ทฤษฎีบังคับรักที่ 7 : เพื่อนกันเหมือนเดิม

1370 Words
“ไม่ได้ ไม่ได้ทะ ทั้งหมด...หยุดนะ” ใบหน้าหวานหันหลบแล้วใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นปิดปากของอีกฝ่ายเอาไว้ แต่ดูท่าแล้วมาร์ตินจะไม่ยอมง่าย ๆ เขายังคงโน้มตัวข้ามฝั่งมาทำให้ฉันต้องเอนตัวหนี ใบหน้าหล่อโน้มเข้าหาจากระยะความใกล้ของเราทำให้ฉันเห็นสีดวงตาน้ำตาลสวยของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน กลิ่นน้ำหอมจากตัวของมาร์ตินชวนหลงใหลพาให้เต้นแรงถี่ผิดจังหวะ เมื่อกี้ปากของเราสัมผัสกันอีกแล้ว ปากของมาร์ตินนุ่มจัง... กรี๊ด! อย่าไปคิด อย่าไปคิด เดี๋ยวนอนไม่หลับอีก เดี๋ยวเก็บไปฝันอีก! “....” นัยน์ตาคู่สวยจ้องลึกเข้ามาในตาของฉันพาให้หยุดนิ่งราวกับกำลังถูกมนต์สะกดเอาไว้ “เราไม่ใช่เต๋าเต้ย ก็แค่หน้าเหมือนเต๋าผมยาวเฉย ๆ แต่เราไม่ใช่เต๋าเต้ย...” ไปโดนตัวไหนมาเนี่ย ตาลายมองผิดไปแล้วหรือไงว่าฉันเป็นใคร ชื่ออะไร! นี่ปลาเก๋านะ! “....” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มาร์ตินไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด “มาร์ตินชอบเต๋าเต้ยใช่มั้ยเดี๋ยวจะช่วย” มันฟังดูเป็นความคิดไร้สาระแต่ว่า...จะให้บอกว่าเขาชอบตัวเองมันก็ไม่น่าจะใช่สิ! “เฮ้อ...” และสิ่งที่พูดออกไปนั้นทำให้มาร์ตินยอมผละตัวออก พาตัวเองกลับไปนั่งลงที่เดิมพร้อมถอนหายใจเบา ๆ เมื่อได้โอกาสหนีฉันก็หันมาฝั่งประตูแล้วดึงมันเปิดออก กึก! แต่ก็พบเรื่องน่าเศร้าอีกครั้งว่าประตูมันล็อก! “สรุปว่ายังไงนะ...” เมื่อหมดทางนี้ก็ต้องหันกลับไปทางเดิมอย่างจำใจ “ปลาเก๋า” มาร์ตินเรียกชื่อฉันด้วยเสียงเหมือนคนกำลังเหนื่อยใจ หันมาสบตาทำเอาฉันไม่รู้จะหันมองไปทางไหนเลย “อะไร” “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะเล่าให้เพื่อนฟังมั้ย” ช่างเป็นคำถามที่คาดเดาความต้องการในคำตอบไม่ได้เลยจริง ๆ “เป็นสิ่งที่พูดไม่ได้” ฉันจะต้องพูดยังไง พูดว่าจูบกับมาร์ตินในรถมาเหรอ...จะบ้า! “ทำไม” “มันไม่ควรมีใครรู้” ดวงตากลมโตกะพริบปริบ ๆ พยายามจริงจังแล้วแต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นอย่างนั้นเลย “แล้วยังไงต่อ” “ทิศเหนือชอบมาร์ตินมากแค่ไหนก็รู้” ไม่ใช่แค่ตัวเขาจะรู้หรอก รู้กันทั้งมหา’ ลัยนั่นแหละ “....” อีกฝ่ายจ้องหน้าฉันโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก ทำเหมือนกำลังรอฟังที่ฉันพูดต่อ “เราเป็นเพื่อนกันนะ อย่าทำแบบนี้สิ...นอนไม่หลับมาเป็นเดือนแล้วนะ เราต้องเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม” ส่วนคืนนี้ฉันก็นอนไม่หลับอีกเช่นเคย แล้วที่บอกว่าเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ทำไมมันช่างเป็นคำพูดของเด็กอนุบาลขนาดนี้เนี่ย! “เพื่อน...อือ” เสียงทุ้มเอ่ยพูดแผ่วเบา ในรถที่มีแค่เราฉันได้ยินคำนั้นอย่างชัดเจน “ช่วยเปิดประตูให้ได้มั้ยเราจะไปเรียน” ต้องรีบพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ก่อน “วันนี้เลิกกี่โมง” “บ่ายสองครึ่ง” “เลิกพร้อมกันเดี๋ยวไปส่งที่บ้าน” “มะ ไม่เป็นอะไรเดี๋ยวเรากลับเอง” ฉันรีบปฏิเสธทันทีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นกำลังทำให้ตัวเองหวั่นใจขึ้นมาแปลก ๆ ฉันไม่ได้กลัวมาร์ติน แต่กลัวตัวเอง... “พูดเองว่าต้องเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แล้วทำไมไม่ให้ไปส่ง” “....” ตัวเองพูดคำนั้นออกไปเองแท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับไม่ยอมทำอย่างเช่นเมื่อก่อน “เราก็เป็นเพื่อนกันอยู่ แต่ก็แค่จูบกันเองแต่ก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม” แล้วทำไมมาร์ตินต้องย้ำคำว่าจูบขนาดนั้นด้วย วันนี้เขาพูดเยอะกว่าปกติจัง “ย้ำเก่งจัง” “บอกตัวเองก่อนเลย” เดี๋ยวนี้เถียงกลับเหรอ! “เราจะไปเรียนแล้ว เปิดประตูรถ” “เลิกแล้วโทรมา เพื่อนกันก็มีเบอร์กันอยู่แล้ว” กลับกันตอนนี้เป็นมาร์ตินที่เอาแต่พูดคำว่า ‘เพื่อน’ ใส่ฉันไม่หยุด “ทำไมมาร์ตินพูดเยอะจัง” ปกติเป็นคนไม่พูดเท่าไร เน้นพยักหน้าเป็นการตอบซะมากกว่าหรือจริง ๆ เขาก็พูดเก่งไม่ต่างจากแอสตัน แล้วอาจจะกวนเหมือนกันด้วยก็เป็นฝาแฝดกันนิ “...พูดกับเพื่อนไง” เขาหันมาจ้องหน้าฉันทันทีที่พูดจบ “ใช่เราเป็นเพื่อนกัน” “เพื่อนกันจูบกัน” พูดอะไรออกมาแต่ละอย่าง! ฉันเห็นร่างแอสตันในตัวเขา “มาร์ตินเริ่มเราไม่ได้เริ่มสักหน่อย!” “เลิกเรียนแล้วโทรมาหาก่อน เดี๋ยวจะไปส่งที่บ้านวันนี้ไอ้เต๋าไม่มีเรียน ปกติก็ไปส่งอยู่แล้วมันทางผ่านเรา...ทำตัวให้เป็นเพื่อนเหมือนเดิม” เหมือนไม่พอใจแต่ก็ไม่แสดงออกชัด มาร์ตินแค่พูดย้ำ ๆ ใส่ฉันก็เท่านั้น ใช่! เราเป็นเพื่อนกัน ฉันบอกเขาเองว่าทำตัวเป็นเพื่อนเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นจะต้องทำตัวเหมือนเดิม เรื่องทุกอย่างมันก็มีแค่เราเท่านั้นที่รู้ “ได้ เดี๋ยวเราโทรมาบอก...เปิดประตู” ปึก! สิ้นเสียงประตูก็ถูกปลดล็อกเป็นจังหวะเดียวกันที่เขาดับเครื่องยนต์ ร่างบางรีบพาตัวเองออกจากรถเดินหนีไปก่อนด้วยความรู้สึกเหมือนคนกำลังจะเป็นบ้า! หรือว่าไปบนขออะไรไว้แล้วลืมแก้หรือเปล่านะ? ฉันมั่นใจว่าตัวเองไม่ขอมั่วซั่วแล้วก็จัดการทุกอย่างเรียบร้อยจนหมดแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรติดค้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เกิดอะไรขึ้นกับเขาก็ไม่รู้! ณ ยิมประจำมหาวิทยาลัย เวลา 14.00 น. “แฮ่ก แฮ่ก อะไรนะ” โป๊ยเซียนขมวดคิ้วใส่จ้องหน้าฉันที่ยืนเกาะลู่วิ่งไม่ยอมไปไหน จนต้องลงจากเครื่องออกกำลังกายมาคุยกันให้รู้แล้วรู้รอด ไม่รู้จะถามใครดีเลยเลือกโป๊ยเซียนแล้วกัน บุคคลที่ไม่ได้ช่ำชองเรื่องความรักแต่มีบุคลิกที่โตที่สุดในพวกเรา “ถามว่าถ้าผู้ชายจูบเราเขารู้สึกยังไง” คำถามนี้ตรงไปตรงมาที่สุดในชีวิตฉันแล้ว ถ้าอ้อมค้อมเดี๋ยวเพื่อนจะไม่เข้าใจแต่ไม่ได้ระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นกับใคร “มีอารมณ์ เ****นมั้ง” โป๊ยเซียนยกมือขึ้นเท้าเอว ตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกมา แต่ฉัน... “อยากจะกรี๊ด พูดอะไรออกมาเนี่ย!” ถึงกับกัดฟันแน่น ยกมือขึ้นจะตีปากเพื่อนตัวเอง “เอ้า! ก็พูดตามหลักมนุษย์เพศผู้ ไม่เชื่อลองไปถามเขียนฝันเลยไปว่าแอสตันจูบมันแล้วมีทำอะไรต่อกันมั้ย” ฉันก็ลืมไปว่าโป๊ยเซียนมันเป็นสายตรงไปตรงมาอีกเช่นกัน ไม่อ้อมโลกให้เสียเวลา “กูจริงจัง” ฉันจ้องหน้าเพื่อนด้วยสีหน้า แววตาจริงจังเป็นการยืนยันสิ่งที่ตัวเองพูด “กูก็จริงจัง ตอบคำถามไม่จริงจังตรงไหน” โป๊ยเซียนเองก็ตอบกลับมาอย่างจริงจังเช่นกัน “โป๊ย ตอบใหม่ เอาดี ๆ ...” กัดฟันแน่นมาก อยากกัดหัวเพื่อนด้วยตอนนี้ “แล้วอยากรู้ไปทำไม โดนใครเขาจูบมาเหรอ” “เปล่า ดูหนังไง...ติดหนังช่วงนี้” คำแก้ตัวเดิมเหมือนตอนที่โกหกป้าเตือนไม่มีผิดเลย “หนังพวกนั้นเลิกดูค่ะมันไม่เร้าใจเนาะ ~ จูบก็อยากทั้งนั้น ไม่เชื่อดูคลิปที่ส่งเข้าไปในกลุ่มสิ” คลิปที่ว่าก็คลิปโป๊จากยัยโป๊ยเซียน เหนื่อยหัวใจเหลือเกิน “ไปหามาจากไหนหนักหนาก็ไม่รู้” ส่งในกลุ่มก็โดนทิศเหนือแหกอกกลับมาทุกที เพราะดันส่งชายหญิงไปน่ะสิ “เยอะแยะในแอปเห็นหล่อดีถูกใจอีทิศเลยส่งเข้าไป มันเริ่มจากจูบก็ด้วยเรื่องอย่างนั้นต่อหมด สรุปเลยนะ...เ****น” ที่มาร์ตินจูบฉันเพราะ...อย่างนั้นเหรอ แต่ผู้ชายก็มีอารมณ์ได้ง่ายเพราะยังไงมาร์ตินก็เป็นผู้ชาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD