คุณฐาพลเซ็นยกสมบัติ ยกหุ้นให้ฉันมากแค่ไหน หากต้องแลกกับการมาเป็นลูกสะใภ้ของคุณหญิง ฉันก็ไม่เอาเหมือนกัน” “ปุณณดา มั่นหน้าเหลือเกินนะ ฉันจะรอดูวันที่ตาฐาเซ็นใบหย่าให้เธอ” “ค่ะ ฉันก็รอวันนั้นเหมือนกัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD