คุณหมอพยักหน้า ยิ้มให้ทั้งสอง แล้วหันไปทำงานต่อ รอยยิ้มของเขาทำให้บรรยากาศเบาลงทันที
ทันทีที่ออกจากห้องตรวจ ภีมร์อุ้มร่างบางของพลับเพาขึ้นในอ้อมแขนทันที
“ปล่อยเราเดินเองได้…” พลับเพาพูดเสียงเบา แต่อ่อนแรง
ภีมร์ส่ายหน้าแน่น
“ไม่ปล่อย… เราเชื่อว่าแกเจ็บอยู่ ไม่ควรเดินเอง”
พลับเพาสะดุ้ง แต่พยายามผลักเบาๆ
“ปล่อย… เราบอกให้ปล่อยไง!”
ภีมร์ขำแผ่วๆ พลางจับตัวเธอแน่นขึ้น
“ไม่ปล่อยเด็ดขาด… เดี๋ยวร่างกายแกจะรับไม่ไหว เราไม่ยอมให้แกเป็นอะไรทั้งนั้น”
ต่อมา
เมื่อรถของภีมร์แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน แม่เล็กรีบก้าวเข้ามาทันที
“ภีมร์… ไปไหนมาลูก!?” เสียงตะโกนพร้อมเสียงเครื่องยนต์ดับลง
ภีมร์หันมามอง พลางตอบเสียงนิ่ง
“ผมพาพลับไปหาหมอครับ… เธอปวดท้อง”
พลับเพานั่งอยู่บน เบาะหน้าข้างคนขับ มือกุมท้อง ใบหน้าซีดเผือด แต่อย่างน้อยเธอยังสามารถเอ่ยเสียงเบา
“ขอบคุณนะ… ภีมร์”
สายตาของแม่เล็กเหลือบไปมองเธอ ด้วยความสงสัยและเหยียด
“เอ๊ะ… ตอนทานข้าวยังดูดีๆ อยู่เลยนะ สำอ่อยอ้อนพี่รึเปล่าเนี่ย?”
พลับเพาเพียงก้มหน้า ไม่สนใจคำพูดนั้น เพราะเธอปวดท้องจนไม่สามารถเถียงใครได้ แล้วเธอก็เดินขึ้นบันไดไปยังห้องทันที ภีมร์ตามขึ้นช้าๆ ข้างหลังใช้สายตาห่วงใยเต็มที่ แต่ยังคงเรียบร้อยต่อหน้าแม่เล็ก พลับเพาเดินขึ้นห้องไปก่อน มือกุมท้องน้อยใบหน้าแดงเถือก จากความเจ็บปวด
แม่เล็กมองตาม พลางถอนหายใจ
แปลกจัง… วันนี้พลับเพาไม่ต่อปากต่อคำเลยนะ ทำไมอยู่กับหลานชายฉันแล้วเงียบแบบนี้
ภีมร์หันมามองแม่เล็กด้วยรอยยิ้มบางๆ ใบหน้าเรียบร้อย
“วันจันทร์ ผมต้องเข้าไปสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัย ช่วยเตรียมเอกสารให้หน่อยนะครับ”
แม่เล็กพยักหน้า รีบตอบทันทีด้วยรอยยิ้ม
“ได้เลยค่ะ คุณหลาน”
ภีมร์เอ่ยต่อ เสียงสุภาพแต่ใจลึกๆ ยังห่วงพลับเพา
“เดี๋ยวผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ… เมื่อกี้ว่าจะอาบแต่ยังไม่ทันได้เข้าห้องเลย”
แม่เล็กยืนนิ่ง มองตามภีมร์ด้วยสายตากังวลปนสงสัย
ทำไมหลานชายฉันถึงดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก… แล้วทำไมพลับเพาถึงเงียบแบบนี้…
แม่เล็กยืนกอดอกอยู่มุมโถงบ้าน ดวงตาคมกริบมองตามแผ่นหลังกว้างของภีมร์ที่เพิ่งเดินหายเข้าห้องไป ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความคิดที่พันกันยุ่งเหยิง
โธ่เอ๊ย… ฉันอุตส่าห์ทุ่มเททั้งชีวิต รอคอยพี่ภัค แต่สุดท้ายเขากลับเลือกผู้หญิงคนนั้น… ภรรณิภา!
ทั้งๆ ที่ฉันอยู่ใกล้ตัวเขามาตลอด แต่เขากลับเมินเฉยแล้วหันไปแต่งงานกับเธอ… ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรสู้ฉันได้เลย!
แม่เล็กกัดริมฝีปากแน่น ใจเจ็บจนแทบขาด แต่แววตากลับฉายความมุ่งมั่น
ก็ได้… ถ้าเธอคิดจะมาแย่งสิ่งที่ควรเป็นของฉันไป… ฉันก็จะเอาคืนทุกทาง!
เธอเหลือบตามองบันไดที่พลับเพาเพิ่งเดินขึ้นไป ความคิดร้ายก่อขึ้นช้าๆ
และเครื่องมือของฉัน… ก็คือภีมร์ หลานชายคนนี้แหละ
ถ้าฉันปั่นให้ภีมร์เข้าไปใกล้ลูกสาวของภรรณิภาได้มากพอ… มันก็จะสร้างรอยร้าวในครอบครัวนั้นเอง พี่ภัคก็จะเห็น… ว่าผู้หญิงของเขาไม่มีความสามารถ แม้แต่จะปกป้องลูกตัวเองได้ ฮ่าๆๆๆ!
ต่อมา
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“พลับ… ลูก?”
เสียงคุณแม่ ภรรณิภา ดังขึ้นหน้าประตู
พลับเพารีบลุกขึ้นช้าๆ เดินไปเปิดประตู สีหน้ายังซีดแต่ไม่ทรมานเหมือนก่อน
“ขา… คุณแม่ สักครู่นะคะ”
เมื่อประตูแง้มออก ภรรณิภารีบก้าวเข้ามา สายตาจับจ้องลูกสาวเต็มไปด้วยความห่วงใย
“เห็นน้ำบอกว่าภีมร์พาลูกไปหาหมอมา… เป็นอะไรมากไหมพลับ?”
พลับเพาส่ายหน้าเบาๆ พร้อมรอยยิ้มอ่อนจาง
“ไม่แล้วค่ะคุณแม่ ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้ว หมอฉีดยาให้… อาการปวดท้องแทบหายเลยค่ะ”
ภรรณิภาพยักหน้าอย่างโล่งใจ เธอแตะไหล่ลูกสาวเบาๆ
“ดีแล้วลูก… แต่พักผ่อนให้มาก อย่าฝืนเด็ดขาด น้ำเย็นต้องงดนะให้ทานน้ำอุ่นแทน”
“ค่ะคุณแม่… ขอบคุณนะคะ”
พลับเพาตอบอย่างอ่อนโยน แววตาที่เคยเจ็บปวดทั้งวันเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นเล็กน้อย
เย็นวันเดียวกัน
เสียงเครื่องยนต์หรูแล่นเข้ามาในรั้วบ้าน หลังจากนั้นไม่นาน รถยุโรปสีดำเงาวับสองคันก็จอดสนิทหน้าบ้านหลังโต
ภีมร์ที่เพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินลงบันไดมาก็เห็นร่างสูงของเพื่อนสนิทสองคนก้าวลงจากรถด้วยท่าทางคุ้นเคย
พัชระ แทนไทย เพื่อนสนิทสมัยเรียนของเขา โบกมือมาอย่างอารมณ์ดี
“โห… ไอ้ภีมร์! นึกว่าจะหนีไปอยู่เมืองนอกจนลืมบ้านเกิดซะแล้วนะ”
ภีมร์ยกยิ้มบางๆ พลางเดินออกมาต้อนรับ
“ใครมันจะลืมบ้านได้วะ… พวกแกนี่ก็เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนเลย”
แทนไทยหัวเราะ พลางตบไหล่เพื่อนแรงๆ
“แล้วทำไมไม่โทรบอกวะว่ากลับมา? ต้องให้พวกฉันรู้ข่าวเอง… นี่ถ้าไม่ใช่บ้านใหญ่ฉันคงคิดว่าเข้าผิดที่”
เสียงหัวเราะดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่น แต่แม่เล็กที่เพิ่งเดินผ่านมาพอดี กลับชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะปรายตามองกลุ่มหนุ่มๆ อย่างพิจารณา
"ไม่ทันไรเพื่อนก็มาหาที่บ้านซะแล้วตาภีมร์เอ่ย"
แทนไทยยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะหันมายิ้มเจ้าเล่ห์
“เฮ้ย มึง… มหาลัยเพิ่งเปิดเทอมได้แค่สองอาทิตย์ กูได้ยินข่าวลือเต็มไปหมดเลยนะ”
ภีมร์ยกคิ้วเล็กน้อย
“ข่าวอะไร?”
แทนไทยโน้มตัวเข้ามากระซิบเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“เขาว่าพ่อมึงแต่งงานกับ… ผู้อำนวยการมหาลัยจริงเหรอวะ?”
ภีมร์ชะงักนิดหนึ่ง แต่ยังคงสีหน้าเรียบนิ่ง
“อืม…”
แทนไทยหัวเราะเบาๆ แล้วกระซิบต่อ
“กูจะบอกอะไรให้นะ… ลูกสาวผู้อำนวยการน่ะ โคตรสวยเลยว่ะ! เธอออกห้าวๆ หน่อย แต่ดันขัดกับหน้าหวานๆ ของเธอ… ยิ่งทำให้ดูน่าดึงดูดชะมัด”
สายตาของเขาเปล่งประกายวับวาว ก่อนจะพูดตรงๆ อย่างไม่ลังเล
“กูเลยอยากฝากเนื้อฝากตัวกับมึงหน่อย ภีมร์… กูชอบเธอว่ะ พลับ น่ารักเกินไปแล้ว”
คำพูดนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจ ภีมร์นั่งนิ่งไปชั่วอึดใจ ความหวงและความขุ่นที่ตีตื้นขึ้นมาถึงอกถูกกดเอาไว้เต็มแรง
เขาสูดลมหายใจลึก ก่อนจะยกยิ้มบางๆ แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร
“หึ… จริงเหรอวะ?”
แต่ในใจกลับเดือดพล่าน
~พลับ… น่ารักก็จริง แต่เธอเป็นของกู ใครก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง~
“แล้วมึงจะกลับอเมริกาวันไหนวะ?”
พัชระ เอ่ยถามขึ้น สีหน้าสบายๆ แต่แฝงความสงสัย
ภีมร์เอนหลังพิงพนักโซฟา ตอบเรียบง่าย
“ไม่กลับแล้วโว้ย… กูย้ายมาเรียนปีหนึ่งที่นี่เลย”
“จริงเหรอวะ!?”
แทนไทยอุทานเสียงดัง ก่อนหันไปสบตากับพัชระ “ดีๆ แบบนี้พวกเราก็ได้อยู่ด้วยกันครบแก๊ง”
ภีมร์เอียงตัวไปมองเพื่อนสองคน แล้วถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“พวกมึงเรียนคณะอะไรวะ?”
แทนไทยหัวเราะก่อนตอบ
“โยธาไง ภีมร์ ปีหนึ่งเหมือนกันเลย”
พัชระพยักหน้าเสริม
“ใช่… ปีหนึ่งทั้งคู่เลย โชคดีนะเนี่ย”
ภีมร์ชะงัก หัวใจเต้นแรงทันที
“โยธา… เหรอ?”
เขามองเพื่อนทั้งสองนิ่ง ก่อนสายตาจะพาลคิดไปถึง พลับเพา ทันที
ภีมร์วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ ก่อนมองเพื่อนทั้งสองอย่างตั้งใจ
“กู… จะเรียนคณะเดียวกับพลับ จะได้กลับบ้านพร้อมกัน”
แทนไทยหัวเราะเบาๆ ก่อนพูดเสียงตรง
“กูเจอพลับเพา ที่คณะนั่นแหละ… ถึงตกหลุมรักเธอทันทีเลยว่ะ”
พัชระยิ้มชอบใจ
“ไอ้แทน มึงก็คลั่งรักออกหน้าออกตา เดี๋ยวไอ้ภีมร์มันหวงน้องมันขึ้นมา แก่จะจีบยากนะโว๊ย”
แทนไทยตบไหล่ภีมร์แรงๆ แล้วหัวเราะเจ้าเล่ห์
“มึงงงละสิ ภีมร์… เธออยู่ห้องเดียวกับพวกกูโว้ย”
ภีมร์นิ่งไปชั่วอึดใจ ฝืนยิ้มบางๆ แต่ข้างในหัวใจเดือดพล่าน
“ตามสบายเลย… ยัยลูกเลี้ยง แต่พวกมึงต้องพยายามหน่อยนะ ดูท่าจะจีบยากหยิ่งพยองขนาดนั้น”
สายตาของเขาเริ่มเข้มขึ้น ราวกับจะปกป้อง พลับเพา โดยไม่พูดออกมา
พัชระหัวเราะเบาๆ ก่อนแซวต่อ
“ภีมร์ มึงเรียกเธอว่าลูกเลี้ยง แต่ตัวมึงเองก็เป็นลูกเลี้ยงผอ. เหมือนกันแหละ โด่!”
ภีมร์เม้มปากแน่น หัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่
~ ผู้หญิงบ้าอะไรเรียนโยธา หน้าตาสวยขนาดนั้น?
เขาสบถออกมาเบาๆ ในใจ แต่ก็ปนความหวง
สายตาขาเริ่มเข้มขึ้น ขณะที่ความคิดรุมเร้าในหัว
~เธอต้องเรียนบริหารสิ… สมัคเป็นดาวมหาลัยอะไรแบบนั้นถึงจะถูก! ยัยบ้าเอ้ย!