จูบที่ประทับใจ

1146 Words
ตอนที่ 3 จูบที่ประทับใจ “อื้อ” ริมผีปากอุ่นร้อนของ ปริญ ถอดถอนออก แต่ลิ้นสากยังคงโลมเลียเรียวปากอิ่มของเธอ มือหนาคลึงเคล้นสะโพกกลมกลึง จน ความผ่าวร้อนแผ่ไปทั่วร่างของ มนชิดา หัวใจของเธอเต้นระรัวเร็วราวมีกลองหลายร้อยใบตีอยู่ภายใน “ผมชอบกลิ่นและรสจูบคุณจัง” “คุณควรปล่อยมนได้แล้ว” เธอบอกเขาเสียงสั่นด้วยความคิดที่สับสน แต่เมื่อเสียงฝีเท้าคนเดินมาใกล้ยังหน้าห้อง ทำให้เธอดันตัวเขาออกห่าง “ทำไงดี ผมอยากจะจูบคุณอีก” เสียงเขาราบเรียบ แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังโดนเปลวไฟใหญ่โลมเลียไปทั่วร่าง “คุณปริญรอคุณพัฒน์อยู่ด้านในแล้วค่ะ” เสียงเลขา ตะโกนบอกแต่ไกล ทำให้ปริญ ขยับกายออกห่างอย่างอ้อยอิ่ง นิ้วเรียวแข็งเขาไล้ยังริมผีปากหยักของตัวเองช้าๆ ดวงตาเขาที่จ้องมองเธอลุ่มลึก มนชิดา หลุบตาลงต่ำ ข่มความเขินอายในตัวเอง ที่ความรู้สึกของเธอในคราวนี้แตกต่างจากที่คาดคิดไว้อย่างสิ้นเชิง ด้วยไม่นึกว่า ปริญ จะเป็นคนเช่นนี้ เขาเร่าร้อนและมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ช่างแตกต่างจาก ตะวัน ผู้แสนดีแสนสุภาพอ่อนน้อมและเกรงใจคนยิ่งนัก หวังว่าการเจรจากับ พิพัฒน์ ในครั้งนี้ เขาคงจะไม่เป็นฝ่ายเสียเปรียบเหมือนเช่นตะวัน ผู้ยอมอ่อนข้อให้คนรอบข้างแบบที่ผ่านมาหรอกนะ “อ้าวคุณปริญ ขอโทษที่มาสายครับ” พิพัฒน์ เอ่ยเมื่อเปิดประตูเข้ามา “ไม่เป็นไรครับ ผมกำลังคุยกับคุณมนเพลินๆอยู่พอดี” ปริญ ตอบเสียงราบเรียบ หลุบสายตาลงต่ำเมื่อเห็นคนตัวเล็กที่สูงเพียงแค่บ่าของเขา เขยิบไปจนชิดประตูห้อง เพื่อเตรียมเปิดประตูออกไป พิพัฒน์ ขมวดคิ้วเล็กน้อยหันไปมอง มนชิดา “งั้นมน ขอตัวก่อนนะคะ” เธอรีบเอ่ยลาทันที หน้าสวยก้มลงเล็กน้อยอย่างสุภาพ เมื่อเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ในห้องนี้อีกต่อไปแล้ว ปริญ มองตามหลังร่างบางที่เดินออกไปจนประตูปิดสนิทจึงหันมามองมอง เอ็มดีของโกอายกรุ๊ป แววตาของเขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลง “น้องมน เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ถ้าบกพร่องตรงไหนผมต้องขออภัยด้วยนะครับ” พิพัฒน์ เอ่ยขอโทษด้วยไม่แน่ใจ ว่าสีหน้าเรียบเฉยของ ปริญ จะสื่อถึงอะไร แต่เขาเองต้องการเทคแคร์และใส่ใจให้ดีที่สุด แม้วันนี้จะปล่อยให้อีกฝ่ายรอก็ตาม “ไม่นี่ครับ น้องเขาประทับใจผมมาก” นิ้วเรียวแข็งของ ปริญ เคาะโต๊ะติดกันเบาๆ เมื่อรู้สึกได้ว่ากลิ่นหอมอ่อนๆ ยังวนเวียนอยู่รอบตัวเขาไม่สร่าง กลิ่นดอกไม้ป่าผสมกลิ่นกายสาว “อ้อครับ” พิพัฒน์ นั่งลงอย่างประหลาดใจ ความจริงก็ค่อนข้างเสี่ยงที่ให้ มนชิดา เข้ามารับรอง ปริญ เอ็มดีใหญ่ของกลุ่มภาสกร แต่เขาแค่อยากให้เธอได้เรียนรู้งานให้เร็วที่สุด ทุกอย่างที่เขายัดเยียดให้เพราะต้องการให้เธอเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจของเขา มากกว่าจะอยากให้บุตรสาวทั้งสองคนของเขาด้วยซ้ำ และคำตอบของ ปริญ ก็ค่อนข้างจะทำให้เขาพอใจ การพูดคุยงานจึงเริ่มต้นขึ้น วันนี้ ปริญ มาคุยเพียงลำพัง แต่กระนั้นก็มีคนสนิทของเขาอยู่ด้านนอกอีกสี่คน การเจรจาใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง “ผมขอพิจารณาก่อน ถ้าอย่างไงจะแจ้งคุณพัฒน์อีกที” ร่างสูงเหยียดกายลุกขึ้น ความจริงเรื่องในวันนี้เขาไม่จำเป็นต้องมาเองก็ได้ แต่ทนรบเร้าจาก ศจี มารดาของเขาไม่ไหว ที่ต้องการให้เขาลองเข้ามาคุยที่นี่ และเขาก็เข้าใจความหมาย มารดาของเขาดี “วันนี้น้องฟางไม่สบาย เลยไม่ได้มาต้อนรับคุณปริญ” พิพัฒน์ เอ่ยถึงบุตรสาวคนเล็กของตน ที่อายุไล่เลี่ยกับ มนชิดา หลานสาว ความตั้งใจของเขาคืออยากให้ ฟางแก้ว ได้มาสนิทสนมกับ ปริญ ผ่านเรื่องงานของบริษัท “ไม่เป็นไรนิครับ น้องมนก็ทำหน้าที่ได้ดีแล้ว” น้ำเสียงของ ปริญ ราบเรียบและไม่ใส่ใจถึงชื่อนั้นที่เอ่ยมากนัก เขาแค่มาตามที่มารดาบอก และอยากรู้ด้วยตัวเองว่าแผนงานที่พิพัฒน์ เสนอน่าสนใจแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาต้องการอะไรมากกว่านั้น . “ขอบใจมากนะมน คุณปริญเอ่ยชมมา” พิพัฒน์ เรียกเธอเข้าไปคุยในห้องทำงานส่วนตัว หลังจากที่ ปริญ กลับไปแล้ว “แล้วผลการเจรจาเป็นยังไงบ้างคะคุณอา” เธออดที่จะเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้ “ยังไม่รู้ผลเร็วขนาดนั้นหรอก แค่คุณปริญยอมมาคุยกับเราด้วยตัวเองนี่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีแล้วนะ” พิพัฒน์หัวเราะ แต่ก็ตอบเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่ว่า มนชิดา จะซักถามอะไร เขาเองไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดสักครั้ง ทุกคราวที่มองหน้าสวยผุดผาดราวกับ ศรีไพร ก็ทำให้เขารู้สึกโอนอ่อนแทบทุกครั้ง ต่างแต่เพียง ตอนนี้ผู้หญิงตรงหน้ามีศักดิ์เป็นหลานสาวของเขา แม้จะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยอยู่กินกับน้าสาวของเธอ ความรู้สึกของเขามีต่อ มนชิดา นั้นจึงค่อนข้างซับซ้อนนัก “ค่ะ งั้นมนขอตัวนะคะวันนี้ต้องไปเตรียมของที่ย้ายห้องพักใหม่ด้วย” หญิงสาวขยับตัว “น้าก็บอกแต่แรกแล้ว ว่าให้มาพักที่บ้าน้า มีห้องตั้งหลายห้อง จะไปอยู่ข้างนอกให้ยุ่งยากทำไม” พิพัฒน์ เอ่ยต่อว่าแต่ไม่แสดงท่าทีหงุดหงิดแต่อย่างใด “ไม่ดีกว่าค่ะ มนเกรงใจน้าสุ” เรื่องอะไรเธอจะไปอยู่บ้านพิพัฒน์ แค่เขาแอบส่งเสียเธอเรียน และรับเข้ามาทำงานบริษัท เมียและลูกเขาก็แทบจะโวยวายบ้านแตกละ แต่เธอก็ต้องการปั่นป่วนแบบนั้น “ขาดเหลืออะไรก็บอกน้าละกันนะ บอกได้ทุกอย่างเลยเข้าใจมั้ย” พิพัฒน์เสียงอ่อนลง เขาเข้าใจ มนชิดา และอยากจะช่วยเหลือเธอทุกอย่าง รู้ว่าวัยเด็กของเธอเติบโตมา ด้วยการเลี้ยงดูของ อนงค์ เพียงคนเดียว เพราะบิดาของเธอเสียตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลก “อ้อ ลืมบอกไปเห็น คุณปริญบอกว่าอยากคุยกับมน พรุ่งนี้คงอยากทราบทิศทางการตลาดของเรา” “หือ มนเพิ่งทำงานได้ไม่ถึงสองเดือนเลยนะคะ” มนชิดาเอ่ยขึ้น ขณะที่ประตูห้องเปิดเข้ามา และเสียงแหลมแสบแก้วหูก็เอ่ยขึ้น “ไม่ต้องให้มนไปค่ะพ่อ ฟางจะไปพบคุณปริญเอง” ฟางแก้ว บอกเสียงดังลั่นห้อง ******************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD