บทที่ 10 ร่วมมือกัน

1690 Words
เพ่ยถิงถิงกลับถึงบ้านพร้อมกับข่าวที่เธอกำลังจะมีสามีในอีกหนึ่งเดือนถัดจากนี้ เธออายุยี่สิบและมีการศึกษาเพียงแค่มัธยมปลาย แต่กลับมีวาสนาได้แต่งกับนายพลหลี่ที่ทุกคนหมายปอง และที่สำคัญพรุ่งนี้หนังสือพิมพ์ประจำเมืองจะประกาศข่าวดีนี้ และเชื่อว่าหลังจากข่าวแพร่ออกไปต้องมีคนที่อยากมาเห็นหน้าเธอเป็นแน่ “คุณปู่คะ...ทำไมต้องประกาศให้เป็นข่าวใหญ่โตด้วยคะ แค่จัดงานหมั้นกันเงียบ ๆ ไม่ได้เหรอคะ” เธออยากให้คนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะว่าชีวิตการสมรสของเธอคล้ายจะไม่ยั่งยืน แต่คนเป็นเจ้าบ่าวคิดว่าเธอรังเกียจเขา ทำไมเขามันน่ารังเกียจขนาดที่เธอต้องการให้เขาเป็นสามีลับ ๆ หรือไง เขาไม่ดีตรงไหน? ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจเธอขึ้นมาแล้วสิ จนใบหน้าตอนนี้เรียกได้ว่าใครก็เข้าไม่ติด “ต้องประกาศสิ คนจะได้รู้ว่าเหวินอวี้มีเจ้าของแล้ว และคนที่ต้องการจับหนูไปขายจะได้เลิกตอแย เพราะนั่นหมายความว่ากำลังเล่นอยู่กับยมทูตแห่งความตาย” ปู่หลี่ให้ความคิดเห็น เพ่ยถิงถิงถอนหายใจ แต่งงานก็ดีอยู่หรอก หากจะดีกว่านี้ควรจะเป็นการเต็มใจทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอยากแต่ง แต่เธอจะขัดอะไรได้ในเมื่อตอนนี้คุณปู่เป็นคนเดียวที่หวังดีกับเธอ จะหวังพึ่งคุณพ่อก็คงจะตัดขาดกับคุณปู่ไปแล้ว หากแม่เลี้ยงไปอาละวาดถึงชายแดน ไม่แน่ว่าเรื่องนี้จะจบงดงาม เหล่าผู้ใหญ่ในตระกูลหลี่ต่างพยายามจูงใจเธอ ทั้งหาเหตุผลมารองรับ สุดท้ายเธอก็ต้องเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของเขาโดยไร้ข้ออ้าง แต่เขาล่ะ เต็มใจจะแต่งจริง ๆ หรือไง “หนูไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ เรื่องชุดแต่งงานแม่คุยกับหนานหนานเอาไว้แล้ว รับรองว่าชุดเสร็จทันแน่นอน” เพ่ยถิงถิงได้แต่ยิ้มเจื่อน แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเธอจึงขอตัวไปอาบน้ำพักผ่อน เพราะวันนี้ไปนั่งกินไก่ตุ๋นจนหัวมีกลิ่นของเครื่องตุ๋นยาจีน จึงต้องสระผมและก็อยากนำน้ำมารดหัวให้หัวโล่งกว่านี้อีกหน่อย “วันนี้เขาพูดเรื่องแต่งงานเหมือนใบหน้าเบิกบาน แต่ทำไมตอนคุยกับผู้ใหญ่เหมือนไม่เต็มใจแต่ง เขาคิดอะไรอยู่กันแน่ ไม่ใช่คิดจะทรมานเธอหลังแต่งหรอกใช่ไหม” เธอสระผมไปก็บ่นไปด้วยจนกระทั่งออกจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูที่พันรอบตัว กับบนหัวมีอีกผืนที่พันผมเอาไว้ไอจากน้ำอุ่นในห้องน้ำลอยฟุ้งทำให้เธอไม่เห็นว่ามีใครบางคนมาอยู่ในห้องของเธอแล้ว จนกระทั่งเธอเดินออกมากลางห้อง สายตาของเธอสบเข้ากับอีกร่างที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียง “คุณ!” เสียงของเธออุทานอย่างตกใจ พร้อมกับถอยกลับเข้าห้องน้ำ เพราะเธออยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมเจอใคร ‘คนบ้า ไม่มีใครสั่งสอนหรือไงว่าอย่าเข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต’ “นี่คุณ...