“สวัสดีค่ะ ฉันมีนัดกับคุณวิกเตอร์”
“สวัสดีค่ะคุณปันหยา คุณวิกเตอร์แจ้งไว้แล้ว เชิญเข้าไปได้เลยค่ะ” พนักงานต้อนรับเดินนำปันหยามายังห้องทำงานของผู้เป็นประธาน หญิงสาวกล่าวขอบคุณแล้วเคาะประตูเล็กน้อย คนที่รออยู่ก่อนแล้วมองผู้มาใหม่ผ่านกระจกบานใส ก่อนจะเดินมาเปิดประตูให้
บริษัทของชายหนุ่มนั้นค้าขายเกี่ยวกับเครื่องหอมทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอม สเปรย์อะโรมา หรือเทียนหอม กลิ่นหอมที่ให้ความรู้สึกสดชื่นฟุ้งกระจายไปทั่วอาคาร เมื่อเข้ามาในห้องส่วนตัวบรรยากาศก็เปลี่ยนไปด้วยความหอมแบบเรียบง่ายชวนให้ผ่อนคลาย เหมาะกับการทำงานเรื่อย ๆ และใช้ไอเดีย
ชายหนุ่มเป็นประธานก็จริง แต่ใช่ว่าจะมีหน้าที่แค่เซ็นเอกสารเหมือนในละคร เพราะเขายังต้องคิดเรื่องการพัฒนาสินค้าและไอเดีย สร้างความแตกต่างเพื่อให้อยู่ในกระแสนิยมอีกด้วย
‘แกเอาข้าวเที่ยงไปให้ฉันนะ’
‘ฉันดูว่างเหรอยะ งานอีกเป็นกองเลย’
‘เออน่า จะได้สมจริง เปิดตัวแล้วก็ต้องแสดงออกดิวะ ฉันบอกแกแล้วว่าต้องเริ่มหาผู้ช่วยได้แล้ว อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ แกต่อเติมไปแค่สองแสน ยังเหลือเงินให้หมุนอีกตั้งเยอะ’
เพราะแบบนั้นปันหยาเลยต้องสวมบทบาทคุณผู้หญิงที่เอามื้อเที่ยงมาส่งให้แฟนหนุ่ม แน่นอนว่าอาหารย่อมไม่ใช่ฝีมือของตนอยู่แล้ว คนที่คิดแผนนั้นสั่งสิ่งที่ตัวเองอยากทานไปส่งที่สตูดิโอ แล้วให้เพื่อนสนิทจัดลงในกล่องประหนึ่งว่าทำเอง ทำเอาหญิงสาวถอนหายใจยืดยาว ได้แต่บ่นในใจว่าโคตรปลอม!
“มาแล้วเหรอครับ เหนื่อยไหม” วิกเตอร์เก๊กเสียงเข้ม ทำเอาปันหยากลั้นขำจนไหล่สั่น
“ปลอมมาก” คนตัวเล็กอดไม่ไหวเลยแขวะไปหนึ่งที ก่อนที่ทั้งสองจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน
“จะได้ชินปะวะ นี่ยังไม่รวมต้องไปงานของสมาคมส่งออกอะไรนั่นอีก แกก็ต้องไปกับฉันอีกนะ” วิกเตอร์เก็บเอกสารบนโต๊ะให้เป็นระเบียบ แล้วเดินไปหาเพื่อนสนิทที่เตรียมอาหารวางไว้ตรงมุมห้อง โดยปกติหากเขาอยู่คนเดียวก็จะมาทานตรงนี้เช่นกันเพื่อความรวดเร็ว
“ค่า ๆ คุณแฟนขาก็รีบมากินข้าวได้แล้ว ฉันหิว จะได้กลับไปทำงานต่อ” เพราะปฏิเสธอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ปันหยาก็เลยต้องรับปากอย่างเลี่ยงไม่ได้
จากนั้นทั้งสองก็จัดการมื้อเที่ยงด้วยกันตามปกติ เพียงแค่เปลี่ยนสถานที่กินข้าวเท่านั้น ความสนิทสนมที่รู้ใจกันมานาน อะไรที่ตนไม่ทานแต่อีกฝ่ายทานก็คีบให้กันไปมา โดยไม่รู้เลยว่าภาพเหล่านั้นถูกแอบถ่ายส่งไปให้คุณนายลินดาหลายช็อต
หากคนนอกมองมา ภาพนี้ราวกับคู่รักหวานชื่น ยากที่จะดูออกว่าทั้งสองกำลังแกล้งเป็นแฟนปลอม ๆ ปันหยาเคยมาบริษัทก็จริง ทว่าตอนนั้นมาในฐานะคู่ค้าที่รับสินค้าไปช่วยถ่ายภาพโปรโมตเท่านั้น ทำให้ตอนนี้พนักงานอื่น ๆ เริ่มมองถึงสถานะที่มากกว่าเดิมของทั้งสองคน ส่วนคนเป็นแม่นั้นเมื่อได้เห็นภาพก็ถูกใจไม่น้อย เพราะอยากรู้ว่าต่อไปเด็กทั้งสองคนจะแสดงอะไรให้เธอดูอีก
………………..
