@ภายในรถยนต์คันหรูของรามสูร
ภายในรถยนต์คันหรูของรามสูร ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศไม่อาจกลบความร้อนรุ่มในใจของหญิงสาวที่นั่งนิ่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับ แสงไฟจากเสาไฟข้างทางสาดผ่านกระจกรถเป็นจังหวะ สะท้อนใบหน้าหวานซีดเผือดที่กำลังแบกรับถ้อยคำโหดร้าย
"พี่ราม....พี่ทำแบบนี้ไม่ได้นะ...."
เสียงของน้องนางสั่นเครือออกมาเบา ๆ ดวงตากลมโตหลุบต่ำ ไม่กล้าสบสายตาเขา มือสองข้างกำแน่นอยู่บนตักราวกับต้องการเหนี่ยวรั้งตัวเองไว้ไม่ให้แตกสลาย
"ทำไม ! กลัวไอ้ธามมันจะรังเกียจรึไง"
เสียงของรามสูรกร้าวกระแทกในความเงียบ ดวงตาคมตวัดมองเธออย่างไม่ลดละ สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความหึงหวงเจือโกรธเกรี้ยว
"...ทำไมพี่ต้องเอาพี่ธามเข้ามาเกี่ยวด้วย...ถ้าจะว่าก็ว่าแค่นางคนเดียว พี่ธามไม่เกี่ยว.."
น้ำเสียงของเธอยังคงอ่อนแรง แววตาหวาดระแวงปนปวดร้าว เธอก้มหน้า น้ำตาคลอหน่วงอยู่ในขอบตาแต่ยังฝืนกลั้นไม่ให้ไหล
"ปกป้องมันขนาดนั้น นี่ถ้าฉันไม่ลากเธอกลับมา ก็คงจะไปกับมันแล้วใช่ไหม... อย่าลืมนะน้องนางว่าเธอเป็นของฉัน ชีวิตเธอมีค่าแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้น อย่าเล่นตัวให้มาก...เพราะถ้าวันหนึ่งฉันคิดจะโยนเธอทิ้ง คนที่เดือดร้อนก็เห็นจะเป็นพี่ชายของเธอ"
เขาโน้มตัวเข้าหาเธอเล็กน้อย ดวงตาทรงอำนาจจ้องลึกจนเธอต้องเบือนหน้าหลบ ความดุดันในน้ำเสียงเสียดแทงเข้าในใจอย่างรุนแรง
"......นางต้องชดใช้ให้พี่แค่ไหน พี่ถึงจะปล่อยนางกับพี่นายด์ไป"
เธอเอ่ยเสียงแผ่ว มือบีบชายกระโปรงแน่นจนสั่นสะท้าน เงาสะท้อนในกระจกรถเผยให้เห็นใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
"เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ฉันคิดจะยกย่องให้สูงกว่าคำว่านางบำเรออยู่แล้ว...เมื่อฉันพอใจหรือเบื่อร่างกายของเธอ ไม่แน่..ฉันอาจจะปล่อยเธอไปเร็วกว่าที่เธอคิดก็ได้"
เสียงพูดเย็นชาของเขาเหมือนคมมีดเฉือนใจเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า รามสูรพูดพลางเหยียดริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย สายตาไร้ความปรานีแม้แต่นิด
"ค่ะ...นางก็ไม่เคยหวังให้พี่เห็นนางเป็นอย่างอื่น...หวังว่าพี่คงจะปล่อยนางไปในไม่ช้า.."
เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แววตาที่หลุบต่ำกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่แทรกซึมจนแทบจะระเบิดออกมา
"ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเธอแล้วล่ะ..ว่าจะทำให้ฉันพึงพอใจได้มากแค่ไหน ตอนเด็ก ๆ ฉันเคยมีของเล่นชิ้นโปรด แต่ฉันไม่เคยเล่นมันได้นานเกินสามวันเลยสักชิ้น...ผู้หญิงที่มีตำหนิอย่างเธอ..ไม่นานก็คงจะเบื่อ..ถึงวันนั้นฉันคงจะโยนทิ้งโดยไม่ลังเล"
เขาพูดเสียงเย็น ดวงตาเรียบนิ่งคล้ายไม่มีความรู้สึกใด ๆ เหลืออยู่ แววตานั้นยิ่งตอกย้ำให้เธอรู้ว่าเธอไม่มีคุณค่าใดในสายตาเขาเลยแม้แต่น้อย
น้องนางนิ่งไปกับคำพูดของเขา เธอกลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากลำบาก ก็รู้ตัวดีว่าไม่ใช่คนที่ถูกรัก ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขาเลย พยายามข่มใจไม่ให้เจ็บกับทุกการกระทำและคำพูดที่เชือดเฉือนหัวใจ เธอเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาเหม่อลอยจับจ้องเพียงความมืดภายนอก สายตาและการกระทำที่เขามองเธอมันไม่เหลือเค้าโครงของรามสูรคนเดิมอยู่เลยแม้แต่น้อย หน่วงลึกกับทุกคำดูถูก เจ็บหนักกับทุกการกระทำของเขา ราวกับหัวใจทั้งดวงกำลังถูกขยี้ช้า ๆ ใต้รองเท้าหนังของเขา
บรรยากาศภายในรถเริ่มตึงเครียด ความเงียบเข้าปกคลุมราวกับม่านหมอกหนาทึบ ไม่มีเสียงของใครคนใดคนหนึ่งแทรกขึ้นมาอีก มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศรถยนต์ที่บ่งบอกถึงการทำงานของเครื่องเท่านั้นที่ยังคงดังแผ่วเบา รามสูรที่เห็นคนตัวเล็กไม่พูดไม่จา สีหน้าของเธอดูจะเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของเธอที่แดงช้ำสะท้อนแสงไฟข้างทางวาบวับ เขาหลุบตามองเธอเงียบ ๆ อย่างครุ่นคิด
เขารู้ดีว่าคำพูดทุกคำที่เขาพูดออกไป...เป็นคำที่ฟังแล้วไม่ค่อยจะรื่นหูนัก ตั้งใจพูดเพื่อทำลายความรู้สึกของเธอ อยากให้เธอเจ็บ ให้เธอทรมาน แต่ทำไมพอเห็นใบหน้าที่เศร้าหมอง...กลับเป็นตัวเขาเองที่รู้สึกตงิดอยู่ในใจ เหมือนทำอะไรผิดพลาดไปอย่างไม่น่าให้อภัย ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ควรจะมี...เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงันในความเงียบของค่ำคืนนี้
@คอนโดน้องนาง
"ฉันให้เวลาเธอสิบห้านาทีเก็บของที่จำเป็นให้เรียบร้อย.."
น้ำเสียงเรียบเย็นเอ่ยขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดภายในห้อง รามสูรยืนพิงกรอบประตูด้วยแววตาเฉียบคม จ้องมองเธอราวกับนายพรานที่จับเหยื่อไว้ในกำมือ
"ค่ะ"
น้องนางตอบรับอย่างง่ายดาย... ไม่เพียงไม่เถียง แต่เธอยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ นอกจากความนิ่งเงียบ ใบหน้าหวานเรียบตึงปราศจากความรู้สึก ดวงตากลมโตฉายแววอ่อนแรง เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหยิบเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นจากตู้เสื้อผ้า
รามสูรนั่งลงบนขอบเตียง ดวงตาคมไล่สอดส่องไปทั่วทั้งห้อง เหมือนพยายามจดจำทุกมุมของพื้นที่ที่เคยเป็นของเธอ ก่อนสายตาเขาจะหยุดลงที่กรอบรูปสีขาวคุ้นตาซึ่งวางอยู่บนโต๊ะหนังสือ เงาของภาพในกรอบทำให้ความรู้สึกบางอย่างกระตุกวาบขึ้นมา
เขากำลังจะลุกขึ้นไปดูมันใกล้ ๆ แต่คนเป็นน้องรีบเดินเข้ามาหยิบมันไปเสียก่อนอย่างรวดเร็ว แววตาเธอสั่นระริกในจังหวะที่สายตาทั้งคู่ประสานกัน
"แค่รูปทำเป็นหวง"
เขาเอ่ยเสียงเย็น ลมหายใจสั้น ๆ ที่เป่าผ่านริมฝีปากหยักเป็นจังหวะ
"....ไม่ได้หวง...มันไม่ได้มีอะไรให้น่าดูหรอกค่ะ"
น้องนางกำลังจะเก็บภาพดังกล่าว แต่มือหนาของคนเป็นพี่แย่งมันมาจากมือเรียวเล็กได้เสียก่อนอย่างง่ายดาย
".....ฟรึ้บ !!!!"
เสียงกระชากกรอบรูปจากมือดังสะท้อนในห้องเงียบ
"พี่ราม !! เอาคืนมานะ"
เธอถลันเข้าไปแย่งคืน ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจ เสียงของเธอสั่นระคนโมโห
".....รูปอะไร ทำไมต้องหวงขนาดนั้น.."
เขายกมันขึ้นมาดู ก่อนจะหยุดชะงักไปชั่วขณะ แววตาเปลี่ยนจากเย้ยหยันเป็นแข็งกร้าวปนเจ็บลึกโดยไม่รู้ตัว
ภาพถ่ายของเขาและเธอในอดีต ภาพที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและสายตาอ่อนโยนกำลังสะท้อนย้อนเข้ามาในใจเขา
อาศัยจังหวะที่เขาเผลอ น้องนางรีบแย่งมันกลับคืนมา แล้วเดินเร็ว ๆ ไปยัดมันลงในถังขยะโดยไม่ลังเล ใบหน้าเธอแดงก่ำแต่ยังคงเงียบ
"....ทำไมยังเก็บมันไว้.... ?"
รามสูรถามเธอด้วยสายตาที่จริงจัง เสียงต่ำของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองผสมแปลกใจ มุมปากตึงเครียดไม่แพ้แววตา
เธอไม่ตอบคำถามของเขา ดวงตาหลุบต่ำอย่างหนักอึ้ง ก่อนจะหันหลังตั้งท่าจะเดินหนีไป
แต่คนเป็นพี่ดึงแขนเธอไว้เสียก่อน จังหวะนั้นหัวใจเธอกระตุกวูบ ความอึดอัดไหลพรั่งพรูขึ้นมาทันที
"...ตกลงนางคิดยังไงกับ 'พี่' ..."
เสียงที่เอ่ยถามไม่ได้ดังนัก แต่เต็มไปด้วยแรงกดดันที่ถาโถมใส่เธอไม่หยุด
เธอไม่ตอบ ตั้งท่าจะเดินหนีเขาอย่างเดียว ความนิ่งของเธอเหมือนกำแพงที่ตั้งขึ้นเพื่อกั้นไม่ให้เขาเห็นความเปราะบางภายใน
"นาง....."
รามสูรจดจ้องคนเป็นน้อง มือหนายังคงจับที่ต้นแขนของเธอแน่นไม่ยอมปล่อย ดวงตาคมปลาบกดเธอไว้ราวกับบังคับให้ต้องตอบคำถาม
"...ปล่อยนาง..."
เธอเอ่ยเบา ๆ เสียงสั่นเพราะพยายามข่มอารมณ์ที่ใกล้จะแตกออกมา
"ไม่ปล่อย...จนกว่านางจะตอบคำถามพี่"
"บอกไปแล้วได้อะไรคะ ในเมื่อพี่ตัดสินนางไปแล้ว...พี่บอกว่านางเป็นผู้หญิงร่าน เป็นผู้หญิงแพศยา โกหกหลอกลวง ที่พี่ถาม..คำตอบของนางพี่กล้าที่จะเชื่อมันไหม......"
เธอสบตาเขาตรง ๆ ในที่สุด น้ำเสียงสะท้อนความเจ็บลึก แม้เสียงจะนิ่ง แต่ดวงตากลับสั่นระริก น้ำใส ๆ เอ่อคลออยู่เต็มเบ้า
"......."
รามสูรไม่ตอบ ความรู้สึกของเขาดูเหมือนมันจะไขว้เขวไปหมด เขานิ่ง...ไม่ตอบในสิ่งที่คนเป็นน้องถาม...แววตาเขานิ่งเฉย แต่แฝงไปด้วยความสับสน
"แค่ภาพเก่า..พี่อย่าใส่ใจมันเลย นางกำลังจะทิ้งมันอยู่แล้ว..."
เธอพูดเบา ๆ สายตาเลื่อนไปยังถังขยะที่มีกรอบรูปฝังตัวอยู่ในกองของที่ไร้ค่า
"...หึ...ผ่านมานานถึงสองปีเธอยังเก็บมันไว้...แต่มาวันนี้บอกจะทิ้ง..มันคงไม่เคยอยู่ในสายตาของเธอตั้งแต่แรก เคยวางไว้ตรงไหนก็ยังคงอยู่ที่เดิม....หรือที่จริงแล้วเธอตั้งใจวางให้ฉันเห็น..คิดจะหลอกให้ฉันตายใจ แล้วปล่อยเธอกับพี่ชายไปแบบนั้นใช่ไหม.."
เขาพูดเสียงเยาะ เสียงหัวเราะในลำคอเย็นเยียบ ราวกับกลบเกลื่อนความปั่นป่วนในใจตนเอง
"อยากคิดยังไงก็แล้วแต่พี่เถอะค่ะ....นางเองไม่อยากจะโต้เถียงอะไรพี่อีกแล้ว นางเหนื่อย...."
คำพูดของเธอเบาหวิวเหมือนคนที่ยอมแพ้ทุกอย่าง ริมฝีปากสั่นไหว มือข้างที่ถูกจับอยู่สั่นระริก
"คุยกับฉันมีแต่คำว่าเหนื่อยรึไง กับไอ้ธามเธอคงนั่งคุย นอนคุยกับมันได้ทั้งคืน..."
น้ำเสียงกัดกร่อนเต็มไปด้วยแรงหึงหวงระคนความไม่ไว้ใจ รามสูรจ้องเธออย่างคาดโทษ ดวงตาดุดันขึ้นอีกระดับ
"พี่ราม !... นางเคยบอกพี่ไปแล้วว่านางกับพี่ธามไม่ได้คิดอะไรเกินกว่าคำว่าพี่น้อง"
น้ำเสียงของเธอเริ่มแผดขึ้น ความอดทนถูกผลักให้จนมุม สีหน้าแดงก่ำเพราะความอึดอัดใจที่อธิบายอย่างไรก็ไม่มีวันเข้าใจ
"พี่น้อง ? หึ...พี่น้องท้องชนกันน่ะเหรอ...เธอเห็นฉันกินหญ้าแทนข้าวรึไง.."
เขาพ่นคำพูดหยาบคายออกมาอย่างเจ็บแสบ แววตาเคลือบไปด้วยแรงแค้นที่ไม่อาจระงับ
"....ถ้าพี่จะคิดแบบนั้น นางก็ไม่มีอะไรจะพูด..."
น้องนางสะบัดแขนออกก่อนจะเดินไปยังห้องแต่งตัว ทิ้งไว้เพียงเสียงฝีเท้าที่หนักแน่นกว่าปกติ
"จะเดินหนีไปไหน...พูดแค่นี้ถึงกับรับไม่ได้เลยรึไง.."
"จะไปเก็บของค่ะ....ให้เวลานางสิบห้านาทีไม่ใช่เหรอ...อีกห้านาทีก็จะหมดเวลาแล้ว"
เสียงของเธอเย็นชา แววตาเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก คล้ายคนที่หมดแรงจะต่อสู้
"ก็ดี..เก็บไปให้เยอะ ๆ เพราะต่อจากนี้เธอต้องอยู่กับฉัน บำเรอฉันไปอีกนาน.."
เขาพูดพร้อมกระตุกยิ้มเย็นราวกับผู้ชนะในการต่อสู้ที่เขาคิดว่าควบคุมได้ทุกอย่าง
"....ค่ะ..."
คำตอบรับสุดท้ายหลุดจากริมฝีปากเธอเบา ๆ ปนแรงกลั้น ราวกับลมหายใจสุดท้ายของความอดทน...