มุกดานั่งมองคนที่สั่งอาหารอย่างอารมณ์ดีด้วยใบหน้าบึ้งตึง เวธัสใช้เวลาขับรถเกือบยี่สิบนาทีเพื่อพาเธอมาทานข้าวที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่แสนคุ้นเคย เขาใช้บริหารห้องไพรเวทที่เป็นส่วนตัวมีเขาและเธอนั่งกันอยู่สองคนบนฟูกเล็กๆสไตล์ญี่ปุ่น
ไม่รู้เขาขาดความอบอุ่นมาจากไหนถึงได้มานั่งเบียดอยู่ข้างๆแทนที่จะไปนั่งตรงข้ามเหมือนที่คนปกติเขาทำกัน
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นคะ” คนตัวโตเอ่ยถาม เมื่อกดสั่งอาหารจากแท็บเล็ต ของทางร้านเรียบร้อยแล้ว
“มุกต้องถามพี่มากกว่า ว่าทำไมต้องพามาไกลถึงที่นี่ และทำไมต้องเป็นร้านนี้ด้วย”
“ก็เราเดตกันครั้งแรกที่ร้านนี้”
ไม่คิดว่าเขาจะยังจำได้
หลังจากตกลงเป็นแฟนกันเดตแรกของพวกเขาคือการมานั่งทานอาหารญี่ปุ่น นับตั้งแต่ตอนนั้นร้านนี้ก็เป็นร้านประจำร้านโปรดสำหรับมุกดาและเวธัส จนกระทั่งเลิกรากันไปเธอก็ไม่คิดจะมาเหยียบที่นี่อีก
ไม่ใช่ว่าจงเกลียดจงชังหรอกนะ แต่ใครมันจะอยากมาสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำกับแฟนเก่าตอกย้ำแผลใจกันล่ะ
“ไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น พี่จำได้ว่ามุกชอบอาหารร้านนี้ เลยพามา”
“เมื่อก่อนเคยชอบค่ะ แต่ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว”
“เหรอคะ แต่พี่ยังชอบเหมือนเดิมนะต่อให้ผ่านไปนานแค่ไหนพี่ก็ชอบ”
น้ำเสียงของเขาไม่มีวี่แววว่าพูดเล่น ดวงตาคมของเขาดูจริงจังกว่าครั้งไหนๆ เป็นมุกดาที่ต้องหลบสายตาคมที่จ้องมองมา
“เลิกพูดล้อเล่นเถอะค่ะ”
“พี่จริงจังนะ”
“พี่เวย์!”
“มุกจะโมโหทำไม พี่พูดถึงเรื่องอาหารคิดไปไกลถึงไหนคะ ยัยเด็กขี้เ****น”
“ไอ้พี่เวย์” มุกดาตาลีตาเหลือก รีบเอามือปิดปากแฟนเก่าปากมอมแล้วหันแลซ้ายมองขวากลัวจะมีใครมาได้ยิน
“ตื่นเต้นทำไมคะ เราอยู่กันสองคน” ดึงมือเล็กที่ปิดปากเขาไว้แน่นแล้วบอกกับเด็กที่ทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม
เหมือนมุกดาจะคิดได้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องไพรเวท
“ไอ้พี่เวย์ ไอ้บ้า! เลิกพูดแบบนั้นเลยนะไม่งั้นมุกจะกลับจริงๆด้วย”
“หึหึ”
มุกดามองค้อนคนไม่สำนึกผิดซ้ำยังตลกขบขันที่ได้แกล้งเธอ
เหอะ!
ทีใครทีมัน อย่าให้ถึงคราวของเธอบ้างก็แล้วกัน
สนามรบขนาดย่อมจบลงที่พนักงานทยอยนำอาหารเข้ามาเสิร์ฟ แต่ละเมนูล้วนเป็นเมนูที่มุกดาชอบทั้งนั้น คนตัวเล็กกินไม่พูดไม่จา พาลเอาความโกรธไปลงกับการยัดแซลมอนลงท้องไปหลายชิ้น
คนที่บอกว่าไม่ชอบอาหารร้านนี้แล้วสั่งแซลมอนเพิ่มอีกสองเซต
ส่วนคนที่บอกชอบแทบไม่แตะอาหารเลยแต่กลับรู้สึกอิ่มมากๆซะอย่างนั้น
ดวงตาคมมองใบหน้างามเกลี้ยงเกลาที่กำลังนอนหลับสนิทบนเบาะโดยสาร ท่วงท่าการนอนที่เผยอปากน้อยๆแล้วส่งเสียงแจ๊บๆยังคงน่ารักเสมอในสายตาเวธัส
หลังจากทานข้าวเสร็จเขาก็อาสามาส่ง มุกดาไม่ปฏิเสธเธอพิมพ์โลเคชั่นใส่หน้าจอนำทาง บอกให้ไปส่งตามที่อยู่นี้จากนั้นไม่ถึงสองนาทีก็นอนหลับปุ๋ยคอพับไปพิงกับกระจกรถ
พอกินอิ่มจนพุงกางก็นอนหลับเหมือนเด็กกำลังโต จนกระทั่งเวธัสขับรถมาจอดหน้าบริษัทMOP soft ที่เป็นจุดหมายปลายทางมุกดาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
ยัยเด็กขี้เซา…