“คิดผิดหรือคิดถูกวะเนี่ย” ร่างบางบ่นกับตนเองเบา ๆ พร้อมทิ้งตัวลงบนโซฟาที่บ้าน หลังกลับมาจากการแสดงบทบาทแฟนหลอก ๆ ถึงอย่างนั้นก็อมยิ้มออกมา ที่จริงรู้สึกสนุกอยู่ไม่น้อย แม้จะลำบากในตอนกลั้นขำก็ตาม
หลังจากพักเหนื่อยเสร็จ ปันหยาก็เข้าสู่โหมดการทำงานจริงจัง สองมือรวบผมขึ้นเป็นหางม้า เตรียมฉากให้เข้ากับสินค้า แล้วก็เริ่มถ่ายภาพอย่างเชี่ยวชาญ แม้จะมีเสียงรบกวนจากการต่อเติมอีกฝั่ง ก็ไม่ได้ทำให้เสียสมาธิแม้แต่น้อย
“เฮ้ย!” เมื่อสัมผัสถึงความเย็นที่ข้างแก้มคนตัวเล็กก็ร้องลั่น โชคดีที่ไม่ได้ตกใจจนโยนกล้องในมือทิ้ง หันไปก็เจอกับเพื่อนสนิทที่หรี่ตามองมา ในมือถือน้ำอัดลมกระป๋องเอาไว้
“ตกใจอะไร อย่าบอกนะว่าทำตั้งแต่กลับมาแล้วยังไม่ได้พัก” วิกเตอร์เอ่ยอย่างรู้ทัน ที่จริงเขากลับมาถึงสักพักแล้ว แต่ดูเหมือนเจ้าของบ้านจะไม่รับรู้การมาของตนเลยสักนิด ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นการทำงานของอีกฝ่าย จะกี่ครั้งก็อดทึ่งไม่ได้กับไอเดียสร้างสรรค์งานให้เข้ากับสินค้าเลยหยุดดูอยู่นาน จนผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงถึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา
“แฮะ ๆ แกก็รู้ว่าช่วงนี้งานฉันเยอะ”
“งานเยอะก็ไม่ได้แปลว่าจะละเลยสุขภาพหรือเปล่า แขนยกมากี่ชั่วโมงแล้ว ไหนจะก้ม ๆ เงย ๆ ไม่รู้แหละ ไม่เกินอาทิตย์หน้าแกต้องมีทีมมาช่วยแล้วนะ พอเลย ไปพักได้แล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงดุ พลางเปิดกระป๋องยื่นให้อีกคนได้เติมน้ำตาลสักหน่อย
“แต่” ปันหยาช้อนตามองอย่างออดอ้อนโดยไม่รู้ตัว
“ไม่มีแต่ ฉันรู้ว่าแกทำเผื่อ ไม่ใช่ต้องส่งเร็ว ๆ นี้หรอก” แม้จะรู้สึกถึงความน่ารักนั่น แต่เพราะรู้ใจกันมานาน เขารู้ดีว่าเพื่อนสนิทบ้างานแค่ไหน เผลอ ๆ ที่โหมทำอยู่อาจเป็นงานที่ต้องส่งเดือนหน้าด้วยซ้ำ เลยจำเป็นต้องเล่นบทดุ
คนถูกจับได้ไม่มีข้อโต้แย้ง ทำได้แค่วางกล้องถ่ายภาพในมือลง แล้วยกแขนยืดตัวบิดขี้เกียจไปมา หันมองนาฬิกาก็พบว่าปาไปเกือบสองทุ่ม เสียงรบกวนก็ไม่มีแล้ว คาดว่าคนงานคงกลับไปได้พักใหญ่ ๆ แล้ว
“เหมือนเพิ่งกินข้าวเที่ยงไปเอง”
“จ้าแม่คนบ้างาน ช่างเถอะ ฉันสั่งพิซซ่ามาแล้ว”
“จริงปะ รู้ได้ไงว่าฉันกำลังอยากกินเลย”
“เผื่อลืม หล่อนแชร์มาให้ฉันในแชต” ในหน้าต่างสนทนาของทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างส่งโพสต์ร้านอาหาร หรือไม่ก็รีสอร์ต คาเฟ่ และสถานที่ท่องเที่ยว พอกันกับพวกคนแก่ที่ชอบส่งสวัสดีวันจันทร์นั่นแหละ เมื่อวันก่อนตอนขับรถผ่านร้านพิซซ่า เขาเห็นปันหยามองตามตาละห้อย แต่ไม่ได้บอกให้ตนหยุดรถ เลยค่อนข้างมั่นใจว่าอีกคนน่าจะอยากทาน วันนี้จึงซื้อพิซซ่ากลับมาฝาก
“ก็ปกติปะ เจอโปรโมชันก็แชร์ให้” คนตัวเล็กเม้มปากขมุบขมิบ ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกดีอย่างประหลาด เพราะสองสามวันมานี้มักจะได้ทานอาหารที่อยากทานเสมอ
“หรือจะไม่กิน”
“กินจ้า แล้ววันนี้แกกลับบ้านปะ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าจะมานอนกับแกจนถึงวันก่อนแต่งงาน” ชายหนุ่มยืนยันคำเดิม ตอนนี้ในห้องนอนของเพื่อนสนิทก็มีชุดของตนอยู่ในตู้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง หากกลับไปนอนที่บ้านก็จะทำให้ถูกจับได้เปล่า ๆ
“อยู่กันสองคนไม่ต้องสมจริงมากก็ได้ไหมอะ” ปันหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ที่ผ่านมาจะสนิทกัน แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบนี้
“จนกว่าจะแต่งเสร็จอะ ฉันถึงจะวางใจว่าแม่จะไม่วุ่นวายเรื่องนี้ จะได้เตรียมเรื่องงานต่อ ฉันยังมีที่ต้องไปดีลงานต่างประเทศอีก”
“ช่างเถอะ มีแกก็ไม่เหงาดี” ปันหยาพูดพร้อมเสมองไปทางอื่น เพราะบ้านของตนนั้นเป็นบ้านเดี่ยวที่ได้มาจากมรดก แม้จะอยู่ในเมืองแต่ก็มีพื้นที่ไม่น้อย เมื่อต่อเติมให้เป็นสถานที่ทำงานก็ยิ่งดูกว้างขวาง จนรู้สึกอ้างว้างเมื่ออยู่คนเดียว
“อืม” วิกเตอร์ตอบรับในลำคอ ที่ผ่านมาตนทำงานแล้วกลับบ้านเจอครอบครัว จากนั้นก็แยกตัวขึ้นห้องไปนอน ชีวิตวนลูปอยู่แบบเดิม แต่ช่วงสัปดาห์นี้ได้มานอนบ้านเพื่อนสนิท พอมีคนให้หยอกล้อและพูดคุยเรื่องเรื่อยเปื่อยเลยรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนได้ผ่อนคลายอย่างแท้จริง
“แล้วกินเสร็จแกจะทำงานต่อปะ”
“อื้อ เดี๋ยวต้องเอาภาพไปแต่งในคอมต่อ เออน่า อย่าเพิ่งบ่น เดี๋ยวอีกสองวันคนที่ฉันนัดไว้ก็จะมาลองงานแล้ว” เพราะที่ผ่านมาทำคนเดียวตั้งแต่จัดฉาก ถ่ายภาพ ตกแต่งภาพ แม้จะเสียเวลาแต่ก็รู้สึกเหมือนได้คุมคุณภาพงาน ทำให้ไม่ยอมหาทีมงานมาช่วยเสียที ทว่าตั้งแต่วิกเตอร์มาอยู่ด้วยก็ถูกบ่นเรื่องการใช้ชีวิต รวมถึงแจกแจงเรื่องความคุ้มค่าต่าง ๆ รู้อีกทีก็รับปากไปแล้วว่าจะหาผู้ช่วย
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ปันหยาก็หยิบการ์ดออกมาจากกล้อง แล้วเชื่อมต่อเพื่อส่งภาพไปยังคอมพิวเตอร์คู่ใจ จากนั้นเปิดโปรแกรมขึ้นมาตกแต่งภาพ เสียงคลิกเมาส์ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ อีกมุมหนึ่งของห้องวิกเตอร์ก็กำลังพิมพ์งานจนได้ยินเสียงคีย์บอร์ดดังสม่ำเสมอ
ปันหยาแอบหันไปมองท่าทางจริงจังของเพื่อนขณะทำงานแล้วอมยิ้มเล็กน้อย ไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างกัน ถึงอย่างนั้นก็รับรู้ได้ว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร แต่เธอกลับอุ่นใจกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา