ภายในคอนโดฯ หรูใจกลางกรุง เสียงทีวีดังเป็นระยะ แต่ไม่สามารถกลบเสียงก่นด่าของเกวลินได้แม้แต่น้อย หญิงสาวกำมือถือแน่นด้วยความเคืองใจ เมื่อเห็นภาพถ่ายของสามีไม่กี่วันกับผู้หญิงสวยคนหนึ่งที่กำลังเดินขึ้นรถไปด้วยกัน
“เหอะ! ไอ้แก่มีเมียก็ไม่บอก อ้าว ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นเมีย แล้วฉันเป็นอะไร” แม้ไม่ได้จริงจังกับความสัมพันธ์สักเท่าไร
เกวลินเธอรู้สึกเสมือนถูกสวมเขา หญิงสาวไม่สามารถปล่อยอารมณ์โมโหเรื่องนี้ไปได้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
“เป็นอะไร” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลังเกวลินที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวี พลันขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันด้วยความสงสัย สายตาจ้องจับผิดเป็นระยะ
“ละ คุณ” เกวลินเผลอลืมตัวด้วยความตกใจ เธอเกือบพ่นสรรพนามที่ถูกเตชินท์ห้ามให้หลุดออกจากปาก
“ฉันบอกให้เธอว่าไง” เตชินท์ไม่ได้สนใจสรรพนามที่เกวลินเรียก แต่กลับตั้งคำถามที่ตนเองอยากทราบด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ว่า” เกวลินถามกลับด้วยใบหน้าใสซื่อ ลืมคำสั่งที่เตชินท์สั่งเอาไว้ก่อนออกจากคอนโดฯ สิ้น จนเผลอนึกขึ้นได้เพียงแค่ได้ยินเสียงทุ้มต่ำกัดฟันกรอดเอ่ยเรียกชื่อเธอ
“เกวลิน”
“โทษที กลับมาถึงก็หลับเลย” เกวลินยิ้มแห้ง ตอบกลับแบบขอไปที เพียงเพราะเธอไม่อยากรายงานเรื่องส่วนตัวให้ใครทราบสักเท่าไรนัก
“แก้ตัว” เตชินท์ถอดสูทนอกออกวางพาดบนขอบโซฟา ใช้มือขยับเนกไทพอหลวมเดินไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟา ยกขาขึ้นไขว่ห้างท่าทางสบาย
“ก็ใช่ไง แก้ตัวอยู่” เกวลินยันตัวลุกขึ้นจากโซฟา ขยับตัวมายืนอยู่ตรงหน้าเตชินท์เสมือนต้องการบังจอทีวีไม่ให้ชายหนุ่มได้ดู
“ทำไมเธอดื้อแบบนี้วะ” เตชินท์สบถออกมาด้วยอาการหัวเสีย กับความดื้อดึงของเกวลินที่เริ่มทำให้ชายหนุ่มปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน
“ก็แล้วคุณจะสนใจทำไม? ” เกวลินยืนเท้าสะเอว สายตาท้าทาย เสมือนต้องการลองดีกับเตชินท์ที่กำลังช้อนตามองเธอด้วยท่าทางสุขุมปนเย็นชา
“ว้าย” ระยะเวลาท้าทายเพียงไม่นาน เสียงอุทานด้วยความตกใจของเกวลินดังขึ้น เมื่อแขนเล็กถูกมือหนากระตุกเข้าหา ร่างบางที่ไม่ทันระวังเซล้มทับร่างสูงที่นั่งอยู่บนโซฟา
ปลายจมูกเชิดเฉียดชิดปลายจมูกโด่ง สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของกันและกัน ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจ ต่างจาก นัยน์ตาคมที่จ้องมองใบหน้าสวยนิ่ง
“ออกไป หนัก” เตชินท์เอ่ยเตือนเกวลินเสียงเข้ม เมื่อเห็นร่างบางไม่มีท่าทีจะลุกออกจากตัว
“ปากเสีย อย่าไปพูดแบบนี้กับผู้หญิงที่ไหนนะ” เสียงเข้มเรียกสติเกวลินให้กลับมา พลันใช้สายตามองค้อนเตชินท์กับประโยคทับถมน้ำหนักตนเอง
“จะไปไหน” เกวลินสะบัดตูดเดินหนีด้วยใบหน้าหงุดหงิด กระทืบเท้าเบา ๆ เสมือนเด็กถูกขัดใจ
“อาบน้ำนอน” เกวลินกระแทกเสียงตอบกลับเตชินท์ เพราะหากไม่ตอบ เตชินท์ก็มักจะยิงคำถามเดิมจนได้คำตอบ
“กินข้าวเย็นรึยัง” เตชินท์เหลือบตามองนาฬิกาติดผนังบ่งบอกเวลาดึก จึงนึกถึงอาหารมื้อเย็นที่คิดว่าเกวลินคงยังไม่ได้ทาน
“มีให้กินไหมล่ะ” คอนโดฯ นี้ไม่มีอะไรให้ทานนอกจากน้ำเปล่า และอีกอย่างเธอขี้เกียจออกไปข้างนอก หากสั่งอาหารก็ขี้เกียจเดินลงไปเอา จึงตัดปัญหาคือไม่ทานมื้อเย็นของวันนี้
“ไปอาบน้ำ เดี๋ยวสั่งให้” เตชินท์ล้วงมือถือออกจากกระเป๋ากางเกง กดเลือกร้านเลือกเมนูอาหารให้กับหญิงสาว โดยไม่เอ่ยถามเจ้าตัวแต่อย่างใด
“เออ”
“เกวลินพูดเพราะ ๆ หน่อย” เสียงเข้มปนดุดังขึ้น เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงกระแทกแดกดันจากเกวลิน
“เออค่ะ” ประโยคประชดประชัน น้ำเสียงแดกดันตอบกลับเตชินท์ และรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนทันที
“กวนตีน” เตชินท์พึมพำกับตนเองเบา ๆ นัยน์ตาคมยังคงจับจ้องมองบานประตูยากจะคาดเดาความคิด และหันกลับไปกดมือถือเลือกอาหารให้เกวลินต่อ
เกวลินใช้เวลาอาบน้ำเพียงไม่นาน หญิงสาวเดินออกจากห้องนอนมาพร้อมชุดนอนสบายตัว มุ่งตรงเดินไปยังโต๊ะอาหารด้วยความเร่งรีบ แต่กลับต้องสะดุดเข้ากับกล่องและถุงอาหารวางกองอยู่เช่นนั้น
“กินยังไง?”เกวลินเงยหน้าขึ้นสบตาเตชินท์ พลันเอ่ยถามด้วยท่าทางสงสัยปนงอแง เมื่อชีวิตไม่ได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกดั่งที่ควรจะเป็น
“ยัดใส่ปากทั้งกล่องมั้ง” เตชินท์ถอนหายใจพรืดยาวออกมา พร้อมกับประโยคประชดประชันด้วยสีหน้าปลงตก
“กินให้ดูสิ”
“เกวลิน เธอทำอะไรเป็นบ้าง หัดทำตัวเป็นแม่ศรีเรือนบ้าง” เตชินท์อดเตือนหญิงสาวด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ ชายหนุ่มไม่อยากให้หญิงสาวยึดติดกับแม่บ้านที่คอยอำนวยความสะดวกให้สักเท่าไรนัก
“มีเงินก็จ้างแม่บ้านสิ”
“ไม่ชอบให้ใครยุ่งวุ่นวายชีวิต” คอนโดฯ นี้แม้จะกว้าง แต่กลับมีเพียงห้องนอนใหญ่เพียงห้องเดียว
“ก็ถ้าไม่ใช่แม่บ้าน แล้ววันนี้ใครเปลี่ยนผ้าปูที่นอนจากสีดำเป็นสีขาว” เกวลินอดที่จะเหน็บแนมเตชินท์ไม่ได้
“จ้างแม่บ้านรายสัปดาห์ อ้อ ที่เปลี่ยนผ้าปูที่นอนเพราะผืนเก่าสกปรก แถมผ้าปูสีดำก็ขาด” เตชินท์อธิบายด้วยถ้วยคำยาวเหยียดเสมือนกลัวเกวลินเข้าใจความประสงค์ของตนเองผิดเพี้ยน
“ฉันคิดว่าวันนี้คุณพูดมากผิดปกติ”
“แค่บอก กลัวเธอคิดว่า”
“ว่า” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เมื่อร่างสูงโปร่งชะงักไปเล็กน้อย แถมยังเปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบเฉยและนิ่งราวไม่เคยพูดอะไรมาก่อนหน้านี้
“เปล่า”
“สรุปต้องกินในกล่องนี้เหรอ?” เกวลินชี้ไปยังกองอาหารหลายกล่องที่วางอยู่เบื้องหน้า หากต้องกินในกล่องเธอก็ไม่ติด แต่เพียงแค่ตอนนี้อยู่คอนโดฯ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก จึงอยากจัดใส่จานให้เจริญอาหารเสียมากกว่า
“ถ้าไม่กินในกล่อง ก็จัดใส่จาน”
“ทำให้หน่อยได้ไหม” เพราะไม่ชอบทำงานบ้าน เกวลินจึงทำได้เพียงออดอ้อนเตชินท์ให้ทำแทนตัวเอง แต่คำตอบที่ได้จากชายหนุ่ม กลับทำให้หญิงสาวหุบยิ้มหน้าบึ้งตึงทันที
“ไม่”
“งั้นไม่กิน”
“หัดทำเอาไว้สิ” ทำได้เพียงปลงตก ยอมเดินไปหยิบจานที่อยู่ในโซนครัวออกมาจัดการให้กับภรรยาสาวป้ายแดง
“ไม่อยากทำ มือจะเปื้อน”
“ก็แล้วถ้าเธอไม่ทำ ใครจะทำให้เธอ” หากเธอไม่ทำ แล้วใครจะทำให้? คำถามที่รอคำตอบจากเกวลินและดูเหมือนคำตอบของเธอ เป็นคำตอบเดียวที่เตชินท์คิด
“คุณไง ถึงตอนนี้ชีวิตหนูยังไม่มีแม่บ้าน แต่หนูมีสามีแบบคุณ” เมื่อท้องน้อยต้องการอาหาร เวลานี้เกวลินจึงทำได้เพียงสงบศึกกับเตชินท์และส่งยิ้มหวานให้กับชายหนุ่ม พลันทรุดตัวนั่งรอบนเก้าอี้ท่าทางน่ารัก
“เหอะ คิดว่าผมจะทำให้เหรอ” ปากบอกว่าไม่ทำ แต่มือหนากลับจัดอาหารที่อยู่ในกล่องลงบนจาน
“งั้นไม่กิน”
“จะทำให้ดูแค่ครั้งเดียว”
“ได้สิ” เกวลินยิ้มแป้นนั่งมองเตชินท์จัดอาหารลงบนจานไม่ละสายตา ซึ่งการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับดึงดูดเกวลินให้นั่งมองจนเพลินตา
“ทำไม? คุณจัดอาหารคล่องจัง ปกติชีวิตไม่เคยมีแม่บ้านเหรอ” เกวลินเท้าคางมองการกระทำของเตชินท์ เอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะทุกการกระทำของชายหนุ่มดูคล่องแคล่วไปเสียหมด
“มี แต่เคยไปเรียนที่ต่างประเทศ ต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้”
“อ้อ ดีนะที่หนูไม่คิดจะไปเรียนต่อต่างประเทศ”
“ทำไม” เตชินท์ละความสนใจจากอาหารตรงหน้า เงยหน้าขึ้นมาสบตากลมโต พลันตั้งคำถามที่ตนเองอยากทราบ
“หนูไม่อยากทำอะไรแบบนี้ด้วยตัวเองไง เสร็จแล้วหนูกินนะ” เพราะไม่ชอบทำงานบ้าน ไม่ชอบทำอาหาร จึงไม่อยากพาตัวเองไปลำบากที่ต่างแดน
“ไม่ชวน” เตชินท์ยืนมองเกวลินทานอาหารที่ตนเองเป็นคนจัดอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับไร้วี่แววว่าหญิงสาวจะเอ่ยถามหรือชักชวนแม้แต่น้อย
“คุณทานข้าวนอกบ้านจนอิ่มแล้วมั้ง”
“รู้ได้ไง”
“ทำไม? หนูเดาแม่นเหรอ” เกวลินตอบกลับท่าทางทีเล่นทีจริง ข่มอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้เพียงแค่นึกถึงบุคคลที่เตชินท์ทานข้าวด้วย
“ยังไม่ได้กิน”
“หนูไม่อยากแบ่งเลยจริง ๆ กลัวไม่อิ่ม”
“งกกับผัว” เตชินท์นั่งลงบนเก้าอี้โดยไม่รอให้เกวลินเชื้อเชิญแต่อย่างใด ก็ในเมื่อคอนโดฯ นี้เป็นของเขา อาหารที่สั่งเขาก็เป็นคนสั่ง
“เกลียดคำไม่สุภาพ คำนี้ที่สุดเลย”
“หึ” เตชินท์ยกยิ้มมุมปากพลันหัวเราะในลำคอกับสีหน้าปลงตกของเกวลิน ที่ประกายออกมาเสมือนกำลังทำการแสดงก็ไม่ปาน
“อ้อ อีกไม่นานคงเป็นได้แค่ผัวเก่าค่ะ” เกวลินยกยิ้มมุมปาก ตอบกลับเตชินท์ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เชิดหน้าขึ้นด้วยความมั่นใจในคำพูดตนเอง
“มั่นใจขนาดนั้นเลย” เตชินท์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก นัยน์ตาคมจ้องมองใบหน้าสวยไร้เครื่องสำอางนิ่ง ยากจะคาดเดาความคิดของเขา
“อย่ามาใช้สายตา น่ากลัวแบบนี้กับหนูนะ”