จะนอนในห้องน้ำหรือไง” นั่นยังจะมาถามแบบนี้อีก เขาอยู่ในห้องเธอจะออกไปได้ยังไงล่ะ “คุณออกไปก่อนสิคะ ฉันแต่งตัวไม่เรียบร้อยนะ” เธอตะโกนกลับไป “อายอะไรอีกหน่อยก็จะได้นอนด้วยกันแล้ว” โอ๊ย...นายพลหน้ามึน จะนอนด้วยกันก็ต้องรอแต่งก่อนไม่ใช่หรือไง มันยังไม่ใช่วันนี้สักหน่อย ถ้าไม่รู้ว่าเขาไม่เคยมีคนรัก เธอคิดว่าเขาแสร้งตีมึนใส่เธอนะ แต่ยังไงเขาก็ร้ายกาจจะตายไป “คุณก็ออกไปก่อนสิ มีอะไรก็ไปคุยกันข้างนอก” เธอยังคงคุยกับเขาผ่านประตูห้องน้ำ และได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจของเขา หลังจากนั้นครู่หนึ่งเธอได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินออกไปแล้ว ทำให้เธอค่อย ๆ แง้มประตูห้องน้ำออกมาสอดส่องให้ดี แล้วก็พบว่าเขาไปแล้ว เธอจึงรีบแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วเธอรีบเช็ดผมลวก ๆ จนหมาดได้ที่แต่ก็ยังไม่แห้งเสียทีเดียวนัก แต่ก็ต้องออกจากห้องไปก่อนที่อีกคนจะโผล่เข้ามาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงอีก เมื่อเปิดประตูอีกคนก็ยืนอยู่ตรงหน้าทำเอาเธอตกใจ “คุณ...ทำไมยืนตรงนี้ ใจหายหมดนึกว่าผี” เพ่ยถิงถิงเอามือลูบที่หน้าอกระรัว แต่อีกคนกลับเห็นว่าเนินอกของเธอที่แนบชุดนอนบางเบาของน้องสาวบุญธรรมนี่มันช่างทำให้เขาปั่นป่วนเหลือเกิน ความรู้สึกตอนนี้คล้ายกับคอแห้งจนต้องกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เหงื่อที่กรอบหน้าคมคายของหลี่เหวินอวี้เริ่มผุดเม็ดเล็ก ๆ สายตาจับจ้องที่มือเรียวสวยได้รูปของเธอที่ลูบขึ้นลงตรงหน้าอก ให้ตายสิ...เขาเป็นอะไรไปกันแน่? เพ่ยถิงถิงที่หายตกใจแล้ว แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นพบว่าอีกคนกำลังจดจ้องหน้าอกของเธอ ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงช้า ๆ แต่ที่แปลกคือมีเม็ดเหงื่อกลั่นเป็นเม็ด ๆ พร้อมกับลำคอที่แดงเถือก ยิ่งเมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปยังใบหน้า คล้ายกับเขาดื่มแอลกอฮอล์จนเมาก็ไม่ปาน “ระ..ร้อนเหรอคะ” เพ่ยถิงถิงถามออกไป แต่ทว่าเขากลับไม่ตอบคล้ายกำลังเหม่อลอย จนเธอต้องสะกิด “คุณ!” “ฮะ...อื้อ...ว่าไง” เขาเหมือนโดดสะกดไปชั่วครู่ก่อนจากเรือนร่างในชุดนอนตรงหน้า กว่าจะตั้งสติแล้วสูดหายใจเข้าลึกเต็มปอด พร้อมกดข่มอารมณ์ร้อนในกายให้สงบลงก็ใช้เวลาครู่ใหญ่ “คุณเหม่ออะไรคะ” “ปะ...เปล่าไม่มีอะไร ฉันแค่อยากคุยกับเธอเรื่องแต่งงาน” ที่จริงเขาตั้งใจอยากจะพูดกับเธอหลายอย่าง แต่ตอนนี้บอกได้เลย สมองของเขาเหมือนไม่หลงเหลือความทรงจำอะไร จึงอ้างเรื่องแต่งงานขึ้นมา ก่อนจะพยายามเรียบเรียงคำพูดในหัวอีกครั้งเพื่อจะพูดกับเธอในคืนนี้ “งั้นไปคุยห้องรับแขกดีไหมคะ” “ไม่ดี...หน้าต่างมีหู...ประตูมีช่อง คุยในห้องของเธอเถอะ” “....”! เธอที่อยากให้ห่างจากห้องนอนสักหน่อย แต่อีกคนก็ขยันชวนเธอเข้าห้องนอนจริง ๆ นี่เขาไม่รู้หรือไงว่า ยุคนี้หากทำตัวไม่ดีก่อนแต่งจะมีแต่คนเอาไปนินทา ยิ่งในบ้านของเขาคนรับใช้มากมายขนาดนี้ จะควบคุมได้ยังไง “เอ่อ...แต่ว่าเรา...” เธอจะยกเหตุผลมาคุยกับเขา แต่ทันที่ไหนล่ะ เขาผลักเธอเข้าห้องแล้วก็ปิดประตูพร้อมลงกลอน เดี๋ยวนะ...นี่ไม่ใช่เขาจะทำอะไรเธอใช่ไหม “คุณทำอะไร” แววตาของคนตัวเล็กกว่าตื่นตระหนก ทั้งมองเขาอย่างระแวง “คราวหน้าถ้าใส่ชุดนอนแล้วก็ไม่ควรจะเดินออกไปข้างนอกเข้าใจไหม อีกอย่างคุยในนี้ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ไม่ต้องกลัวใครแอบฟัง” เธอขมวดคิ้วแทบชนกัน นี่เขากลัวใครแอบฟังหมายความว่าไง เรื่องที่จะคุยความลับหรือไง หรือว่าจะมาคุยเรื่องข้อตกลงแต่งงานหรือสัญญาอะไร “ถ้าอย่างนั้นคุณก็พูดมาเถอะ ฉันรอฟังอยู่” “ผมรู้มาว่าคุณพ่อของคุณไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนที่ชายแดน คุณควรรู้เอาไว้บ้าง” เมื่อได้ยินเรื่องนี้เพ่ยถิงถิงก็ถึงบางอ้อ ที่แท้เขากลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียงสินะ เอาเถอะหากเขาคิดจะหย่าเธอก็จะหย่าให้ไม่ต้องมีเรื่องแบบนั้นให้กระทบเกียรติของเขาแน่นอน “ถ้าเป็นเรื่องนั้นฉันคิดว่าไม่มีปัญหาค่ะ...เรื่องหย่า...เราตกลงกันได้แน่นอนหากคุณต้องการ” “ก็ดี...ผมก็คิดว่าเราน่าจะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันหลังแต่งคงราบรื่น ไม่มีปัญหาเรื่องหย่าร้างขึ้นมา” เดี๋ยว...นี่คุยเรื่องเดียวกันอยู่ไหม ราบรื่นอะไรงั้นเหรอ ไม่มีปัญหาเรื่องหย่าหมายความว่าไง “ฉันไม่เข้าใจ” “ทหารมีกฎว่าห้ามหย่าโดยไม่มีเหตุผลที่ดี ถ้าจะหย่าต้องยื่นเรื่อง แต่งก็ต้องยื่นเรื่องเช่นกัน ดังนั้นผมไม่อยากยุ่งยากภายหลัง อีกอย่างที่ควรรู้หากมีเรื่องชู้สาวจะกระทบหน้าที่การงาน ผมหวังว่าเราสองคนน่าจะเข้ากันได้ดีหลังจากแต่งงานแล้ว” “หย่าไม่ได้?” “ใช่น่ะสิ ไม่มีทหารคนไหนอยากแต่งงานสองรอบหรอกนะ และที่สำคัญพรุ่งนี้คุณต้องร่วมมือกับผมทำบางอย่าง” เขาพูดพร้อมกับยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ คล้ายกับกำลังวางแผนบางอย่างที่น่ากลัวจนเธอชักหวั่นใจ ร่วมมืออะไรกับเขาอย่างนั้นเหรอ...แต่เหมือนคิ้วขวากระตุกอีกแล้ว ต้องมีเรื่องแน่ ๆ เธอชักหวั่นใจแล้วสิ หลังจากเขาออกไป ตกกลางคืนเธอนอนไม่หลับใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ จนกระทั่งเผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และตื่นอีกทีก็ตอนที่มีเสียงเคาะประตูทำให้สะดุ้งตัวขึ้น ก๊อก ก๊อก ก๊อก ๆ เธอจะลุกขึ้นแต่ทว่าลุกไม่ได้ แต่กลับพบว่าขยับตัวไม่ได้เหมือนมีอะไรบางอย่างทับตัวเธออยู่ “อะไรเนี่ย!” จนเมื่อขยี้ตาอีกครั้งและพบว่าไม่ใช่หมอน ไม่ใช่ผ้าห่มที่ทับตัวเธอ โดยที่เสียงดังด้านนอกก็ยังเร่งเร้าไม่หยุด ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!! “คุณหนูเพ่ยตื่นเถอะค่ะ...มีคนต้องการพบคุณ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD