เช้าวันต่อมา
นางนางเดินมาที่กระท่อมที่ภัคธีมาอาศัยอยู่ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน แล้วจัดการปลุกหญิงสาวที่สลบไสลด้วยความเหนื่อยล้าจากศึกหนักเมื่อคืน สภาพของเธอตอนนี้โทรมจนนางนางรู้สึกสงสาร แต่นางก็ต้องตัดใจทำตามคำสั่งของเวทิศ โดยที่ไม่รู้เลยว่าทั้งคู่นั้นมีเรื่องบาดหมางอะไรกัน
“คุณตื่นเถอะค่ะได้เวลาไปทำงานที่รีสอร์ทแล้ว” นางนางเขย่าตัวเพื่อปลุกภัคธีมา
“ไปทำที่ไหนเหรอป้า” ภัคธีมาลืมตาตื่นด้วยความงัวเงีย
“ที่รีสอร์ทนู่นแหล่ะคุณ ว่าแต่คุณเห็นเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้แล้วใช่มั้ยคะ นายสั่งให้ป้าเตรียมไว้ให้คุณ คุณหยิบไปใช้ได้เลยนะคะ” นางนางสังเกตุเห็นภัคธีมาสวมใส่ชุดที่นางเตรียมไว้ให้ นางจึงเอ่ยถามตามที่นางเห็น
“ค่ะ ขอบคุณนะคะป้า แต่ป้าช่วยว่าจ้างเรือส่งฉันขึ้นฝั่งได้มั้ย ฉันอยากกลับบ้าน” ภัคธีมากล่าวด้วยน้ำตา
นางนางรู้สึกสงสารลูกผู้หญิงด้วยกันเหลือเกิน แต่นางก็ไม่สามารถหักหลังเวทิศ เขาคือคนที่มีบุญคุณกับเธอเหลือล้น
“ป้าทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะคะ” นางนางก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด ในขณะที่ภัคธีมารู้สึกหมดหวัง เธอจึงลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ จัดการอาบน้ำล้างหน้าแปลงฟัน ช่วงจังหวะที่ภัคธีมาลุกขึ้น เธอปวดร้าวที่กลางแก่นกาย ความระบมทำให้เธอเจ็บช้ำจนแทบจะร้องไห้ออกมา
เมื่อภัคธีมาอาบน้ำเสร็จ เธอออกมาก็ยังพบว่านางนางนั่งรออยู่ หลังจากที่เห็นเธอออกมา นางนางจึงเดินเข้ามาพร้อมกับจับที่มือขวาของเธอ แล้วจึงจัดการสวมกำไลที่ฝังจีพีเอสระบุตำแหน่งเข้าที่ข้อมือของหญิงสาว ภัคธีมาเหลือบมองด้วยความสงสัยว่าสิ่งที่นางนางสวมให้เธอนั้นคืออะไร
“อะไรเหรอคะป้า”
“กำไลฝังจีพีเอส เมื่อใดก็ตามที่คุณหนีออกจากบริเวณที่ทำงานอยู่ กำไลนี้จะส่งสัญญาณไปที่นายทันที แล้วมันก็ถอดออกไม่ได้ด้วยนะคะ เพราะกุญแจถอดมันอยู่ที่นาย” นางนางอธิบายให้ภัคธีมาฟัง ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกหมดหวังในชีวิตทันที
“นี่เขาต้องทำกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ” ภัคธีมารำพึงด้วยความสงสารในโชคชะตาของตนเอง
“คุณอย่าคิดหนีเลยนะคะ ป้าบอกได้อย่างเดียวว่าหนีไปไหนไม่รอดหรอกค่ะ” นางนางกล่าวจบก็กลับไปนั่งรอหญิงสาวที่เดิม ภัคธีมาถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะรีบแต่งตัวแล้วตามนางนางไปทำงานที่รีสอร์ท