ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สวมชุดอยู่บ้านสบายๆ นั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้อยู่บริเวณสวนหน้าบ้าน ซึ่งล้วนแต่ห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ และพืชผักนาๆชนิด พื้นหญ้าสีเขียวอ่อนที่เท้าเปล่าข้างหนึ่งของพายุวางอยู่ทำให้เขาผ่อนคลาย บรรยากาศโดยรอบให้ความร่มรื่นปลอดโปร่งแบบสุดๆ แม้ว่าจะเป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้วก็ตาม พายุอยู่ในท่าทีสงบนิ่ง ในมือยังคงวาดเขียนแผนงานต่างๆ พายุยังคงตั้งใจทำงานแม้ว่าวันนี้เขาจะไม่เข้าไปบริษัท แต่ก็ยังสามารถทำงานแบบ work from home ได้
Rrrrrrrrrrrr ไม่นานเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านข้างของชายหนุ่มก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นชื่อของเพื่อนสนิทตนที่โทรเข้ามา พายุจึงไม่ลังเลที่จะกดรับสายทันที
"ว่าไง"
[เออ…มึงอยู่ไหนว่ะไอ้พายุ ทำไมไม่เข้าบริษัท?]
"กูอยู่บ้านนี่แหละครับคุณทนายเถื่อน พอดีบาดเจ็บนิดหน่อย"
พายุพูดแกมหยอก คนที่โทรเข้ามาเป็นเพื่อนสนิทของเขาชื่อ ‘คิมหันต์’ หรือคุณทนายคิมหันต์สุดหล่อหน้าม่อไม่ต่างจากเขานั่นแหละ เอ๊ะ! …เหมือนด่าตัวเอง แต่นั่นแหละ เขาเลยชอบเรียกมันว่าทนายเถื่อน เพราะมันป่าเถื่อนจริงๆเขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนไร้คุณธรรม ไร้จรรยาบรรณแบบมันเรียนจบมาเป็นทนายได้ยังไง เอะอะโวยวาย เอะอะใจร้อน ปาร์ตี้นี่อันดับหนึ่ง ถึงภายนอกมันจะดูเป็นคนเฮฮาก็เถอะ แต่สำหรับคนสนิทแบบเขาที่รู้ไส้รู้พุงมันเป็นอย่างดี บอกได้เลยว่า มันคือผู้ชายที่ทำให้คนแบบพายุไม่กล้ามีลูกสาวเลย กลัวได้ลูกเขยแบบมันเนี่ยแหละ
[ขอร้องละครับท่านประธานช่วยบอกกระผมด้วยว่าบ้านหลังไหน ไปมาแล้วสามหลังหาคุณมึงไม่เจอครับ]
"เดี๋ยวกูส่งโลเคชั่นไปให้"
"แต่มึงจะมาหากูทำไมมิทราบ เที่ยวกูไม่ไปนะ"
[ตอนแรกก็ว่าจะชวนแหละ แต่ได้ยินมึงบอกว่าบาดเจ็บไงกูก็เลยจะเข้าไปเยี่ยมซะหน่อย แล้วเป็นอะไร? หนักไหม? มึงจะตายได้ยัง ถ้าตายอย่าลืมโอนกรรมสิทธิ์เป็นของกูด้วย]
"มึงเพื่อนกูจริงป่ะเนี่ย!"
[นี่แหละเขาเรียกเพื่อนแท้ เพื่อนล้มอย่าข้าม ให้กระทืบมันให้ตายแล้วฮุบสมบัติ! เเค่นี้แหละกูขับรถอยู่ โทรมาทำไมก็ไม่รู้!]
ตุ๊ด ๆ ๆ แล้วคิมหันต์ก็วางสายไปทันที พายุส่ายหัวให้กับเพื่อนสนิทของเขา มันก็เป็นของมันแบบนี้แหละ ประสาทไบโพล่า
15 นาที ต่อมา ...
รถคันหรูอีกคันขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน ไม่ต้องเดาให้ยากว่าเป็นใคร หลับตาฟังแค่เสียงเบรกและเสียงเลี้ยวของรถพายุก็เดาออก ขับรถแบบเสี่ยงตายเร็วที่สุดแบบนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้คิมหันต์ ทักษะการขับรถก็ห่วยพอๆกับนิสัยมันนั่นแหละ
"เชี้ย!! มึงไปทำอะไรมาวะ?" คิมหันต์ที่เพิ่งลงจากรถเห็นสภาพเพื่อนตัวเอง ถึงกับต้องร้องออกมาด้วยความตกใจ!
"เปล่า คอเคล็ดนิดหน่อย"
"ไม่บอกกูนึกว่ามึงรถคว่ำนะเนี่ย! แล้วไปทำอีท่าไหนมาล่ะ?"
ชายหนุ่มอีกคนเดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพร้อมกับจ้องมองคนที่นั่งไขว่ห้างคอตรงเป็นห่าน แต่ยังทำท่าสบายใจเฉิบอยู่อย่างไม่รู้ร้อน
"นวด" พายุตอบกลับสั้นๆ เขาไม่ได้สนใจที่จะหันไปมองคนถาม กลับยังคงตั้งใจทำงานอยู่เช่นเดิม
"เหี้ย! มึงไปโดนหมอเถื่อนป่ะเนี่ย เป็นกูนี่กูฟ้องให้ผมร่วงเลยนะ"
"มึงจะให้กูฟ้องเอาเงินตัวเองหรือไง?"
"มึงหมายความว่ายังไง? เล่า…" พายุโดนจ้องหนักกว่าเดิม จ้องไม่พอมันยังยื่นหน้าเข้ามาเกือบจะชิดเขาอยู่แล้ว อีกสักพักคงสิงร่างได้เลยทีเดียว
"ก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่เด็กมันนวดให้แล้วนวดผิดท่า"
"เชรดดดด นวดผิดท่าก็มาว่ะ กริ้ว "
"ว้าว ๆ ตีลังกานวดกันเปล่าว่ะ ว่าแต่น้องคนไหนทำเพื่อนกูสะบักสะบอมขนาดนี้ว่ะ ฮ่ะๆ ฮ่าๆ ๆ" คิมหันต์ขำจนตัวโยก แต่อีกคนกลับทำหน้าเคร่งเครียด
"เดี๋ยวกูถีบ! กูพูดจริงๆ "
"อ่ะๆ คนไหน?"
"ก็เด็กที่กูรับดูแล ชื่อข้าวหอม"
"ห๊ะ! นี่มึงหัดเลี้ยงเด็กไว้กินเล่นแล้วเหรอวะ? ไหนบอกชอบแซ่บๆ ไม่จริงจังไง"
"ไอ้นี่! เดี๋ยวก็โดนกูถีบจริงๆเข้าสักที! กูหมายถึงเด็กแบบที่รับอุปการะเลี้ยงดู ไม่ใช่เด็กแบบนั้น"
ทำไมไอ้ทนายเถื่อนนี่มันถึงเข้าใจอะไรยากจัง เขาเป็นคนนิสัยแย่ขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงมันจะพูดถูกแต่ก็ใช่ว่าจะทั้งหมด
"อ้าวเหรอ แล้วมึงไปทำอิท่าไหนถึงได้มาเลี้ยงละ ลูกเต้าเล่าใคร?"
"ลูกพี่ตะวัน"
"ห๊ะ! พี่ตะวันที่เพิ่งเสียไปพร้อมกับเมียแกน่ะหรอ?"
คิมหันต์ร้องห๊ะ! เป็นครั้งที่สอง แต่รอบนี้ดูจะตกใจมากกว่ารอบก่อน เมื่อได้ยินเพื่อนพูดถึงชื่อรุ่นพี่ที่เพิ่งจะเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้ด้วยอุบัติเหตุ ซึ่งเขาพอจะรู้มาบ้างว่ารุ่นพี่คนนั้นสนิทกับพายุแถมยังเป็นลูกหนี้มันอีกต่างหาก แสดงว่านอกจากมันจะไม่ได้เงินคืนสักบาท ยังต้องมาเลี้ยงลูกของลูกหนี้ตัวเองอีกทีเนี่ยนะ แต่เอ๊ะ! หรือมันจะเลี้ยงขัดดอกเหมือนในหนัง มันหมดยุคไปตั้งแต่สมัยไหนแล้วนี่น่า…
"มึงอย่าบอกนะว่ามึงเลี้ยงเด็กนั่นไว้ขัดดอก ไอ้เหี้ย! "
"มึงจะบ้ารึไง! กูแค่เลี้ยงไว้เฉยๆ เพราะสงสารแค่นั้น ไม่ได้จะทำเรื่องแย่ๆ แบบที่มึงคิดซะหน่อย"
พายุรีบแก้ต่างทันที เพราะดูเหมือนว่าอีกคนจะคิดว่าเขาเป็นคนไม่ดีไปซะแล้ว ถึงเขาจะไม่ใช่คนดีอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้จะแย่ไปซะหมด เขาก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง ดีบ้างเลวบ้างผสมกัน แต่สำหรับเรื่องนี้ที่เขาทำเพราะสงสารข้าวหอมจริงๆ เขากะจะดูแลเธอให้เธอเรียนจบมีงานทำที่มั่นคง ดูแลตัวเองได้นั่นก็ถือว่าหมดภาระหน้าที่ของเขาแล้ว ไม่ได้กะจะเลี้ยงดูเธอในฐานะอื่นอย่างที่เพื่อนเขาคิด
"จริงดิ แล้วเด็กคนนั่นอยู่ไหนหรอ กูยังไม่เคยเห็นหน้าเลย ผู้หญิงหรอ?"
"อืม ไปโรงเรียนอยู่ อีกสักพักคงกลับมา"
เพียงพายุพูดจบประโยค ราวกับเป็นการนัดหมายเวลา รถรับส่งนักเรียนประจำก็ขับเข้ามาจอดหน้าบ้านทันที ตามด้ายเด็กสาวร่างบางที่คุ้นเคยในชุดนักเรียนมัธยมปลาย รองเท้าคัทชูสีดำพาเจ้าของร่างวิ่งเข้ามาในบ้านอย่างคนดีใจตลอดวันเธอเฝ้าเป็นห่วงคนที่อยู่บ้าน กลัวว่าเขาจะไม่ยอมกินยาและไม่หายสักที ข้าวหอมที่วิ่งตาตื่นเข้ามา ผมยาวถูกมัดรวบผูกโบว์ไว้อย่างเรียบร้อย เผยให้เห็นใบหน้าสวยใส รอยยิ้มกว้างของหญิงสาวทำให้ชายที่ถามถึงก่อนหน้าถึงกับผงะแทบตกเก้าอี้
"ข้าวกลับมาแล้วค่าาาาา" เสียงร้องที่ยาวเหยียดของสาวน้อย เรียกให้พายุที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมอง คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากันตามด้วยเสียงร้องปรามคนที่กำลังวิ่งเข้ามา
"อย่าวิ่ง! เดี๋ยวก็เอาฟันลงไปเจิมพื้นอีก"
น้ำเสียงติดจะดุๆ นิดหน่อย แต่ได้ผลจริง เพราะข้าวหอมหยุดวิ่งอย่างกระทันหัน และเปลี่ยนเป็นก้าวเดินอย่างเชื่อฟัง นี่สิเด็กน้อย ให้มันได้แบบนี้ ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ พูดอะไรเชื่อฟังหมดไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