โทรศัพท์ที่นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าแผดเสียงดังขึ้นหลายครั้ง ก่อนจะดับไปแล้วดังขึ้นมาใหม่อยู่อย่างนั้นส่งผลให้ร่างขาวที่นอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มค่อยๆ ขยับตัว สิ่งแรกที่รู้สึกคืออาการเจ็บร้าวตั้งแต่กลางกายไปจนถึงต้นขา
รมิตานอนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งกวาดตาไปมองรอบๆ ก็ไม่พบใคร บนเตียงกว้างมีเพียงเธอที่นอนโดดเดี่ยวอยู่เพียงคนเดียว เหตุการณ์เมื่อคืนค่อยไหลเวียนเข้ามาในหัว
หลังจากที่เขาจัดการเธอในห้องน้ำเสร็จก็มาต่อบนเตียงอีกรอบและมีทีท่าว่าจะต่ออีกหลังจากรอบที่สามเสร็จไป จนเธอต้องขอร้องเขาเสียงแห้งเพราะร่างกายรับไม่ไหวแล้ว
แค่ครั้งแรกเขายังจัดหนักเธออย่างไม่ปรานี
“อ๊ะ…”
ขยับตัวเพียงนิดความปวดร้าวก็แล่นเข้ามาจู่โจมทันที เมื่อคืนเขาเหมือนสัตว์ป่าดุร้ายที่หิวกระหายได้เหยื่ออันโอชะจึงถูกขย้ำจับกินอยู่ทั้งคืน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง รมิตาข่มความเจ็บเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าที่ถูกวางไว้บนชั้นข้างเตียงนอนก่อนจะหยิบมือถือเครื่องเก่าที่ยังแผดเสียงดังไม่หยุดออกมากดรับ
“มิตา!”
ปลายสายเรียกชื่อรมิตาเสียงดังจนเธอต้องขยับมือถือออกห่างจากหู ก่อนจะกรอกเสียงที่แหบแห้งกลับไป
“ว่าไงแป๋ว แค่กๆ”
“ทำไมเสียงเป็นแบบไหน ไม่สบายหรือเปล่า” แป๋วแหววเอ่ยเสียงอ่อนถามด้วยความเป็นห่วง
“เปล่าจ้ะ แค่คอแห้งว่าแต่โทรมาตั้งหลายสายมีอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ มิตานี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
พอนึกได้แป๋วแหววก็กลับมาโวยวายเหมือนเดิม
“อะไรมีอะไรเกิดขึ้นอีก”
คงไม่ใช่ว่ามีใครโกงเงินบริษัทแล้วเธอโดนเอี่ยวไปด้วยอีกนะเพราะแค่นี้เธอก็ยับเยินมากพอแล้ว
“เรามากกว่าที่ต้องถามมิตา จู่ๆ เมื่อเช้าฝ่ายบริหารก็ประกาศว่ามิตาไม่ใช่คนร้ายที่สมคบคิดกับหัวหน้าเอนกแต่ที่จริงแล้วมิตาเป็นเลขาของท่านประธานที่ถูกส่งเข้าไปสืบเรื่องการโกงเงินและนำข้อมูลมาให้ท่านประธาน นี่มันยังไงกันแน่เนี้ย มิตาไปเป็นเลขาของท่านประธานตอนไหน เราไปถามกับหัวหน้าฝ่ายรายนั้นก็เงียบไม่ตอบบอกว่าเป็นเรื่องภายในบอกข้อมูลไม่ได้ มันยังไงกันแน่มิตา เราเป็นห่วงมิตามากเลยนะ”
ท้ายประโยคแป๋วแหววเสียงสั่น ดูจากสายที่กระหน่ำโทรเข้ามารู้เลยว่าแป๋วแหววเป็นห่วงรมิตามากแค่ไหน
คนมีอำนาจสามารถเปลี่ยนดำเป็นขาว เปลี่ยนขาวเป็นดำได้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ เมื่อวานเธอยังกลุ้มใจคิดหัวแทบระเบิดว่าจะเอาตัวรอดกับเรื่องที่เกิดขึ้นยังไง
เพียงแค่กลายเป็นผู้หญิงของ ธรณ์ พัชรวิทิต แค่ข้ามคืนความผิดที่เธอโดนกล่าวหาก็มลายหายไปสิ้นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมเขายังพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเธอคือเลขาของเขาได้โดยที่ไม่มีใครสงสัย
ธรณ์ พัชรวิทิต คือผู้ชายที่อันตรายจริงๆ…
“แป๋วใจเย็นๆ ก่อนนะ ตอนนี้เรายังบอกรายละเอียดอะไรมากไม่ได้แต่ให้แป๋วสบายใจตอนนี้เราไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่โดนคดีและก็สามารถกลับไปทำงานที่บริษัทได้ตามปกติ”
แป๋วแหววถอนหายใจหนักแต่ก็ไม่เซ้าซี้แค่ได้รู้ว่ารมิตาปลอดภัยก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆ ถ้ารมิตาอยากพูดคงมาเล่าให้เธอฟังเองเพราะเป็นเพื่อนกันมานานจึงรู้ว่ารมิตาเป็นคนนิสัยเช่นไร
“มันโอเคแล้วจริงๆ ใช่ไหมมิตา” แป๋วแหววถามย้ำ
“อื้อ งั้นเราวางสายก่อนนะมีเรื่องที่ต้องไปทำนะ”
“โอเค”
ปลายสายวางไปแบบไม่เต็มใจนักแต่ก็ไม่ซักไซ้ไล่เลียงถาม
รมิตาเก็บมือถือใส่กระเป๋าเหมือนเดิม ก่อนจะหันกลับมาสำรวจสภาพตัวเอง ตามหน้าอกมีรอยรักสีกุหลาบอยู่หลายจุดอย่างน้อยเขาก็ไม่ทำรอยที่คอหรือจุดอื่นนอกร่มผ้า ส่วนที่เสียหายมากที่สุดคงเป็นส่วนอ่อนไหวตรงกลาง เพราะแค่ขยับตัวเพียงนิดก็ปวดร้าวไปทั้งตัว
จะมีชีวิตรอดครอบหนึ่งปีตามสัญญาหรือเปล่า เขาใช้ร่างกายเธอหนักตั้งแต่ครั้งแรกไม่อ่อนโยนให้เลยสักนิด นั่งคิดอยู่ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตู รมิตารีบยกผ้าห่มมาคลุมร่างตัวเองไว้จนถึงคอก่อนจะเอ่ยปากอนุญาตให้คนข้างนอกเข้ามา
“สวัสดีครับคุณรมิตา ผมชื่อชยพลเป็นผู้ช่วยของท่านประธาน”
เขาเอ่ยแนะนำตัวและยืนอยู่ตรงประตูไม่ได้ก้าวเข้ามาในส่วนของห้องนอน
“ท่านมีธุระจะต้องไปต่างประเทศสามสี่วันครับ รายละเอียดอื่นๆ ผมจะแจ้งให้คุณทราบเมื่อคุณพร้อม ท่านกำชับว่าให้คุณรมิตานอนพักอยู่ในห้องนี้ได้ตามที่ต้องการ ขาดเหลืออะไรแจ้งผมหรือพนักงานได้ ตอนนี้ไม่ทราบว่าคุณรมิตาต้องการอะไรเป็นพิเศษไหมครับ”
รมิตานั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกไป
“ขอยาแก้ปวดได้ไหมคะเอ่อแล้วก็ยาแก้อักเสบ”
“ครับ สักสิบนาทีผมจะให้พนักงานนำมาเสิร์ฟพร้อมกับอาหารเช้า ถ้าอย่างนั้นไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณแล้ว”
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
แล้วเสียงประตูก็ปิดลง รมิตาผ่อนลมหายใจแล้วค่อยๆ ล้มตัวนอนอีกครั้งไม่นานเธอก็ผล็อยหลับไป