ตอนเที่ยง
@โรงอาหารคณะบริหารธุรกิจ
“วันนี้จัสเรียนถึงกี่โมงเหรอ?”
“บ่ายสาม วันนี้เรามีเรียนสองวิชา” ตอนเช้าเรียนตรวจสอบภายใน เดี๋ยวตอนบ่ายเรียนบัญชีบริหารต่อ
“งั้นเลิกเรียนเราไปดูหนังกันไหม?”
“เอ่อ คือว่าพอดีช่วงนี้เราไม่ค่อยว่างอะดิน”
“ต้องรีบกลับบ้านเหรอ?”
“ก็ประมาณนั้น พอดีต้องรีบกลับไปทำการบ้านแล้วก็ต้องไปทำงานต่อ”
“ทำงานเหรอ ที่ไหน?”
“ที่ผับพี่ชายฉันเอง” ยัยคริสตัลที่นั่งเขี่ยมือถือเล่นไปด้วย กินข้าวไปด้วยตอบแทนฉันในทันที
“ผับพี่เธอ ใช่CKผับป่ะ?”
“อ่า ที่นั่นแหละ เฮียไคเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของที่นั่น” ยัยคริสตัลตอบดินไปอีกครั้ง ก่อนที่ดินจะหันมาถามฉันต่อ
“แล้วจัสต้องไปทำทุกวันเลยเหรอ?”
“ใช่ เราต้องไปทำทุกวันเลย” เพราะอยากหาเงินมาใช้หนี้แทนแม่ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ อีกอย่างก็ไม่รู้ว่าเจ้าหนี้ของแม่จะยืดเวลาให้เราได้นานที่สุดแค่ไหน
“งั้นเดี๋ยวคืนนี้ดินไปหาจัสที่ผับนะ อยากดื่มอยู่พอดี”
“ก็ตามใจสิ แต่เราคงไม่ได้อยู่คุยกับดินหรอกนะ เพราะเราต้องทำงาน”
“ครับ ไม่เป็นไร แค่ได้เห็นหน้าจัส ดินก็พอใจแล้ว” บางทีดินก็รุกมากเกินไป รุกซะจนฉันรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ?” ในขณะที่เราสามคนกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่นั้น เสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นมา ทำให้ฉันต้องหันไปมองอย่างเลี่ยงไม่ได้
และคนที่ยืนฉีกยิ้มกว้างอยู่ตรงหัวโต๊ะที่พวกเรานั่งอยู่ในตอนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่พี่ออสติน ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง แล้วดูสายตาของพี่เขาสิ มองแต่ยัยคริสตัลคนเดียวเลย
“ไหนพี่บอกว่าไม่ได้มาแล้วไง” ก่อนหน้านี้พี่ออสตินเขาเพิ่งส่งข้อความมาบอกฉันว่าเรียนถึงบ่ายโมงเลย ไหงตอนนี้มาโผล่ที่นี่ได้
“พอดีอาจารย์ประชุมกะทันหันน่ะ” พูดจบพี่ออสตินก็เดินไปนั่งลงข้างๆ กับดิน ซึ่งตรงหน้าของพี่เขานั้นคือยัยคริสตัลที่เอาแต่นั่งถอนหายใจอยู่
“ไม่สบายเหรอคนสวย หน้าบึ้งเชียว”
“เหม็นขี้หน้าพี่ต่างหากล่ะ” ฉันถึงกับหลุดขำออกมา เพราะคำตอบของยัยคริสตัลที่ตอบพี่ออสตินไป
“โห!! พูดจาได้น่ารักน่าจูบจังเลยครับ” เอาจริงๆ พี่ออสตินก็โคตรจะกวนประสาทเลย ถึงว่าโดนยัยคริสพูดจาตอกหน้าอยู่ตลอดเวลา
“จูบกับรองเท้าหนูมั้ย เดี๋ยวถอดให้” นั่นไง เพิ่งพูดไปเมื่อกี้เองมั้ย!! แล้วพี่ออสตินก็ดูเหมือนจะชอบยัยคริสตัลเอามากๆ เพราะตอนนี้พี่เขาเอาแต่นั่งยิ้มแล้วมองยัยคริส ตลอดเลย
“อยากจูบเจ้าของรองเท้าแทนต้องทำยังไง”
“เก็บปากไว้กินข้าวดีกว่าค่ะ” พูดจบยัยคริสก็ตักข้าวในจานของตัวเองเข้าปาก ซึ่งพี่ออสตินเองก็เอาแต่นั่งยิ้มแล้วมองหน้ายัยคริส อยู่แบบนั้น ฉันละยอมใจกับลูกพี่ลูกน้องของฉันคนนี้ซะจริงๆ
หลายชั่วโมงต่อมา 19.45 น.
เอี๊ยดดดด!!!
เสียงรถสปอร์ตคันหรูแล่นมาจอดที่หน้าบ้านของจัสมินในช่วงเวลาเกือบๆ จะสองทุ่ม ก่อนที่เจ้าของรถจะบีบแตรเรียกคนที่อยู่ด้านในให้ออกมา
รอไม่ถึงหนึ่งนาที เด็กสาวที่อายุห่างกับเขาเกือบสิบปีก็วิ่งออกมา
“ขอโทษที่ออกมาช้านะคะ” ทันทีที่จัสมินขึ้นมานั่งในรถ เธอก็รีบเอ่ยขอโทษคนทีี่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยทันที เพราะความจริงเธอตั้งใจจะออกมายืนรอตั้งแต่ที่คริสตัลส่งข้อความมาบอกว่าเฮียไคกำลังจะออกไปแล้วนั่นแหละ
แต่เพราะก่อนหน้านี้แม่เธอมาคุยเรื่องเงินที่จะต้องหาไปคืนเจ้าหนี้ก่อนสิ้นเดือนนี้ ทำให้จัสมินจำต้องคุยกับแม่ของเธออย่างเลี่ยงไม่ได้
“ไม่ช้านะ เฮียยังจอดรถไม่ถึงหนึ่งนาทีเลย”
“ความจริงจัสไปที่ร้านเองก็ได้นะคะ เฮียไคจะได้ไม่ต้องลำบากมารอจัส” เพราะเธอรู้สึกเกรงใจและกลัวว่าตัวเองจะไปเป็นภาระของไคโร เธอจึงอยากจะเดินทางไปที่ร้านด้วยตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นไคโรก็ไม่ปล่อยให้เธอเดินทางค่ำๆ มืดๆ คนเดียวอยู่แล้ว
“เดี๋ยวเพื่อนรักของจัสได้เขมือบหัวเฮียแทนข้าวแน่นอน”
“ยัยคริสตัลรักเฮียไคจะตาย นางไม่ทำร้ายเฮียหรอกค่ะ”
“ไม่ทำร้ายร่างกาย แต่ทำร้ายด้วยสายตาน่ะสิ เอาเป็นว่าไปกับเฮียแหละดีแล้ว เป็นผู้หญิงจะเดินทางคนเดียวค่ำๆ มืดๆ ได้ยังไง”
“ขอบคุณเฮียไคมากๆ เลยนะคะ” จัสมินฉีกยิ้มกว้างให้คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยข้างๆ เธอ ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่ไคโรไม่เคยเห็นมาก่อนเลยก็ว่าได้ เขารู้สึกว่ารอยยิ้มของเธอในตอนนี้น่ามองกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
“เอ่อ งั้นเราไปกันเลยนะ” ก่อนที่จะหลุดเข้าสู่ภวังค์ ไคโรดึงสติตัวเองให้กลับมา ก่อนจะขับรถมุ่งหน้าไปยังผับที่เขาเป็นหุ้นส่วนอยู่ โดยมีจัสมินนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถไปตลอดทาง
@CK PUB 21.40 น.
“น้องจัสมินจ๊ะ พี่วานเราเอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟโต๊ะเก้าให้พี่ทีได้ไหม พอดีพี่ปวดท้อง ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวจัสเอาไปเสิร์ฟให้นะคะ” ฉันยื่นมือไปรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาจากพี่ขนมเค้ก ก่อนจะเดินตรงไปยังโต๊ะหมายเลขเก้าตามที่พี่เขาบอก และเมื่อเดินมาถึงฉันก็เห็นกลุ่มผู้ชายวัยรุ่นที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉันนั่งอยู่กัน สามสี่คน และหนึ่งในนั้นก็คือ ‘ดิน’
นี่เขามาจริงๆ เหรอเนี่ย แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะปกติดินก็มักจะเที่ยวกลางคืนเป็นประจำอยู่แล้วนี่นา
“ขออนุญาตเสิร์ฟเครื่องดื่มนะคะ” ทุกคนในโต๊ะต่างหันมามองทางฉันเป็นตาเดียวก่อนที่ดินจะเป็นคนเอ่ยทักฉันก่อน
“ดีใจจัง ที่ได้เจอจัส เมื่อกี้ดินโทรหาจัส แต่จัสไม่รับสายเราเลย”
“ขอโทษทีนะ พอดีเราปิดเสียงปิดสั่นไว้อะ คืนนี้ลูกค้าที่ร้านก็เยอะมากด้วย ไม่มีเวลาจับโทรศัพท์เลย” นี่ตั้งแต่ที่มาถึงร้าน ฉันยังไม่ได้นั่งเลยนะเอาจริงๆ ยิ่งวันนี้เป็นวันศุกร์ด้วย คนทยอยมากันเยอะมาก
“สงสัยจะเหนื่อยแย่ แล้วกินข้าวยัง”
“กินมาแล้ว เดี๋ยวเราขอตัวไปทำงานก่อน คืนนี้ขอให้สนุกกับเพื่อนๆ นะ” พูดจบฉันก็หมุนตัวกลับทางเดิมที่ฉันเดินมา ทว่าไม่ทันระวังก็สะดุดขาตัวเองจนหน้าเกือบจะทิ่มลงบนพื้น ดีที่มีมือของใครบางคนมาคว้าตัวฉันไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรไหม?” เสียงกระซิบที่ข้างกกหูทำฉันขนลุกซู่ไปทั้งตัว และเสียงนี้ก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของตักที่ฉันกำลังนั่งอยู่ตอนนี้คือใคร
“อ เอ่อ เราไม่เป็นไร ขอบใจดินมากนะ เดี๋ยวเราขอตัวไปทำงานก่อน” ฉันหันไปขอบคุณดิน ก่อนจะเด้งตัวลุงขึ้นจากตักของเขาโดยที่มีสายตาของเพื่อนๆ เขามองอยู่ ทำไมถึงได้ซุ่มซ่ามขนาดนี้ยันจัสเอ๊ย!!
หลังจากที่จัสมินเดินออกจากโต๊ะไป บทสนทนาระหว่างดินและเพื่อนคนอื่นๆ ของเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้น
“คบกันแล้ว?”
“หึ ยังจีบไม่ติด” ดินเอ่ยตอบเพื่อนคนนึงของเขาไป ก่อนจะหันไปหยิบขวดเหล้าที่จัสมินยกมาเสิร์ฟให้เมื่อกี้เทลงในแก้วเปล่าของตัวเอง
“เล่นตัวใช้ได้” หนึ่งในเพื่อนของดินอีกคนพูดขึ้น
“ยากๆ แบบนี้แหละ กูชอบ”
“กูขอให้มึงได้ฟันยัยนั่นเร็วๆ”
“ฟันแล้วทิ้งเลยป่ะ เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ”
“มันก็ต้องดูก่อนว่ากินคำแรกอร่อยแค่ไหน”
“ถ้ามึงเบื่อ ยกให้กูนะ เดี๋ยวกูสานต่อให้”
“กูด้วย อยากลองเด็กบัญชีฉิบหาย”
“พวกมึงนี่โคตรเหี้ยเลย” ดินพูดขึ้นก่อนที่จะยกแก้วเหล้าที่อยู่ในมือของตัวเองขึ้นดื่ม
“ไม่งั้นจะเป็นเพื่อนกับมึงได้เหรอครับ ไอ้คุณชายดิน” จบประโยคของหนึ่งในเพื่อนสนิทดิน ทุกคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะก็หัวเราะออกมา โดยที่ไม่รู้เลยว่าบทสนทนาที่พวกเขาพูดกันเมื่อกี้มีใครบางคนนั่งฟังอยู่เงียบๆ