กุลวุฒิไขกุญแจเข้ามาในห้องนอนของตนเองหลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง และรอยยิ้มบางก็ปรากฏตรงมุมปากหยักเมื่อเห็นร่างเล็กนอนขดตัวอยู่บนโซฟาดูน่าเอ็นดู
ร่างสูงค่อยๆ ก้าวเข้าไปจนชิดก่อนที่เขาจะโน้มตัวลงไปเพื่อปลุกคนหลับ แต่เมื่อเห็นริมฝีปากจิ้มลิ้มตรงหน้า เขาก็หวนคิดไปถึงจูบแสนหวานที่มอบให้เธอก่อนหน้านี้
จูบแรกของเธอ...เขารู้สึกได้แบบนั้น
ชายหนุ่มค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วเอื้อมมือไปลูบที่ศีรษะเล็กแผ่วเบา คล้ายไม่อยากรบกวนคนหลับ ทั้งที่เขาควรจะปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมาแล้วพากลับบ้านเสียที
แต่ทำไมนะ ทำไมเขาถึงได้อยากหยุดเวลาเอาไว้เพียงแค่นี้ อยากนั่งมองเธอแบบนี้ตลอดไป
เวรเถอะ นี่เขากำลังคิดบ้าอะไรอยู่กันแน่วะเนี่ย!
คนที่อยู่ตรงหน้ามึงตอนนี้เป็นแค่เด็กอายุสิบเก้านะไอ้กุล เลิกคิดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ซะที
แต่อีกสองเดือนก็จะถึงปีใหม่แล้ว นั่นแปลว่าเธอจะอายุยี่สิบแล้วไม่ใช่เหรอ?
บ้าน่าไอ้กุล คิดฟุ้งซ่านอะไรนักหนาวะ ไม่ว่าเธอจะอายุเท่าไหร่มึงก็ไม่ควรคิดอะไรทั้งนั้นแหละ นี่เด็กในบ้านนะโว้ย มึงจะทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัดไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!
ขณะที่สมภารเฒ่าพยายามสะกดจิตตัวเองว่าอย่าคิดอะไรกับไก่วัด ร่างเล็กที่นอนขดตัวนิ่งก็ขยับเรียวขาเพื่อพลิกตัวหันไปนอนอีกข้างทำให้ชายกระโปรงทรงพลีทของเธอร่นขึ้นมากองตรงโคนขาอ่อน เผยให้เห็นความขาวเนียนที่ทำให้หัวใจของคนมองเต้นโครมครามราวกับคนที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ทั้งที่เขาเคยเห็นมามากกว่าขาอ่อน เพียงแค่ไม่ใช่เธอคนนี้เท่านั้น
กุลวุฒิต้องรีบเลื่อนสายตาไปโฟกัสที่เรือนผมสีดำสนิทแทนที่ขาสวยๆ คู่นั้น ชายหนุ่มต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองตื่นเต้นจนเกินไป จากนั้นก็เอื้อมมือไปแตะที่ไหล่ของเธอเพื่อปลุกคนหลับสนิทให้ตื่นเสียที
ก่อนที่เขาจะแอบลักหลับเธอไปเสียก่อน…
“ปีใหม่ ตื่นได้แล้ว กลับบ้านกันเถอะ”
ร่างเล็กค่อยๆ พลิกตัวกลับมาก่อนจะปรือตาขึ้นมองอย่างงัวเงีย และเมื่อเห็นว่าเขายืนอยู่เธอก็รีบลุกขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบเก็บชายกระโปรงให้เรียบร้อยแล้วยกมือขึ้นสางผมตัวเองเพราะคิดว่ามันคงจะยุ่งเหยิงไปหมด เดาจากสายตาที่เขามองเธออย่างขบขันนั้น
“หนู...ขอโทษที่เผลอหลับไปค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก หลับได้ก็ดีแล้ว ดูท่าว่าห้องนี้คงทำให้เธอหลับสบายเลยสิ น้ำลายถึงได้ยืดเต็มแก้มแบบนั้นน่ะ” เขาแกล้งบอกและนั่นก็ทำให้เธอรีบยกมือขึ้นเช็ดแก้มของตัวเองอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นเขาหัวเราะร่วนจึงได้รู้ตัวว่าโดนเขาหลอกให้แล้ว
“คุณกุลหลอกหนูทำไมคะ” คนสวยมองค้อนเจ้านายของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ก็เธอหลอกง่ายเองนี่”
“จะว่าหนูโง่เหรอคะ” คราวนี้เธอยิ่งค้อนหนักกว่าเดิมไปอีก เขาจึงได้ยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กแล้วยิ้มให้
“ฉันไม่ได้คิดว่าเธอโง่ แต่เวลาได้แกล้งเธอแล้วฉันรู้สึกสนุกดีน่ะ อย่างอนไปเลยน่า งอนไปก็เท่านั้น ฉันไม่ง้อหรอกนะ”
“หนูก็ไม่หวังให้คุณมาง้อหรอกค่ะ หนูรู้ว่าคุณ...เกลียดหนู”
“หืม? ทำไมคิดว่าฉันเกลียดเธอล่ะ”
“ก็คุณ...”
“ฉันทำไม”
“คุณไม่ชอบหน้าหนูนี่คะ คุณไม่อยากให้หนูอยู่ใกล้ๆ คงเพราะหนูเป็นเด็กบ้านนอกก็เลยทำอะไรไม่ค่อยถูกใจคุณ” เธอบอกอย่างน้อยใจ
“ไปกันใหญ่แล้ว ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นซะหน่อย”
“จริงเหรอคะ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องโกหกเธอนี่ และอีกอย่างนะ ถ้าฉันเกลียดเธอก็คงไม่...จูบเธอหรอก” บอกแล้วเขาก็เลื่อนมือหนาจากศีรษะของเธอมาแตะตรงริมฝีปากเล็กและนั่นก็ทำให้หัวใจของสาวน้อยเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับว่าตอนนี้เขากำลังจูบเธออยู่ ทั้งที่มันก็เป็นเพียงปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น
นี่เธอ...เป็นอะไรไปกันแน่นะ?
“เอ่อ...หนู...หนูขอโทษค่ะที่เข้าใจคุณผิดไป”
“แล้วถ้าฉันไม่ยกโทษให้ล่ะ” เขาขยับเข้าไปใกล้เธออีกนิดแล้วโน้มตัวลงไปหาเพื่อจะได้มองแก้มแดงๆ นั้นให้ชัดเจนขึ้นอีกหน่อย ทว่ายิ่งอยู่ใกล้เธอมากเท่าไหร่ ความต้องการบางอย่างก็ดูจะทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกที เขาจึงต้องถอยออกห่างแล้วเก็บไม้เก็บมือเอาไว้ให้มันถูกที่ถูกทาง ก่อนที่จะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้วหาเรื่องรังแกเด็กเหมือนผู้ใหญ่ใจร้าย
“คุณกุลใจดี คงไม่โกรธหนูจริงๆ หรอกใช่มั้ยคะ” เธอยิ้มอ้อนโดยไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มแบบนั้นมันทรมานใจเขามากแค่ไหน
“รู้ได้ยังไงว่าฉันใจดี”
“ก็...คุณช่วยปลอบหนูทุกครั้งที่หนูรู้สึกไม่ดี เอาอย่างนี้มั้ยคะ ถ้าวันไหนคุณหิวมื้อดึกขึ้นมา หนูจะต้มมาม่าให้คุณกินเหมือนวันนั้นเป็นการไถ่โทษดีมั้ยคะ”
“เห็นฉันเป็นเด็กเหมือนเธอหรือไงถึงได้เอาอาหารมาล่อน่ะ แล้วอะไรทำให้เธอคิดว่าอาหารธรรมดาๆ แบบนั้นจะทำให้ฉันหายโกรธได้”
“ก็หนูไม่มีปัญญาเลี้ยงอาหารราคาแพงให้คุณนี่คะ แต่ถ้าคุณไม่ชอบกินก็ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้หนูจะเก็บเงินแล้วเลี้ยงอาหารแพงๆ คุณทีหลังนะคะ”
“ไม่ต้องหรอก”