กิ่งทองใบรับรองแพทย์

1402 Words
“มันโอเคไหมแก” คนตัวเล็กจับกระโปรงยกขึ้นหมุนไปมา ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ที่สตูดิโอชุดแต่งงาน ใครจะคิดว่าฤกษ์ดีที่ว่าคืออีกแค่เดือนเดียวเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็เหลือระยะเวลาอีกเพียงสามสัปดาห์ ปันหยาทำหน้าประหม่าเล็กน้อย เพราะไม่ค่อยได้สวมชุดแบบนี้บ่อยนัก ปกติตนเป็นคนลุย ๆ ทะมัดทะแมง ถ้าไม่จำเป็นแทบจะไม่สวมกระโปรงด้วยซ้ำ ไม่น่าเชื่อว่าอยู่ ๆ จะได้สวมชุดแต่งงาน แถมยังเป็นชุดระดับพรีเมียมที่สั่งตัดอย่างพอดีตัวเป๊ะ ด้วยเงินก้อนโตจากคุณนายลินดา “สวยว่ะหยา” วิกเตอร์เดินวนรอบเพื่อนสนิทที่สวมชุดเจ้าสาว มองสำรวจรายละเอียดชุดที่ออกแบบมาอย่างประณีต แม้จะยังมีบางจุดที่ยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็รู้เลยว่าชุดนี้ต้องสวยงามและโดดเด่นที่สุดในงานอย่างแน่นอน “ทำไม แกก็อยากใส่เหรอยะ” เพราะตอนนี้อยู่กันสองคนในห้องโถงกว้าง ปันหยาเลยเย้าหยอกเพื่อนสนิทอย่างไม่เกรงใจ ถึงจะมีความรู้สึกเขินไม่น้อยที่กำลังอยู่ในชุดบ่าวสาวกับวิกเตอร์ก็ตาม “ฉันแค่ชอบผู้ชายเนอะ ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง” วิกเตอร์สะบัดหน้าเชิดใส่เพื่อนสนิท ที่จริงถ้าไม่อยู่กับปันหยา เขาก็ไม่ได้มีบุคลิกแบบนี้ ทำให้คนภายนอกที่มองมาไม่สามารถคาดเดาว่าแท้จริงแล้วตนจะมีรสนิยมในการชื่นชอบผู้ชาย ไม่มีใครคาดเดาก็ใช่ว่าจะไม่มีคนสงสัย สมัยเรียนก็มีข่าวลือออกมาไม่น้อย แต่พอชายหนุ่มไม่ได้ออกมาโต้แย้งอะไรทุกอย่างก็เงียบไปเอง “แต่ชุดนี้แกก็ดูดีนะ” ชายหนุ่มในชุดสูทดำ ที่แม้จะไม่ต่างจากชุดที่ไปทำงาน แต่ถ้ามองดี ๆ ก็เห็นรายละเอียดชุดที่เข้าคู่กันกับชุดเจ้าสาวที่ตนสวมอยู่ อีกทั้งสีผมประกายน้ำตาลนั่นก็เพิ่มให้คนตรงหน้ามีเสน่ห์ไม่น้อย ทำเอาปันหยาใจเต้นผิดจังหวะเล็ก ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องในอดีต ก่อนจะสะบัดหน้าทิ้งความฟุ้งซ่านออกไป “แน่นอนสิจ๊ะ ดูหน้าด้วย ลูกรักพระเจ้าไม่เกินจริง” วิกเตอร์ใช้หลังมือลูบไล้กรอบหน้าของตนอย่างภาคภูมิใจ ด้วยความเป็นลูกเสี้ยวจากเอริคที่เป็นลูกครึ่ง ทำให้ตนนั้นมีร่างที่สูงใหญ่กำยำ บวกกับใบหน้าอันโดดเด่นจากการผสมกันอย่างลงตัวระหว่างพ่อและแม่ ทำให้พื้นฐานเรียกได้ว่าดูดีเลยทีเดียว “ลูกรักคลินิกมากกว่ามั้ง” แม้คนอื่นจะไม่รู้ แต่ปันหยารู้ดีเลยว่าเพื่อนสนิทนั้นดูแลตัวเองอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะด้วยการออกกำลังกายหรือการบำรุงผิวพรรณ ไหนจะยังมีการเข้าสปาบ้าง คลินิกบ้าง เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนอื่นยังมองไม่ออก ว่าเจ้าตัวนั้นมีความรักสวยรักงามเกินกว่าผู้ชายทั่วไป “ชิ ไหนลองขยับมายืนคู่กันหน่อย” วิกเตอร์เดินนำไปยังหน้ากระจก ปันหยาจึงยกกระโปรงเดินตามมาคล้องแขนเจ้าบ่าว แม้จะเป็นการแต่งหน้าและทำผมแบบลวก ๆ แต่ภาพที่สะท้อนให้เห็นก็ทำเอาทั้งสองรู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก “ถ่ายรูปกัน จะได้ส่งรายงานแม่แก” วิกเตอร์พยักหน้าเห็นด้วยกับอีกฝ่าย เขาจึงเดินไปหยิบมือถือ แล้วกลับมาที่เดิมอีกครั้ง ร่างสูงวาดวงแขนโอบเจ้าสาวเข้ามาใกล้ มืออีกข้างก็ถ่ายภาพสะท้อนในกระจก ก่อนจะขมวดคิ้วเพราะรู้สึกว่ายังไม่ค่อยสมจริง “ขยับมาใกล้ ๆ หน่อยดิ” คนตัวโตจัดท่าปันหยาให้มาอยู่ข้างหน้า มือก็โอบรอบเอวราวกับสวมกอดจากด้านหลัง “อีกนิดก็สิงกันแล้วปะ” ปันหยาบ่นออกมาเสียงดังกลบความรู้สึกแปลกในอก แม้พวกเธอจะสนิทกันมาก แต่ก็ไม่เคยอยู่ใกล้กันขนาดนี้ ยิ่งกอดกันยิ่งแล้วใหญ่ “เออน่า มา ๆ เอาแก้มแนบกัน” วิกเตอร์เปลี่ยนมาถ่ายกล้องหน้าด้วยมุมที่ดูสนิทกันกว่าเดิม ใบหน้าทั้งสองชิดกันจนไร้ช่องว่าง ระบายยิ้มกว้างอย่างที่เคยทำ แม้จะรู้สึกประหม่าเพราะไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนก็ตาม “โหย รูปนี้น่ารักเวอร์ หน้าแดงมาก อย่าบอกนะว่าแกเขินอะ” ชายหนุ่มเช็กภาพแล้วเอ่ยแซวออกมา เมื่อขยายดูใบหน้าเพื่อนสนิทชัด ๆ จนเห็นถึงสีระเรื่อที่พวงแก้มเนียน “เหมาะสมกันมากเลยค่ะ” ไม่ทันที่ปันหยาจะโต้กลับไป พนักงานสาวก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดน้ำดื่มเสียก่อน คำชมที่แสนจริงใจทำให้ทั้งสองคนเสมองไปคนละทาง เพราะรู้สึกเขินขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ปันหยาลอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อย โชคดีที่ไม่ได้พูดอะไรแปลก ๆ ในตอนที่มีคนอื่นเดินเข้ามา ไม่อย่างนั้นความลับคงแตกอย่างแน่นอน ............. “เมื่อกี้แกเขินเหรอ” เมื่อทำธุระที่ร้านชุดแต่งงานเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองก็นั่งรถกลับไปที่บ้านของปันหยา วิกเตอร์เอ่ยแซวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ “กลั้นขำย่ะ แล้ววันนี้แกก็จะนอนบ้านฉันอีกแล้วเหรอ” ปันหยาโต้ทันที แล้วถามกลับอย่างอ่อนใจ เป็นวันที่สามแล้วที่อีกคนย้ายตัวเองมาอยู่ด้วย “ก็เออสิเพื่อน ฉันบอกแม่ไปว่าต่อไปจะมาอยู่บ้านแกเป็นหลัก เพราะตรงนี้ใกล้บริษัทแล้วก็ได้อยู่กับแฟน” “............” เพราะไม่มีเสียงตอบกลับมา วิกเตอร์เลยหันไปหาคนข้าง ๆ เห็นว่าปันหยามองไปนอกหน้าต่าง เขาเลยเลือกที่เงียบและไม่พูดอะไร ได้แต่ยื่นมือไปลดแอร์ให้เบาลงแทน ‘สงสัยจะหนาว’ ชายหนุ่มคิดในใจ เพราะเมื่อครู่หันไปเห็นใบหูของเพื่อนสนิทขึ้นสีระเรื่อ จากนั้นจึงเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มผืนเล็กมาโยนคลุมตัวให้อีกฝ่าย ปันหยาเม้มปากแน่น แล้วกระชับผ้าให้คลุมตัวเองอย่างที่เคย หากพูดเรื่องการดูแลวิกเตอร์ก็ไม่เป็นรองใคร เพราะที่ผ่านมาชายหนุ่มก็ทำแบบนี้ให้เป็นประจำ ทว่าพอมีประโยคที่เรียกว่าแฟนมันก็รู้สึกเขินขึ้นมาจริง ๆ นั่นแหละ อีกทั้งเพิ่งออกมาจากบทบาทเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้ไม่นาน ก็เลยยิ่งทำให้ปั่นป่วนใจไม่น้อย “หยา ตื่น” “หยา ปันหยา!” ชายหนุ่มเขย่า พร้อมยื่นหน้าไปเรียกเพื่อนใกล้ ๆ “อื้อ....” คนตัวเล็กงัวเงีย ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนสนิทห่างออกไปแค่ฝ่ามือเดียว ทำเอาสะดุ้งจนตื่นเต็มตา “เรียกตั้งนานกว่าจะตื่น รถติดนิดเดียวแค่นี้ก็หลับ ไปอดนอนมาจากไหนเนี่ย” เมื่อเห็นว่าเพื่อนตื่น วิกเตอร์ก็เปิดประตูลงจากรถ เพราะตอนนี้มาถึงหน้าบ้านของปันหยาเรียบร้อยแล้ว “แกก็เห็นว่าช่วงนี้ฉันยังมีงานที่ต้องเคลียร์ ไหนจะเรื่องต่อเติมสตูข้างหลังอีก” ปันหยาบ่นอุบ เพราะช่วงนี้ชีวิตยุ่งเหยิงกว่าทุกที เล่นเอาแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง แต่ด้วยพลังของเงินค่าจ้าง เพียงแค่สัปดาห์เดียวส่วนที่ต้องการทำเพิ่มก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นไม่น้อย “วันนี้ฉันนอนห้องเดียวกะแกนะ” “ฮะ!?” “มันก็ต้องทำให้ชินปะวะ แม่จะโผล่มาวันไหนก็ไม่รู้ ถ้ารู้ว่านอนแยกกันก็ดูไม่เนียนอีก” “แต่มันจะเหมือนอยู่ก่อนแต่งเกินไปไหม” “สมัยนี้ยังจะมาหวงตัวอะไรอีก เมื่อก่อนเราไปเที่ยวก็นอนห้องเดียวกันปะ” “ไปเที่ยวมันก็คือที่อื่น แต่นี่แกจะย้ายมานอนห้องเดียวกันฉัน เตียงฉัน มันไม่ได้ปะวะ” “ห้าแสน” ชายหนุ่มเสียงเข้มอย่างผู้ที่เหนือกว่า “คุณสามีเลือกได้เลยว่าจะนอนฝั่งไหน เดี๋ยวภรรยาคนนี้จะหยิบหมอนเพื่อสุขภาพมาให้เพคะ” ไม่ว่าเปล่า ปันหยายังยกกระโปรงที่ไม่มีอยู่จริง พร้อมย่อตัวถอนสายบัวให้อีกด้วย ไม่ได้นะ สตูดิโอฉันยังไม่เสร็จ แกจะมาเอาเงินคืนไม่ได้นะ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD