ตอนที่10

1126 Words
ต่อให้เมื่อคืนจะถูกคนกินดุจับกินจนดึกแต่รมิตาก็ตื่นแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวมาทำงานตามปกติ วันนี้มีนัดประชุมสำคัญของฝ่ายบริหาร เธอจึงมาเตรียมเอกสารการประชุมแต่เช้า “มิตา กาแฟจ้ะ” แป๋วแหววยกแก้วกาแฟร้านหรูชูขึ้น พร้อมกับส่งรอยยิ้มทักทายเพื่อนสนิทเสียงสดใส “อยากกินอยู่พอดีเลย ขอบคุณน๊า” รมิตารับแก้วกาแฟจากเพื่อนรัก ดูดเครื่องดื่มที่สามารถลดความง่วงตลอดทั้งวันได้ทันที “นอนดึกอีกแล้วล่ะซิ” “อืม ต้องเคลียร์อะไรหลายอย่างนะ” แป๋วแหววมองซ้ายแลขวาเมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครเธอจึงหย่อนก้นข้างหนึ่งนั่งบนโต๊ะทำงานของรมิตา “เอาจริงเหรอเรื่องนั้นนะ” รมิตาที่กำลังเพลิดเพลินกับกาแฟมื้อเช้าหยุดชะงัก ค่อยๆ วางแก้วกาแฟที่รู้สึกกร่อยลง “อาห่ะ” “มาถึงขนาดนี้แล้วไม่ลองสู้ดูสักตั้ง” สู้ทั้งที่รู้ผลลัพธ์ยังไงก็แพ้นะเหรอ… รมิตาส่ายหน้า เธอไม่มีอะไรจะไปสู้กับใครได้หรอก “มิตารักเขาไม่ใช่เหรอ ลองดูก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่น่า ในเมื่อสุดท้ายคิดจะไปอยู่แล้ว” รมิตาไม่ตอบ ใบหน้างามเศร้าสร้อย “ถึงเราจะไม่ชอบที่คุณธรณ์ใช้เรื่องนั้นมาบังคับมิตา แต่เราก็คิดนะว่าเขาต้องมีใจให้มิตาบ้างแหละไม่งั้นคงไม่ดูแลดีขนาดนี้” “แป๋ว เขากำลังจะหมั้นนะถ้าเขามีใจอย่างที่แป๋วว่าเขาจะให้มิตาอยู่แบบหลบๆ ซ้อนๆ เหมือนเมียเก็บได้ยังไง เขาเปิดตัวคู่หมั้นไม่สนใจความรู้สึกมิตาด้วยซ้ำ” หัวใจของรมิตาเจ็บแปลบเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาสุกใสแดงเรื่อขึ้นด้วยความน้อยอกน้อยใจ รมิตาได้คิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว พอหมดสัญญาหนึ่งปีเธอจะลาออกจากบริษัทกลับไปอยู่บ้านสักพักฟื้นฟูหัวใจที่บอบช้ำ “โอเคๆ มิตาอย่าร้องขอโทษนะเราไม่ดีเอง” แป๋วหยิบทิชชูส่งให้ รู้สึกอยากตบปากตัวเองแรงๆ สักทีที่พูดไม่ทันคิด เรื่องที่รมิตาเป็นเด็กของท่านประธานแป๋วแหววรู้มาสักระยะหนึ่งแล้ว ถึงจะไม่ชอบใจที่คนมีอำนาจอย่างเขามารังแกเพื่อนตัวน้อยๆ ของเธอแต่แป๋วแหววก็ไม่อยากเข้าไปก้าวก่าย คนนอนคุยกันกับยืนกันมันคงมีรายละเอียดอีกมากที่เธอไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือตอนนี้เพื่อนของเธอมีใจให้ท่านประธาน แป๋วแหววสงสารรมิตาจับใจแต่เรื่องของหัวใจมันห้ามกันไม่ได้ แป๋วแหววอยากให้รมิตาสมหวังแต่ทว่าการตบมือข้างเดียวมันจะไปมีความหมายอะไร “แล้วจะยื่นใบลาออกเมื่อไหร่ บอกเขาหรือยัง อีกไม่ถึงสองเดือนแล้วนี่” “ยังไม่ได้บอกว่าจะบอกวันที่ยื่นเลย ตอนนี้กำลังเคลียร์งานให้คุณชา เผื่อตอนออกไปจะได้ไม่ทำงานกันลำบาก” “เฮ้อ! มิตาเนี่ยน่า เอาเถอะยังไงเราก็อยู่ข้างมิตาเสมอ อย่าไปฟังพวกปากหอยปากปูมาก มีปากก็พูดไปเรื่อยนั่นแหละ” “อืม เข้าใจแล้ว” ด้านล่างเริ่มมีเสียงพนักงานพูดคุยกัน แป๋วแหววยกมือขึ้นดูนาฬิกา “งั้นเราไปแล้วนะ ได้เวลาทำงานล่ะ have a good day (ขอให้เป็นวันที่ดี) นะจ๊ะ อย่าคิดมากเติมหน้าสักหน่อยตาบวมหมดแล้ว” “อื้อ” ระหว่างที่รมิตากำลังทำงานอยู่ประธานหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อติดเย็นชาก็เดินขึ้นเข้ามาด้วยสีหน้าบึ้งตึงวันนี้เขาสวมเสื้อเชิดสีฟ้าทับด้วยสูทสีน้ำเงินที่รมิตาเตรียมไว้ให้เมื่อเช้า ด้านหลังมีชยพลเลขาคนสนิทเดินตามมาติดๆ ท่านประธานปรายตามองรมิตาครู่หนึ่งแล้วเดินเลยเข้าไปในห้องตัวเอง รมิตารู้ว่าเขาไม่พอใจที่เธอขัดคำสั่ง เมื่อคืนกว่าจะปล่อยให้เธอนอนก็ดึกมากแล้วพอตื่นขึ้นมาก็ไม่พบร่างนิ่มที่เคยกอด ทั้งที่เขาบอกให้เธอหยุดพักเธอกลับมาทำงานเหมือนปกติแล้วมาอ้างว่าเหนื่อยในยามที่เขาอยากกอด เสียงประตูห้องทำงานของคนอารมณ์ไม่ดีปิดดัง ปัง! ทำรมิตาสะดุ้งตกใจเหลือบมองชยพลที่ทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “วันนี้ผมจะเข้าประชุมแทนคุณมิตานะครับ เป็นคำสั่งของนายท่าน” “ค่ะ เอกสารค่ะ” รมิตายื่นเอกสารสำคัญที่ต้องใช้ในการประชุมทั้งหมดให้ชยพล “ขอโทษนะครับคุณมิตา” เพราะรมิตาเตรียมเอกสารทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว “ไม่เป็นไรค่ะไม่ต้องคิดมากนะคะ ยังไงหน้าที่ของมิตาก็คือช่วยงานคุณชาอยู่แล้ว” “ชา! มั่วทำอะไรอยู่” เสียงตวาดดังออกมาจากห้องท่านประธาน ชยพลรีบรับเอกสารจากรมิตาแล้วรีบเดินเข้าไปหาคนใจร้อนทันที ภายในห้องประชุมเหมือนกำลังโดนขีปนาวุธลูกใหญ่ระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงตวาดดังลั่นห้องขึ้นเป็นระยะ ไม่รู้วันนี้ท่านประธานของธารารินไปกินอะไรผิดสำแดงมาแต่เช้า ถึงได้ไล่ด่าตั้งแต่ระดับสูงลงไปถึงระดับล่าง ไม่ว่าใครเดินผ่านห้องประชุมใหญ่ก็รีบถอยกรูดหนีออกห่างกันทั้งนั้น ช่วงพักเที่ยงวันนี้พนักงานต่างพูดกันถึงเรื่องการประชุมที่เหมือนสงครามขนาดย่อมช่วงเช้า เดากันไปต่างๆ นานาว่าทำไมท่านประธานถึงอารมณ์ไม่ดีทั้งที่ปกติเขาเป็นคนใจเย็นสุขุม ‘ท่านประธานไปกินรังแตนที่ไหนมา’ ‘มีใครทำให้ไม่พอใจหรือเปล่า’ ใครที่ว่าคงหนีไม่พ้นรมิตา เรื่องอะไรก็ตามที่เสียหายคนแรกที่นึกถึงคือเลขาลับๆ ของท่านประธาน ‘คนนั้นนะไม่ใช่ตกกระป๋องไปแล้วเหรอ ท่านประธานเปิดตัวคุณพิมพ์ขนาดนั้น คงเบื่อแม่นั้นแล้วล่ะ’ ‘โดนเขี่ยทิ้งแล้วนะซิ นี่คงวอแวจนท่านประธานรำคาญจนมาลงกับพวกเราแน่ๆ’ เสียงพูดคุยกันอย่างออกรสทำให้คนที่กำลังนั่งทานอาหารกลางวันอยู่โต๊ะด้านหลังที่มีกระถางพุ่มไม้ใหญ่บดบังอยู่วางช้อนที่กำลังตักข้าวลงทั้งที่พึ่งกินไปได้ไม่กี่คำ ปกติรมิตาจะมาทานอาหารกลางวันกับแป๋วแหววแต่วันนี่เพื่อนสาวมีธุระออกไปข้างนอกรมิตาจึงมาพักกลางวันที่โรงอาหารของบริษัทคนเดียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD