การพรีเซนต์งานต่อหน้าคนอื่นทำให้มุกดารู้สึกตื่นเต้นมาก เหงื่อซึมออกตามนิ้วมือจนเปียกชื้นไปหมด ร่างเล็กสูดลมหายใจเข้าลึกๆหอบเอาความหวังของเพื่อนอีกสองคนเป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ ไล่ความอายความเขินทำหน้าที่อย่างมืออาชีพที่สุด
จอโปรเจกต์เตอร์ที่ต่อกับโน้ตบุ๊กส่วนตัวของมุกดาเปิดคลิปวิดีโอขึ้นมาเป็นการนำเสนอบริษัทสตาร์ตอัปเล็กๆของเธอที่รับทำงานเกี่ยวกับการออกแบบแอปพิลเคชันและเว็บไซต์ออนไลน์
เหล่าขณะกรรมที่นั่งหน้าตึงส่งแรงกดดันมาให้ มีเพียงธนัชเท่านั้นที่ส่งยิ้มบางๆเป็นกำลังใจ มุกดาสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งใบหน้าสวยฉีกยิ้มบางๆแล้วเริ่มการพรีเซนต์ทันที
“สวัสดีค่ะ ดิฉันมุกดาจาก MOP Soft…”
ขณะที่มุกดากำลังพรีเซนต์ด้วยความมั่นใจ จู่ๆประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออกด้วยฝีมือของผู้หญิงคนหนึ่ง การปรากฏตัวของเธอทำให้คณะกรรมการที่ตั้งใจฟังการพรีเซนต์ของมุกดาลุกยืนขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน
“ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะนะคะ ท่านผอ.อยากเข้าร่วมการพรีเซนต์ด้วย”
มุกดานิ่งงันหัวใจตกลงไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อผู้ร่วมฟังการพรีเซนต์คนใหม่เดินเข้ามาในห้องประชุม
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่…
เกิดคำถามมากมายดังขึ้นมาในหัว
ผู้ชายร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวสวบทับด้วยเสื้อสูทสีดำกึ่งทางการและกางเกงชิโน่สีดำ ผมรองทรงถูกเซตไปด้านข้างเผยใบหน้าคมหล่อเหลา
เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากไม่เหลือเค้าโครงตำนานของขึ้นชื่อแห่งวิศวะเครื่องกลเลยสักนิด ผ่านไปแค่สองปีเวธัสทำให้มุกดารู้สึกประหลาดใจ
จะว่าก็ว่าตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้ามุกดาไม่ได้สังเกตใบหน้าแฟนเก่าเลย
สิ่งที่เหลือในความทรงจำคือk.ใหญ่ยาวไซซ์64…
นัยต์ตาคมปลาบจ้องมองมาทำให้มุกดาได้สติ เธอรีบหลบสายตาของเขาด้วยหัวใจที่เต้นรัว
ตอนอยู่ในชุดนักศึกษาว่าหล่อแล้ว ตอนนี้มุกดารู้สึกว่าแฟนเก่าของเธอหล่อขึ้นอีกเป็นร้อยเท่า ยิ่งไฝเม็ดเล็กที่อยู่ตรงหางตานั่นอีก มันดูมีเสน่ห์ดึงดูดให้น่ามองราวกับต้องมนต์
“เริ่มใหม่อีกรอบนะครับ”
เวธัสเลื่อนเก้าอี้ที่อยู่หัวโต๊ะประชุมแล้วนั่งลงด้วยท่าทีสงบนิ่ง ไม่นานนักพวกคณะกรรมการก็นั่งตามโดยไม่มีใครคัดค้าน
บรรยากาศกลับเข้ามาสู่การทำงานอีกครั้งแต่ครั้งนี้เหมือนจะมีแรงกดดันมากกว่าครั้งแรก จนบรรยากาศรอบข้างตึงเครียดตามไปด้วย
มุกดามองไปหาธนัชเพื่อขอความเห็น พี่ชายข้างบ้านพยักหน้าเบาๆ มุกดาจึงต้องกัดฟันตั้งสติและเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง
“สวัสดีค่ะ ดิฉันมุกดาจาก MOP Soft…”
ห้องประชุมเงียบกริบมีเพียงเสียงใสของสาวสวยนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังพรีเซนต์ถึงธุรกิจของตัวเอง
“ทางเราได้ลองสร้างแอปพลิเคชันสำหรับการกำจัดไวรัสบนเครื่องมือสื่อสาร เป็นโปรแกรมที่สามารถดักจับไวรัสที่แฝงเข้ามากับโฆษณาหรือเว็บไซต์เถื่อน…”
ระหว่างที่มุกดากำลังพรีเซนต์งานอยู่นั้นจู่ๆเครื่องคอมพิวเตอร์ของเธอก็เกิดขัดข้อง หน้าจอเปลี่ยนเป็นสีฟ้ามีป๊อปอัปเล็กๆเขียนว่ากำลังอัปเดตวินโดว์และเครื่องก็ดับวูบไป ท่ามกลางความมึนงงของคณะกรรมการและตัวมุกดาเอง
เวรแล้วไอ้มุก!
ดันตั้งค่าอัปเดตวินโดวอัตโนมัติ
ซวย!!!
“เอ่อคือ คือขอโทษสำหรับความผิดพลาดทางเทคนิคนะคะ คือว่าถ้าจะขอยืมโน้ตบุ๊กของทางบริษัทจะได้ไหมคะ”
“ได้…”
“ไม่ได้ครับ”
ธนัชที่กำลังออกตัวช่วยต้องเงียบปากลงทันทีเมื่อท่านผอ. เป็นคนปฏิเสธด้วยตนเอง สายตาคมจ้องไปที่หัวหน้าการตลาดทีมหนึ่งก่อนจะหันกลับมามองสาวสวยที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“บริษัทมีกฎห้ามเสียบแฟลชไดร์ฟหรือโหลดข้อมูลจากภายนอก เมื่อกี้คุณพึ่งจะพูดเองว่าแอปพลิเคชันของคุณคือการกำจัดไวรัส ถ้านี่คือแผนการบางอย่างที่คุณต้องการปล่อยไวรัสเข้าเซิร์ฟเวอร์บริษัทของเราเพื่อให้คุณได้แสดงประสิทธิภาพว่าคำสั่งชุดข้อมูลการกำจัดไวรัสที่คุณเขียนมาทำงานได้ผล ขอโทษที่คิดอย่างนี้นะครับผมแค่เล่าถึงความเป็นไปได้”
มุกดากำมือแน่นด้วยความโกรธจัด โปรเจกต์ชุดนี้เธอและเพื่อนๆตั้งใจทำเพื่อมาเสนอให้กับนักลงทุนด้วยความเหนื่อยยาก ทุกอย่างทำมาด้วยความสามารถของตัวเองทั้งนั้น ไม่มีทางทำเรื่องสกปรกตามที่เขากล่าวหาแน่นอน
“ตัวเองจบเครื่องกลมาแท้ๆจะมารู้ดีเรื่องซอฟต์แวร์ได้ยังไง” เพราะความโกรธมุกดาถึงได้พูดโพล่งออกไป ก็จริงอยู่ที่ว่ามันอาจจะมีกรณีแบบนี้ แต่ตัวเขาที่รู้จักเธอดีกว่าใครทำไมถึงพูดแบบนี้ออกมา
“หืม คุณรู้จักผมหรือครับถึงได้รู้ว่าผมจบวิศวะเครื่องกลมา”
จบประโยคสายตาทุกคู่ก็จับจ้องมาที่มุกดา ร่างเล็กกัดริมฝีปากอย่างอดทน จิกเล็บเข้าเนื้อจนรู้สึกเจ็บเกิดอาการร้อนๆที่ขอบตาก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงเบาหวิว
“ไม่ค่ะ ไม่รู้จัก”
“ถ้าหากคุณบริสุทธิ์ใจจริงๆเราจะให้โอกาสคุณได้เตรียมตัวและกลับมาพรีเซนต์อีกครั้ง แต่ครั้งหน้าคุณต้องมาพรีเซนต์กับผมโดยตรง สำหรับโปรเจกต์นี้ผมจะรับผิดชอบเองมีใครคัดค้านไหมครับ”
ห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ ความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าท่านผอ.เวธัสจะรับผิดชอบโปรเจกต์นี้เพียงผู้เดียว
การพรีเซนต์จบเพียงเท่านั้นเมื่อท่านผอ.ก้าวออกจากห้อง คณะกรรมการก็ลุกตามออกไปทั้งหมดเหลืองเพียงธนัชที่รีบเดินเข้ามาหามุกดาที่ยืนก้มหน้าเงียบๆ
“ไม่เป็นไรนะมุก” ธนัชถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง การพรีเซนต์ครั้งแรกก็ถูกสับเละจนไม่มีชิ้นดี คนที่มีมั่นใจสูงมาตลอดคงรู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย
“ไอ้คนนิสัยเสีย ไอ้บ้านั้นจบเครื่องกลมาแท้ๆ ไอ้หมาบ้า” อยากจะกระชากหน้านิ่งๆขี้เก๊กนั้นสักทีสองที หน๊อยไอ้แฟนเก่าคนเปรตเจอหน้าอีกทีจะต่อยให้หายแค้น
ธนัชหลุดขำเขานึกว่ามุกดาจะเสียใจจนร้องไห้ที่ไหนได้น้องสาวข้างบ้านกำลังทำท่าโมโหพร้อมล้างแค้นทุกครั้งเมื่อมีโอกาส
“ว่าแต่มุกรู้จักคุณเวธัสด้วยเหรอ”
“เขาเป็นรุ่นพี่ที่คณะนะ แต่จบไปก่อน” มุกดาไม่มีวันบอกหรอกว่าไอ้บ้าคนนั้นคือแฟนเก่าคนเปรตที่เคยหักอกเธอเมื่อสองปีก่อน
“อ๋อ แต่มุกคงไม่รู้ใช่ไหมนอกจากคุณเวธัสจะจบวิศวะเครื่องกลแล้วเขายังจบ ป.โท ที่อังกฤษ สาขาวิศวกรรมซอฟต์แวร์ด้วยนะ”
มิน่าถึงได้เถียงเธอฉอดๆ ไอ้พี่เวย์บ้าทำเธออกหักแล้วตัวเองหนีไปเรียนต่อเมืองนอก มิน่าช่วงแรกๆที่เลิกกันไปถึงไม่มีข่าวคราวของเขาเลย
คิดแล้วก็แค้น น่าเจ็บใจนัก
“ยังไงก็มีโอกาสนะมุก พี่ว่าวันนี้ถ้าไม่ติดว่าคอมมีปัญหาการพรีเซนต์งานของมุกถือว่าดีเลยทีเดียว”
“จริงเหรอพี่นัท มุกตื่นเต้นแทบแย่แน่ะ”
“มุกทำดีแล้วลองกลับไปเช็กอีกรอบพี่ว่ามีโอกาสมากเลยล่ะ”
“ขอบคุณนะพี่นัท” มุกดาซาบซึ้งใจ พี่ชายข้างบ้านใจดีเสมอไม่เหมือนใครบางคน!
ก่อนกลับมุกดาแวะซื้อชานมหวานน้อยแก้วหนึ่งที่คาเฟ่ไม่ไกลจากบริษัทนัก พอได้ดูดชานมของโปรดก็รู้สึกได้ว่าพลังชีวิตที่หายไปค่อยๆเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
ร่างสวยเดินเตร็ดเตร่อยู่บนฟุตบาทดื่มด่ำกับชาสีส้มรสชาติเข้มข้น พอร่างกายได้รับน้ำตาลก็อารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย
บี๊บๆ
รถเก๋งคันหรูยี่ห้อสี่ห่วงขับมากระชั้นชิดบีบแตรเป็นสัญญาณแล้วลดกระจกลง พอมุกดาเห็นหน้าคนขับก็รีบสาวเท้าเดินให้ไวขึ้น
“ขึ้นมาค่ะ พี่จะไปส่ง”
มุกดาเมินคำเชิญของเขา ร่างสวยรีบก้าวขายาวๆแต่เหมือนวันนี้จะไม่ใช่วันของเธอเมื่อรองเท้าส้นสูงสะดุดกับขอบฟุตบาททำให้มุกดาเสียหลักล้มลงกับพื้น แก้วชานมที่ถือในมือหกกระจาย
เวธัสรีบเปิดประตูลงมาจากรถ อุ้มร่างเด็กดื้อขึ้นมาแนบอก มุกดาดิ้นขลุกขลิกจ้องมองเขาด้วยความไม่พอใจ
“ปล่อยนะ!”
“ดื้อจนเจ็บตัวแล้วยังไม่เข็ดถ้ายังดิ้นอีกพี่จะทิ้งลงตรงนี้แหละ”
ได้ผลเมื่อหญิงสาวหยุดดิ้นแล้วอยู่นิ่งๆ เวธัสอุ้มเธอขึ้นรถจัดการรัดเข็มขัดให้เสร็จสรรพ พอจัดการคนตัวเล็กเสร็จเขาก็วิ่งอ้อมมานั่งฝั่งคนขับ
“เจ็บตรงไหน มีแผลหรือเปล่า”
อีกฝ่ายยังคงเงียบ
“ถ้าไม่ตอบพี่จะแก้ผ้ามุกออกแล้วเข้าไปสำรวจเองนะ”
มุกดาหันขวับ ดวงตากลมจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ไม่เจ็บไม่มีแผลค่ะคุณผอ. แวะส่งดิฉันตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าจะขอบพระคุณมาก”
ถ้อยคำประชดประชันไม่ได้ทำเวธัสรู้สึกโกรธเลยสักนิด ไม่เจอกันตั้งสองปีมุกดายังชอบพูดกระแทกกระทั้นเวลาที่ไม่พอใจเหมือนเดิม
“โกรธเหรอคะ”
มุกดาเม้มริมฝีปากจะไม่ให้โกรธได้ยังไงก็เขาหักหน้าเธอกลางห้องประชุมขนาดนั้น ทำการพรีเซนต์งานครั้งแรกพังไม่เป็นท่า
“เอามือมาให้พี่ดูค่ะ”
แน่นอนว่ามุกดาไม่ทำตามที่เขาสั่งอยู่แล้ว ร่างสูงจึงดึงมือทั้งสองข้างของเด็กดื้อเข้ามาใกล้ตัว
“แบมือค่ะ อย่าให้พี่พูดซ้ำ”
เขาใช้น้ำเสียงดุเมื่อมุกดาทำตัวดื้อเงียบ
คนตัวเล็กหรี่ตามอง ถึงจะขัดใจแต่มือของมุกดาก็ค่อยๆคลายออก
“พี่เคยบอกแล้วนะคะว่าเวลาโกรธห้ามจิกเล็บลงเนื้อตัวเองแบบนี้ ต่อไปไม่ต้องไว้เล็บยาวแล้ว”
นิสัยที่เวธัสไม่ชอบมากๆของมุกดาคือเวลาที่โกรธหรือรู้สึกกดดันมากๆจะชอบกำมือจิกเล็บจนเป็นแผล ถึงจะไม่ใช่บาดแผลใหญ่แต่ก็เป็นแผลที่มีเลือดชิบ
“เป็นใครถึงได้มาสั่ง ไม่ให้ทำนู่นทำนี่”
มุกดาดึงมือทั้งสองข้างกลับมากอดไว้ที่หน้าอก
“เป็นคนที่ได้เสียกันเมื่อคืนไงคะ”
“ไอ้พี่เวย์!”
“ว่าไงคะ”
มุกดาอยากใช้เล็บมือข่วนคนหน้าหล่อที่ยกคิ้วให้อย่างกวนๆ
“เรื่องเมื่อคืนก็ทำเหมือนที่พี่ถนัดค่ะ มุกแค่เมาแล้วหาเพื่อนนอน ส่วนพี่ก็ฟันดะเป็นปกติอยู่แล้วถือว่าวินวินกันทั้งสองฝ่าย”
เมื่อก่อนแฟนเก่าเธอขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิงจะตาย ตำนานเครื่องเจ็ดยับของวิศวะเครื่องกลไม่ได้มาเพราะหน้าหล่อกับโจยใหญ่ยาวอย่างเดียวหรอกนะ
ก่อนคบกับเธอเขาก็ฟันสาวไปเกือบครึ่งมหาลัย พอได้มาคบกันยังไม่วายมีผู้หญิงตามมาอ่อยไม่จบไม่สิ้น
ไม่อยากจะรื้อฟื้นแต่สาเหตุหลักๆที่เลิกกันก็เพราะเรื่องผู้หญิงนี่แหละ
“ทำบ่อยหรือเปล่ามุก”
“อะไรคะ”
“ที่หาเพื่อนนอน”
“ก็ตั้งเลิกกับพี่”
“หึ”
มุกดาหันไปมองหน้าแฟนที่ทำท่ากลั้นขำราวกับว่าเรื่องที่เธอพูดมันเป็นเรื่องตลก
“พี่หัวเราะอะไร”
“เปล่าค่ะ”
“เปล่าอะไรเมื่อกี้พี่ทำท่าหัวเราะ หรือพี่คิดว่ามุกโกหก เหอะ! มุกสวยขนาดนี้ก็ต้องมีคนอยากได้อยู่แล้ว ตัวเองฮอตเป็นคนเดียวหรือไง”
สีหน้าของเวธัสไม่มีอารมณ์โกรธหรือโมโหเลยสักนิด กลับกันเขากลับยิ้มบางๆและเอ่ยประโยคที่เบาหวิวแต่ได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู
“แต่สำหรับพี่ตั้งแต่นอนกับมุกพี่ก็ไม่เคยนอนกับใครอีกเลยนะ”
มุกดาขบเม้มริมฝีปาก จู่ๆหัวใจมันก็เต้นแรง พวงแก้มแดงและร้อนผ่าวขึ้นอย่างไร้สาเหตุ
“ระ…เรื่องของพี่ซิ จอดข้างหน้าเลยค่ะมุกจะลง”
“ไม่เอาค่ะ ไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่ก่อน ไม่อย่างงั้นพี่ไม่จบเรื่องที่เมื่อคืนมุกฟันพี่แล้วชิ่งนะ”
มุกดาหมดคำจะพูดได้แต่หันหน้าหนีออกไปมองนอกกระจกรถ ซ่อนใบหน้าแดงๆไม่ให้เขาได้เห็น