เวธัสพินิจพิจารณาใบหน้าของคนที่ยังนอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว ใบหน้าขาวเนียนรูปไข่ กับคิ้วเรียวสวย ขนตายาวเป็นแพเรียงตัวสวย ถ้าลืมตาขึ้นมาจะเห็นดวงตากลมโตเหมือนกระต่าย จมูกโด่งเชิดกับริมฝีปากสีชมพูส้มสดสวย
ใบหน้าที่แทบจะไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดเมื่อเทียบกับเมื่อสองปีก่อน
ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปจนเขาสังเกตได้คงจะเป็นนิสัยบางอย่าง เช่นความอดทน การคิดไตร่ตรองก่อนพูดและมีสติมากขึ้น
เวธัสนึกถึงครั้งสุดท้ายที่เจอกันคือใบหน้างามของมุกดาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและคราบน้ำตา เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นมาพร้อมกับคำบอกลาที่เหมือนมีดกรีดลงตรงกลางใจเขาจนเป็นแผลเหวอะหวะ
‘เราเลิกกันเถอะ’
เสียงสั่นปนสะอื้นแต่หนักแน่นทุกประโยค คือถ้อยคำสุดท้ายที่ได้ฟังก่อนจะจากไปนานสองปี
คิดถึง…
ประโยคเดียวที่พรั่งพรูอัดแน่อยู่ในใจจนแทบจะระเบิดออกมา
ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยใบหน้าสวยที่แสนโหยหาเบาๆ นิ้วโป้งลูบแก้มขาวเนียนของเด็กขี้เซาอย่างทะนุถนอม มุมปากของชายหนุ่มค่อยๆคลี่ออกระบายเป็นรอยยิ้ม
“เด็ก ถึงแล้วนะคะ”
“อื้อ” คนถูกรบกวนการนอนจับมือที่แสนซุกซนมากุมไว้
“ที่รักอย่ากวน เด็กขอนอนต่อแป๊บหนึ่ง”
หัวใจที่แห้งเหี่ยวมานานของเวธัสราวกับได้รับน้ำทิพย์มาชโลม เพียงแค่ประโยคเดียวหัวใจของเขาก็กลับมาชุ่มฉ่ำเปล่งประกายวาววับ เขาชอบเหลือเกินเวลาที่มุกดาเรียกเขาว่า ‘ที่รัก’ เหมือนใจมันฟูฟ่องอย่างบอกไม่ถูก
คนที่นอนหลับคล้ายจะรู้สึกตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป มุกดารีบลืมตาตื่นสิ่งแรกที่ได้สัมผัสคือฝ่ามือใหญ่ที่เธอกอบกุม หญิงสาวรีบปล่อยมือเขาให้เป็นอิสระแล้วเรียกสติตัวเองให้กลับมานั่งหลังตรง
“เอ่อ…”
ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน เมื่อกี้เธอแค่ละเมอ
“ถึงแล้วค่ะ” เขาบอก
“อ๋อ ขอบคุณที่มาส่งนะคะแล้วก็ที่เลี้ยงข้าวด้วย”
มุกดายกมือไหว้ถึงจะเป็นแฟนเก่าแต่เขาก็ยังเป็นรุ่นพี่ที่คณะ เด็กวิศวะค่อนข้างซีเรียสกับการให้ความเคารพรุ่นพี่
“พี่เต็มใจค่ะ จะให้มารับมาส่งหรือเลี้ยงข้าวทุกวันก็ได้”
“ไม่เอาค่ะ มุกกลัวสาวๆในสต๊อกของพี่มาตามฉีกอก”
“มีที่ไหนคะ พี่มีแค่มุกคนเดียว”
“ไม่คุยด้วยแล้ว” เขาอาจจะพูดเล่นแต่หัวใจของมุกดามันไม่เล่นแน่ๆ ตั้งแต่เจอกันไม่กี่ชั่วโมงก่อนเขาก็ขยันหาถ้อยคำมาสั่นไหวหัวใจเธอเหลือเกิน
คนตัวเล็กปลดสายเบลล์ทำท่าจะเปิดประตูแต่ตัวเธอถูกหยุดไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่ที่จับอยู่ที่แขน
มุกดาหันกลับไปมองแฟนเก่าพร้อมกันเลิกคิ้วสงสัย
“แลกเบอร์กันก่อนค่ะ พี่ไม่มีช่องทางติดต่อมุก”
“ทำไมต้องแลกด้วยคะ มุกไม่ได้อยากติดต่อกับพี่ซะหน่อย”
“มุกลืมหรือคะว่ามีพรีเซนต์งานกับพี่ ถ้ามุกไม่มีเบอร์พี่จะติดต่อเรื่องงานยังไง”
“มุกว่าจะไม่…”
“กลัวเหรอคะ? เพราะพี่หล่อมากจนมุกกลัวตัวเองหวั่นไหวกับพี่อีกเหรอ”
เหอะ! ไอ้คนหลงตัวเอง
“08…”
รีบบอกเบอร์ตัวเองแล้วก็ลงจากรถไป คนอย่างมุกดาเนี่ยนะจะหวั่นไหวกับใบหน้าหล่อๆของแฟนเก่า ไม่มีทาง!