Tiger - 3 รอยแดง

1155 Words
ในคลาสเรียน เมื่อเคลียร์กับไทเกอร์รู้เรื่องเราสองคนกลับเข้ามาในคลาสเรียน ระหว่างรออาจารย์มาสอนก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย สังเกตเห็นยี่หวามองบ่อยๆ จนเริ่มเปิดประเด็นถาม “จ๋ายคอแกเป็นอะไรทำไมมันแดงๆ” “หือ?” “ที่คอ ก่อนหน้านี้ยังไม่มีเลยนะ” ฉันรีบเปิดกล้องในโทรศัพท์เพื่อเช็คว่าที่ยี่หวาพูดมามันจริงหรือเปล่า และมันก็มีรอยแดงจริงๆ ใช้จังหวะที่ไม่มีใครมองเอามือลงมาหยิกขาคนที่ฝากรอยเอาไว้แรงๆ “โอ้ย!!!” เสียงทุ้มแหกปากร้องลั่นจนเพื่อนคนอื่นๆ หันควับมามองเป็นตาเดียว “มึงแหกปากเพื่อ?” โอดินที่นั่งข้างๆ ไทเกอร์รีบถาม “แมวข่วน” “…….” คำพูดคำจานายคนนี้นะ มันน่าโดนอีกสักที่ “แมวที่ไหนมันจะมาอยู่ในคลาส” “แถวๆ นี้ แมวของกูเองมันซนมากช่วงนี้ คงต้องหาปลอกคอมาให้ใส่” “มึงคุยกับกูอยู่ใช่ไหม” กลัวคนอื่นไม่รู้มั้งว่าหมายถึงใครเพราะตอนพูดเอาแต่มองหน้าฉัน “แล้วจ๋ายจะตอบได้หรือยังว่าคอไปโดนอะไรมา” ยี่หวาถามย้ำ เพราะมัวแต่สนใจเพื่อนตัวดีที่นั่งข้างๆ จนลืมคิดหาคำอ้างไว้ตอบยี่หวา มันกระชั้นชิดก็เลยรีบบอกไปอย่างไม่ได้คิด “มดกัดน่ะ” “มดคงตัวใหญ่น่าดู” คำพูดที่สวนขึ้นทันควันของไทเกอร์ทำให้ฉันหันจ้องเขม็ง เขาทำหน้าตาระรื่นอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้ “ไปโดนมดที่ไหนกัดเนี่ย” “ในห้องน้ำ” ไทเกอร์ตอบแทน เหมือนตอนนี้เขากำลังเล่นสงครามประสาทกับฉันอยู่ไม่มีผิด “แล้วมึงรู้ได้ยังไง?” โอดินถาม “ก็….” “ฉันให้ไทเกอร์ไปเฝ้าหน้าห้องน้ำน่ะ มันค่ำแล้วน่ากลัว” “อ๋อ” “จ๋ายแต่แกแพ้มดไม่ใช่หรอ ทำไมไม่มีผื่นขึ้น” ให้ตายสิ!! ยี่หวาทำไมความจำดีแบบนี้เนี่ย เรื่องที่แพ้เวลามดกัดมันตั้งแต่เด็กแล้วนะ ทำไมถึงยังจำได้ จริงๆ ไม่ได้แพ้อะไรมากแค่เป็นผื่นขึ้นตามตัว ไม่ได้มีอาการร้ายแรง “…คงเลิกแพ้แล้วมั้ง” “ดีนะ ไม่อย่างนั้นผื่นขึ้นกลางคลาสเรียนคงวุ่นวายแน่ๆ” คุยกันเท่านั้นอาจารย์ก็เข้ามาสอน ใช้เวลาเรียนจนเกือบๆ สองทุ่ม เตรียมตัวจะออกจากห้องไม่รู้ว่าริวจิเดินมาตั้งแต่เมื่อไร ไม่ทันสังเกต โชคดีที่ไทเกอร์รีบไปเข้าห้องน้ำ ไม่อย่างนั้นคงได้ปากเสียใส่เพื่อน “คืนนี้ริวทักไปคุยได้ไหม” “…….” จะบอกยังไงดี….คือไทเกอร์บล็อกริวไปแล้ว และฉันก็ไม่ได้อยากคุยด้วยแค่แกล้งเพื่อนขี้โมโหเล่นเท่านั้นเอง ลืมคิดไปเลยว่ากำลังดึงคนอื่นให้มารู้สึกแย่กับเรื่องที่คิดจะทำเพียงแค่ความสนุกชั่วคราว “หรือว่าจ๋ายมีแฟนแล้ว” “ไม่ๆ ไม่มี” “ถ้าอย่างนั้นริวขอทักไปชวนคุยเล่นได้ไหม” “อื้อได้สิ” เห็นสายตาอ้อนของริวแล้วไม่เอ็นดูยังไงได้ รู้สึกผิดด้วย คงต้องบอกให้ชัดเจนกว่าไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น ปฏิเสธไปแบบมีเหตุผลดีกว่าการเงียบหาย แบบนั้นมันดูใจร้ายเกินไปหน่อยนะฉันว่า “จ๋ายไปได้แล้วถ้าไทเกอร์มาเจอเดี๋ยวก็มีเรื่อง” “เพื่อนนายเป็นนักเลงตั้งแต่เมื่อไรโอดิน” “เพื่อนเธอเหมือนกัน” ฉันเบ้บปากก่อนจะบอกลาริวจิ แล้วรีบเดินออกจากห้องพร้อมยี่หวาและโอดิน “ดูเพื่อนเรานะเห็นรีบร้อนออกมาเหมือนฉี่จะแตกที่ไหนได้แอบไปยืนคุยหญิงอยู่นู่น” ยี่หวาชี้ให้โอดินและฉันมอง ตรงที่ชี้คือไทเกอร์กำลังยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ “ให้มันมีเมียเหอะ ทุกวันนี้ตัวติดกับจ๋ายจนคนอื่นจะเข้าใจผิดหมดแล้ว” “จริง ช่วงเรียนมอปลายตัวตัวติดกันแล้ว พอแกย้ายจากปารีสมาเรียนมหาวิทยาลัยที่ไทยเหมือนถูกไทเกอร์มันคุมอะ ตามไม่ห่างเลย” “หวงยิ่งกว่าพ่อ” “สองคนนี้เป็นอะไรเอ่ย?” ฉันเอียงคอถามเพื่อนทั้งสองคนที่พูดจาเข้ากันเป็นปี่เป็นขรุ่ย “ไม่หวงมันบ้างหรอจ๋าย” คำถามของโอดินทำให้ฉันขุ่นคิดมองไปยังภาพตรงหน้า ก่อนจะตอบ “ไม่นะ ทำไมต้องหวงด้วย” “นั่นสิ เดี๋ยวพอไทเกอร์หันมาเห็นจ๋ายก็รีบวิ่งแจ้นมาหา” พูดไม่ทันขาดคำ ไทเกอร์ที่ยืนคุยกับผู้หญิงอยู่ไม่ไกลหันมาทางฉัน จากนั้นก็รีบเดินมาหา “เห็นไหมล่ะ ฉันบอกแล้ว” ยี่หวาตบมือดังแปะให้กับคำพูดที่ทายอนาคตของตัวเอง “กลับเลยไหม?” เดินมาถึงไทเกอร์ก็ถามทันทีฉันพยักหน้าแทนคำตอบแล้วเดินนำออกมาจากตรงนั้น ปกติเรามาเรียนด้วยกัน ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่พ่อจะยอมให้มากับไทเกอร์ เราเห็นหน้ากันมาตั้งแต่เด็กๆ บ้านก็รั้วติดกันขนาดนั้น #ภายในรถ “ใครหรอผู้หญิงคนนั้น” ฉันหันมาถามคนที่นั่งเบาะคนขับ “นึกว่าจะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว” “ก็แค่ถาม” “น้องรหัส” “ไม่คุ้นหน้าเลย” “เธอสนใจใครที่ไหน” ก็จริงฉันไม่ได้ใส่ใจใครขนาดนั้น ให้ความสำคัญแค่เพื่อนๆ ในกลุ่มของตัวเอง เรียนเสร็จก็กลับบ้าน พี่รหัสน้องรหัสฉันคือใครก็ไม่เคยเห็นหน้า เพราะเพิ่งย้ายมาด้วยก็เลยได้พี่รหัสคนเดียวกับใจ๋ “น้องเอาขนมมาให้เฉยๆ ไม่มีอะไร” “จะมีอะไรก็ไม่ว่าหรอก นายโตแล้ว” “พูดจริง?” ไม่ถามเปล่า ไทเกอร์ขยับตัวโน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ เมื่อได้สบตาคู่นั้นทำเอาฉันเกือบลืมหายใจ ไม่ว่าจะถามย้ำกี่ครั้งคำตอบก็ยังเหมือนเดิม “ก็บอกว่าไม่หวงไง” “หวงหน่อย” “อยากให้หวงหรอ” ฉันวางมือลงบนท่อนขาแกร่งพร้อมลูบไล้ไปมาอย่างเชื่องช้า คนที่ถูกแกล้งขบกลามแน่นแล้วปัดมือออก “อย่ามาทำให้มีอารมณ์” “ฉันรู้ว่านายชอบ” “รู้ใจขนาดนี้มาเป็นเมียเลยไหม” “หุบปากไปเลยนะ” “ปารีสมันสอนอะไรเธอบ้าง กลับมาถึงได้ทั้งดื้อทั้งซนขนาดนี้” “อยากรู้จริงๆ หรอ ถ้ารู้นะนายต้องร้องซี๊ดแน่ๆ” ฉันทำเสียงซี๊ดปาก แต่เพื่อนสนิทกลับทำหน้าบึ้งใส่เฉยเลย ก็แค่หยอกเล่นเอง ขี้งอนไม่เคยเปลี่ยน “นี่” พูดพลางยกนิ้วขึ้นมาจิ้มๆ แก้ม “งอนเก่งได้ใครเนี่ย” “อย่ายุ่งจะขับรถ” “ชิ!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD