@คณะบริหารธุรกิจ
เช้าอันแสนสดใส เกวลินกรีดกรายเข้ามาในตึกคณะที่มีเชอรีนและพิพิมนั่งเล่นมือถืออยู่ก่อนแล้ว ทิ้งตัวนั่งเก้าอี้ว่างด้วยสีหน้างัวเงียเสมือนคนที่ยังไม่ตื่นนอน
“ยังไม่ถึงเวลาเข้าคลาส ไปทานอาหารเช้าที่โรงอาหารกันดีปะ” เชอรีนพลิกข้อมือดูนาฬิกา พลันเอ่ยชวนเกวลินไปทานอาหารเช้าที่โรงอาหารดั่งเช่นทุกครั้งที่มีเวลาเหลือ
“ไปส่งได้ แต่ฉันทานข้าวเช้ามาแล้ว”
“หือ ปกติแกไม่เคยทันอาหารเช้า” พิพิมเอ่ยถามด้วยความสงสัย หรี่ตาจับพิรุธด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย
“ลุงที่คอนโดฯ เตรียมให้” เช้าวันนี้เพียงแค่เดินออกจากห้องนอน กลับมีอาหารเช้าวางรออยู่ก่อนแล้ว โดยไม่ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของใคร
“ลุงหรือผัว เอาดี ๆ” เชอรีนยกมือเท้าคาง ยื่นหน้าเข้าใกล้เกวลินด้วยใบหน้าทะเล้น เชิงหยอกล้อ
“ลุง” เกวลินตอบกลับเพียงประโยคสั้น ๆ เชิดหน้าด้วยความมั่นใจ เหลือบตามองไปยังเพื่อนรักทั้งสอง
“ลุงก็ลุง ว่าแต่แกเถอะ ได้รับอีเมลตอบกลับจากที่ฝึกงานที่ขอไปรึยัง” พิพิมเปลี่ยนเรื่องคุย พลันเอ่ยถามเกวลินเรื่องฝึกงานที่ใกล้จะถึงนี้
“ยังไม่เห็นตอบรับเลย” เพียงแค่พูดเรื่องฝึกงาน จากใบหน้ายิ้มแย้มกลับแสดงท่าทีปลงตกออกมาแทน
“ส่งไปกี่ที่” พิพิมเอ่ยถามเกวลินด้วยสีหน้าเป็นห่วง เพียงเพราะพวกเธอและเชอรีนได้รับอีเมลตอบกลับจากบริษัทที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว
“สามบริษัท ไม่มีตอบรับสักบริษัท” แค่คิดเรื่องฝึกงาน สมองเริ่มทำงานหนัก จนผมยาวสลวยเริ่มยุ่งเหยิงด้วยมือที่ยกยีผมไปมา
“ทำไม? ไม่ไปฝึกงานที่บริษัทสามีแกล่ะ” เชอรีนเอ่ยปากออกความเห็น หากไม่มีที่ฝึกงานตอบรับจริง ๆ จะไปยากอะไรเพียงแค่เกวลินเดินไปขอความช่วยเหลือจากสามีนักธุรกิจของตนเอง
“ไม่มีทาง ขี้เกียจเห็นหน้าจะแย่” ไม่มีทางที่เธอจะฝึกงานบริษัทของเตชินท์แน่นอน เพียงเพราะไม่อยากเจอหน้าบ่อย แถมยังไม่อยากให้ใครกล่าวหาได้ว่าตนเองเป็นเด็กเส้น
“มหา’ลัยห้ามฝึกงานที่บริษัทครอบครัวด้วยสิ งั้นแกก็คงต้องหาต่อไป” มหา’ลัยไม่ให้นักศึกษาฝึกงานบริษัทในเครือของครอบครัว เพียงเพราะอยากให้นักศึกษาได้ประสบการณ์ที่ดี
“ยังพอมีเวลา” พิพิมตบหัวไหล่บางเบา ๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ เพราะทุกปัญหามักมีทางออกเสมอ
“แต่บริษัทสามีแก มีแต่นักศึกษามหา’ลัยเราอยากไปฝึกงานที่นั่น” บริษัทวัฒนะกุลคือบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศที่นักศึกษาต้องการไปฝึกงานที่นั่น เพื่อเพิ่มโพรไฟล์ให้กับตนเองให้ดูสวยหรู
“เอ๊ะ แต่ที่ได้ยินมาบริษัทวัฒนะกุล งดรับนักศึกษาฝึกงานไปหลายรุ่นแล้วนะ”
“ใช่ แต่ก็ได้ยินมาว่า ยังคงมีนักศึกษาส่งใบสมัครอยู่เรื่อย”
“บริษัทมีดีอะไรขนาดนั้น” เกวลินเอ่ยถามด้วยความข้องใจ ในเมื่อบริษัทไม่รับนักศึกษาฝึกงาน แต่ทำไมยังมีนักศึกษาส่งใบสมัครไปอีก
“บริษัทชั้นนำระดับประเทศ แถมผู้บริหารยังหล่อลากไส้อีก ใคร ๆ ก็อยากไปถวายตัว เอ้ย ไปฝึกงานจ้ะ”
“ตกใจได้ปลอมมาก” เกวลินยกยิ้มมุมปาก ทับถมท่าทางตกใจที่ดูยังไงก็ปลอมของเชอรีน เบ้ปากด้วยความขยาด
“ว่าแต่ยายมาเบล คู่กัดแกฝึกงานที่ไหนเหรอ” มาเบลคู่กัดอันดับหนึ่งของเกวลิน บุคคลที่ชอบมีปัญหาและแข่งขันตั้งแต่ปีหนึ่งจวบจนถึงปีสี่
“ไม่รู้สิ ช่วงนี้ไม่เห็นหน้า” เกวลินตอบกลับด้วยน้ำเสียงและใบหน้าเรียบเฉย แทบไม่ได้สนใจมาเบลเลยสักนิด แถมยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามาเบลไม่ได้มาเรียน
“ได้ข่าวว่านางลาไปเที่ยวต่างประเทศ”
“ก็ดีเหมือนกัน ช่วงนี้ไม่มีอารมณ์สู้รบตบมือด้วย” เกวลินพยักหน้ารับเบา ๆ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน
“ช่วงนี้ไม่เห็นหน้าสายฟ้าด้วย อย่าบอกว่าไปด้วยกันนะ” เชอรีนหันซ้ายไปมองกลุ่มสายฟ้า เพื่อนร่วมคลาสที่ไม่เห็นหน้าค่าตา ที่หายหน้าไปพร้อมกับมาเบล
“จะบ้าเหรอ? สายฟ้าจีบไอ้เกล และตอนนี้นางก็ป่วยนอนอยู่โรงพยาบาล ฉันว่าจะชวนพวกแกสองคนไปเยี่ยม” พิพิมรีบเบรกความคิดของเชอรีนทันที เนื่องจากเธอเพิ่งทราบข่าวจากไบร์ทเพื่อนสนิทของสายฟ้ามาหมาด ๆ
“ฉันไม่ไปนะ” เกวลินรีบปฏิเสธทันที เพียงเพราะเธอไม่อยากให้ความหวังใคร ปล่อยให้สถานะเป็นได้แค่เพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น
“ทำไม? กลัวสามีว่าเอาเหรอ” เชอรีนอดเอ่ยแซวเกวลินไม่ได้ ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ที่มีความหมายแอบแฝง
“เปล่า ฉันแค่ไม่อยากไปเยี่ยม กลัวสายฟ้าคิดว่าฉันมีใจ” เหตุผลที่ไม่ไปเยี่ยมสายฟ้าเพื่อนร่วมคลาสที่ตามจีบเธอตั้งแต่ปีหนึ่ง เพียงเพราะไม่อยากให้ความหวังใครโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายที่ดีแบบสายฟ้า
“ก็จริงของแก สายฟ้าเองก็นิสัยดี ถ้าแกไม่แต่งงานเสียก่อน ฉันจะเชียร์สายฟ้านี่แหละ”
“แต่งงานตามความต้องการของผู้ใหญ่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ” เกวลินทิ้งท้ายเพียงเท่านั้น ก่อนที่เธอจะให้ความสนใจกับมือถือที่อยู่ตรงหน้าแทน
@ บริษัทวัฒนะกุล
รณพีร์ยืนรอเจ้านายหนุ่มเซ็นเอกสารสำคัญอยู่ภายในห้องทำงาน พลันเอ่ยปากรายงานเรื่องนักศึกษาฝึกงานที่มีเข้ามาทุกวันให้ท่านประธานหนุ่มทราบ
“นักศึกษามหา’ลัย K ส่งเรซูเม่มาขอฝึกงานที่บริษัทเราเยอะเลยครับ”
“ไม่รับ” เตชินท์ปฏิเสธทันที และยังคงยึดคำสั่งเดิมของตนเอง เพียงเพราะเหตุผลที่ไม่เข้าท่าสำหรับใครหลายคน
“พอจะทราบครับ แต่ไม่ทราบเหตุผลเท่าไหร่ครับ” รณพีร์ทราบเรื่องนี้ดี แต่กลับไม่ทราบเหตุผลของเจ้านายหนุ่มเท่านั้น
“ไม่รับ ผมไม่ชอบสายตาที่มองมาของพวกเธอ” เหตุผลที่ฟังดูไร้สาระหลุดออกจากปากประธานหนุ่ม
“หวงตัวเหรอครับ ถ้าเกิดภรรยาเจ้านายอยากมาฝึกล่ะ” หลังจากเจ้านายแต่งงานไม่นาน รณพีร์ถึงทราบข้อมูลเบื้องต้นของภรรยาเจ้านายหนุ่มเพียงแค่คนเดียวในบริษัท
“ไม่รับไง” ไม่รับและมีเหตุผลเพียงเท่านี้ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เพียงแค่ประธานหนุ่มไม่ชอบสายตานักศึกษาสาวที่ชอบทอดสะพานให้ตนเองเท่านั้น
“รับทราบครับ” รณพีร์ยิ้มรับคำสั่งของเจ้านาย พลันเข้าใจเหตุผลที่ได้รับฟังมาอย่างลึกซึ้งและยิ่งเจ้านายมีภรรยา ยิ่งทำให้รณพีร์ทราบดีว่าเจ้านายหนุ่มหวงตัวมากกว่าเดิม
รณพีร์เดินถือแฟ้มงานออกจากห้องประธานบริษัทด้วยรอยยิ้ม แต่กลับต้องหุบยิ้มเพียงแค่เจอเฟืองรัตน์ยืนดักทางอยู่เบื้องหน้า
“พี่พีร์รู้ใช่ไหมคะ? ว่าใครคือผู้หญิงที่ท่านประธานจดทะเบียนด้วย” เฟืองรัตน์ยิงคำถามที่ตนเองอยากทราบทันที
“รู้” รณพีร์พยักหน้ารับตามความจริงที่สามารถพูดได้ นัยน์ตาจ้องมองใบหน้าเฟืองรัตน์เสมือนต้องการอ่านความคิดของผู้ช่วยเลขา
“ช่วยบอกเฟืองหน่อยได้ไหมคะ” เฟืองรัตน์ปรับเสียงให้ดูอ่อนลง หวังให้รณพีร์ใจอ่อน แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้เฟืองรัตน์กำหมัดแน่น
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ ถ้าเจ้านายพร้อมจะบอก เดี๋ยวท่านก็เปิดตัวเองแหละ”
“ทำไม? ไม่เปิดตัวตั้งแต่แรกคะหรือภรรยาท่านไม่สวย” จะมีสักกี่เหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นไม่อยากประกาศตัวเป็นภรรยา
“สวยมากต่างหาก” รณพีร์ตอบกลับตามความจริง เมื่อบังเอิญเจอภรรยาเจ้านายที่เดินสวนทางกันพอดี
“แล้วมีเหตุผลอะไร? ที่ไม่เปิดตัวคะ” หากไม่ใช่เรื่องหน้าตา เฟืองรัตน์แทบคิดเหตุผลไม่ออกด้วยซ้ำ
“เรื่องนี้พี่ก็ไม่ทราบเหมือนกัน ท่านกับภรรยาคงมีเหตุผล”
“หรือจริง ๆ แล้ว ท่านไม่ได้แต่งงานและข่าวที่หลุดออกมาคือข่าวปลอมกันแน่” เฟืองรัตน์ยังคงหาเหตุผลที่ตนเองค้างคาใจ
หวังเข้าข้างความคิดตนเองเล็กน้อยว่าการแต่งงานของประธานหนุ่มอาจเป็นข่าวปลอม เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ
“แล้วแต่เธอจะคิด แต่พี่ขอเตือน เลิกยุ่งเรื่องส่วนตัวของเจ้านายได้แล้ว” รณพีร์เอ่ยปากเตือนด้วยน้ำเสียงดุดัน และเดินหนีเฟืองรัตน์กลับไปทำงานต่อ
“ฉันต้องรู้ให้ได้” เฟืองรัตน์ทำได้เพียงหันหลังมองแผ่นหลังรณพีร์ด้วยความคับแค้นใจ กำหมัดแน่นด้วยความหงุดหงิดกับคำถามที่ไร้คำตอบ