หลังเลิกเรียน
ณ ร้านอาหาร
ร่างบางก้าวเท้าลงจากรถมาพร้อมกับเพื่อนสนิทอย่างมินาที่เป็นคนพาเธอมาร้านอาหารเพื่อมาพบกับพี่สาวของมินาที่เป็นคนนัดเธอมาคุยงานที่จะถ่ายแบบเสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่วันเสาร์ที่จะถึงนี้ และไอรีนเองก็ไม่ได้มีท่าทีประหม่าอะไรนักเพราะเธอเคยเจอกับยูริมาหลายครั้งรู้จักนิสัยใจคอกันมากพอสมควรเธอก็เลยไม่ได้รู้สึกดดันหรือตื่นเต้นอะไร
“แกหิวมั้ย ฉันหิวมากเลยอะ” มินาที่เดินเคียงคู่มากับไอรีนหันไปเอ่ยถามพร้อมกับลูบท้องของตัวเองเล็กน้อย เพราะเธอนั้นรู้สึกหิวจริง ๆ
ร่างบางที่ได้ยินแบบนั้นก็อมยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย เพราะเธอก็เริ่มรู้สึกหิวไม่ต่างกัน
“หิวแต่ก็อยากคุยกับงานกับพี่ยูริอยากรู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง”
“เดี๋ยวแกได้คุยแน่ค่ะเพื่อนรัก” มินาพูดพร้อมกับเดินนำไอรีนไปที่ห้องอาหารที่พี่สาวของเธอจองเอาไว้เป็นแบบโซนไพรเวตที่จะไม่มีแขกคนอื่น ๆ มาวุ่นวาย
“นั่นไงมากันแล้ว...” ทันทีที่ร่างบางเดินเข้าไปภายในห้องอาหาร เสียงของยูริก็เอ่ยดังขึ้นด้วยความดีใจก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้มาตอนรับด้วยความยินดี ไอรีนยิ้มรับพลางยกมือไหว้อย่างนอบน้อมก่อนที่สายตาของเธอจะเหลือบไปเห็นร่างสูงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร
ใบหน้าสวยนิ่งอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มค่อย ๆ หุบลงและหัวใจดวงน้อยก็เริ่มเต้นแรงขึ้น เธอรู้ว่าโลกมันกลมแต่ก็ไม่คิดว่าจะกลมขนาดที่เธอจะได้เจอกับเขาอีกครั้ง
“อ้าวนั่นพี่ฮอลนิพี่ยู...แล้วผู้ชายอีก 2 คนคือใครคะ” มินาเอ่ยออกไปด้วยความแปลกใจที่เห็นว่าที่คู่หมั้นของลิเวียมาอยู่ที่นี่ด้วย
“อ๋อ พี่ลืมบอกเราน่ะว่าวันนี้พี่มีนัดกินข้าวกับเพื่อนพี่ด้วย ว่าแต่เรารู้จักเพื่อนพี่ด้วยเหรอ”
“รู้จักแค่พี่ฮอลอะ ที่รู้เพราะพี่ฮอลเป็นคู่หมั้นลิเวีย”
“อ๋อ งั้นเดี๋ยวพี่พาไปแนะนำให้รู้จักเพื่อน ๆ พี่ด้วย มานี่มา” ยูริเอ่ยก่อนจะรีบคว้าข้อมือของไอรีนกับมินาให้เดินไปที่โต๊ะอาหารทันที
“พวกมึง นี่น้องสาวกูที่กูเคยบ่น ๆ ให้ฟัง แล้วนี่ก็เพื่อนสนิทน้องสาวกูน้องไอรีนคนที่กูบอกว่าเหมาะที่จะมาเป็นนางแบบคอลเลกชันเสื้อผ้าล่าสุดของกู”
“เป็นไง นางแบบกูสวยปังอย่างที่บอกเอาไว้ปะ” ยูริพูดออกไปอย่างต้องการจะให้เพื่อน ๆ เห็นความสวยน่ารักของไอรีน เพราะเธอรู้สึกถูกชะตาแล้วก็เอ็นดูไอรีนมากจริง ๆ
“สวยมากมึง กูเชื่อแล้วว่ามึงมองคนไม่ผิด” บีมาย เพื่อนสนิทของยูริเอ่ยออกไปอย่างไม่คิดจะโกหกตอนแรกที่รู้ว่ายูริเลือกนางแบบที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมาเป็นนางแบบคอลเลกชันเสื้อผ้าล่าสุดของพวกเธอ เธอก็แอบกังวลไม่น้อยเพราะกลัวเสื้อผ้าจะขายไม่ได้ เพราะสมัยนี้มันอาศัยแค่ชื่อแบรนด์อย่างเดียวไม่ได้ยังต้องอาศัยองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างรวมกัน แต่พอได้เห็นไอรีนแล้วความกังวลพวกนั้นก็หายไปทันที เพราะไอรีนสวยมากชนิดที่พวกหญิงด้วยกันยังอดรู้สึกปลื้มไม่ได้
“ดูด้วยค่ะว่ากูใคร กูมองใครไม่เคยพลาดหรอกนะ”
“กูล่ะเบื่อความมั่นของมึงจริง ๆ” บีมายพูดก่อนจะแกล้งกลอกตามองบนด้วยความหมั่นไส้ในความมั่นหน้าของเพื่อนสนิทอย่างยูริ แต่ยูริก็ไม่ได้แคร์หรือสนใจอะไรเพราะพวกเธอชอบเล่นกันแบบนี้อยู่แล้ว
“แล้วก็พวกนี้ก็เป็นเพื่อนสนิทของพี่เหมือนกันนี่ฮอล เจเค คอลลิน เพื่อนสนิทพี่เอง…”
“ส่วนฮอลพวกเราก็น่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว”
“หนูเพิ่งรู้นะว่าพี่ยูมีเพื่อนหล่อขนาดนี้อะ” มินาเอ่ยแซวพี่สาวเพราะไม่เคยเห็นพี่สาวพูดถึงเพื่อนสนิทผู้ชายแถมยังไม่เคยแนะนำมาที่บ้านอีกด้วย
“จะบอกอะไรให้นะ พวกนี้มันไม่ได้หล่ออย่างเดียวนะ…”
“เลวด้วย…”
“คำหลังไม่ต้องก็ได้มั้ง” คอลลินเอ่ยขึ้นนิ่ง ๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ก็จะได้ครบสูตรสโลแกนพวกมึงไง หล่อ รวย เลว”
“ยิ่งพูดพวกกูยิ่งดูแย่ลงไปอีก ไม่มีเหี้ยไรดีเลย” เจเคพูดพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแต่พวกเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของยูริ เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะพูดกันแบบนี้
“ล้อเล่นน่าเจ...พวกนี้เป็นเพื่อนพี่ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยแล้วแหละ แต่ที่มินาไม่เคยเห็นเพราะพวกนี้มันชอบเก็บตัวตามสไตล์ลูกชายมาเฟีย”
“แขนหายดีแล้วเหรอ…” แต่แล้วเสียงทุ้มของมาเฟียหนุ่มที่นั่งเงียบอยู่นานก็เอ่ยขึ้นมานิ่ง ๆ ทำให้บทสนทนาของทุกคนเงียบลงในทันที
ไอรีนนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อประสานสายตาเข้ากับเจ้าของนัยน์ตาสีนิลอย่างจัง ริมฝีปากบางเริ่มขบเม้มเข้าหากันอย่างลืมตัว
“แกก็ตอบพี่เขาไปสิ...” มินาหันมากระซิบบอกเพื่อนด้วยความงุนงงที่ไอรีนเอาแต่เงียบอยู่อย่างนั้นเหมือนคนสติหลุดลอย
“เอ่อ...ยังไม่หายค่ะแต่ดีขึ้นแล้ว”
“แล้วไม่เห็นติดต่อมา”
“ไม่เป็นไรค่ะ พอดีแผลมันเล็กนิดเดียวแล้วค่าใช้จ่ายก็ไม่เยอะด้วย” ร่างบางเอ่ยออกไปอย่างพยายามเป็นปกติก่อนจะส่งยิ้มให้ฮอลอย่างกลบเกลื่อนพิรุธบางอย่างของตัวเอง ฮอลมองหญิงสาวตรงหน้านิ่ง ๆ ก่อนจะพยักหน้ารับรู้แทนคำตอบ
“อะไรอะ เกิดอะไรขึ้นทำไมมึงถามน้องไอแบบนั้นอีฮอล”
“แล้วแขนน้องไอไปโดนอะไรมาน่ะ” ยูริเอ่ยถามเสียงหลงพลางเลื่อนมือไปแตะที่ต้นแขนของไอรีนเบา ๆ
“คนขับรถกูเกือบขับรถชนเพื่อนน้องสาวมึงน่ะ” ฮอลเอ่ยขึ้นนิ่ง ๆ ขณะที่สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ร่างบางอย่างไม่คิดจะละสายตาไปไหน
บอกตามตรงอย่างไม่คิดจะปิดบังเลยว่าไอรีนเป็นผู้หญิงที่ทำให้เขารู้ปั่นป่วนอย่างน่าประหลาด เธอกำลังดึงดูดสายตาของเขาให้มองแต่เธอโดยที่เขาเองก็แทบจะไม่รู้ตัว รู้อีกทีสายตาของเขาก็ไปหยุดที่เธอแล้ว
“คือพอดีไอเดินข้ามถนนตัดหน้ารถพี่ฮอลน่ะค่ะ ก็เลยล้มได้แผลมานิดหน่อยแต่แผลไม่ได้เยอะนะคะ”
“ไอถ่ายแบบให้พี่ยูริได้แน่นอนค่ะ” ไอรีนที่กลัวว่าเธอจะไม่ได้งานนี้รีบเอ่ยออกไปอย่างต้องการให้ยูริเชื่อเธอว่าแผลที่ข้อศอกเธอมันเล็กนิดเดียวจริง ๆ
“พี่ไม่ได้จะว่าอะไรแต่พี่แค่เป็นห่วงน่ะ แล้วน้องไอต้องรู้นะว่าผิวของน้องไอสำคัญกับพวกงานถ่ายแบบแบบนี้มาก ๆ จะทำอะไรก็ต้องระวังนะคะ”
“ค่ะพี่ยู ต่อไปไอจะระวังให้มากกว่านี้นะคะ”
“รู้งี้ให้พี่ยูบอกไอตั้งแต่วันที่ได้แผลแล้วดีกว่า เพราะกว่าพวกหนูจะกล่อมให้ไอยอมไปหาหมอได้นะยากมาก ดื้อมากยัยไอของพี่ยูอ่ะ”
“ไม่ได้นะ ต่อไปไอต้องจำให้ขึ้นใจเลยว่าผิวของไอ ร่างกายของไอสำคัญมาก ๆ มันคือเครื่องมือทำมาหากินของเราเลยนะ”
“ค่ะพี่ยู ต่อไปไอจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะ...” ร่างบางพูดเสียงอ่อนก่อนจะยิ้มเจื่อน ๆ ให้ยูริอย่างรู้สึกผิดที่ตอนนั้นเธอแอบดื้อดึงจะไม่ยอมไปหาหมอที่โรงพยาบาลอย่างที่เพื่อน ๆ เกลี้ยกล่อมเธอ
“ดีมากค่ะ แล้วนี่ยังไม่ได้กินอะไรกันมาใช่มั้ย ? ”
“ใช่ค่ะพี่ยู ละตอนนี้ก็หิวมากแล้วด้วย” ไม่ใช่ไอรีนที่ตอบแต่เป็นมินาที่พูดออกไปพลางมองหน้าพี่สาวอ้อน ๆ
“งั้นก็กินข้าวกันก่อนค่อยคุยงานเนอะ น้องไอไม่มีรีบไปไหนใช่ไหมคะ”
“ไม่มีค่ะพี่ยู” ไอรีนตอบออกไปตามมารยาท สิ่งที่จะทำให้เธออยากรีบกลับก็คงมีเพียงแค่ผู้ชายตรง หน้าที่ทำให้เธอรู้สึกประหม่าจนทำตัวไม่ถูก เธอพยายามทำตัวเป็นปกติเป็นไอรีนที่ไม่เคยรู้จักมาเฟียหนุ่มตรงหน้า แต่ทว่าไอ้ความพยายามของเธอมันชอบสูญเปล่าเมื่อเธอได้สบตากับเขาแบบไม่ทันตั้งตัว...
จนเวลาผ่านไปเมื่อไอรีนคุยรายละเอียดทั้งหมดที่เธอจะต้องมาถ่ายแบบวันเสาร์นี้เสร็จ เธอก็ขอตัวกลับในทันทีถึงแม้ว่ายูริและมินาจะชวนเธอไปดื่มต่อที่คลับหรูในกลางเมือง แต่หญิงสาวก็บ่ายเบี่ยงและขอกลับมาห้องได้ในที่สุด
ครืดดด ครืดดดด
ร่างบางที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินพันมาขนหนูออกมาจากห้องน้ำ ขณะที่เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนก็ถูกโพกด้วยผ้าคลุมผมอีกที มือเรียวเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นดังไม่หยุดก่อนที่เธอจะกดรับสาย
“ฮัลโหลว่าไงเวีย…” เสียงหวานเอ่ยออกไปก่อนที่เธอจะเดินไปนั่งที่ปลายเตียงนอนพร้อมกับดึงที่คลุมผมออก
(ทำไมรับสายช้าจังอ่า นี่ฉันโทรหาแกสองสายแล้วนะ)
“ขอโทษทีพอดีอาบน้ำเพิ่งเสร็จน่ะ ไม่ได้เอาโทรศัพท์เข้าไป”
(โอเค ๆ แล้วเย็นวันศุกร์แกว่างมั้ยอะ ไปงานเลี้ยงรุ่นพี่กับฉันหน่อยได้ไหม)
“วันศุกร์ตอนเย็นเหรอ” ร่างบางพูดทวนคำอย่างใช้ความคิดจริง ๆ เย็นวันศุกร์เธอไม่มีธุระต้องไปไหนแต่วันเสาร์เช้าเธอต้องไปถ่ายแบบเพราะยูรินัดเจอเธอที่สตูก่อนแปดโมงครึ่ง
(ใช่ คือฉันโทรไปชวนมินากับใบข้าวแล้วแต่สองคนนั้นไม่ยอมไปอะ แกพอจะไปเป็นเพื่อนฉันได้ไหม อยู่ไม่ดึกหรอก)
(ไม่เกิน 2 ทุ่มก็กลับแล้วนะ) ไอรีนนิ่งคิดขณะที่ปลายสายก็พูดเสียงอ้อนกับเธอไม่หยุด
“คือฉันน่าจะไม่สะดวกไปเหมือนกันอะลิเวีย พอดีวันเสาร์ตอนเช้าพี่ยูรินัดแต่เช้าด้วย”
(ฉันก็บอกอยู่นี่ไงว่ากลับไม่ดึก หรือว่าจริง ๆ แล้วแกโกรธที่วันนี้ฉันพูดกับแกไม่ดี)
(ถ้าเป็นแบบนั้นฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ ฉันปากไวพูดอะไรไม่ทันคิดน่ะ) ลิเวียเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความรู้สึกผิดจนไอรีนเริ่มรู้สึกลำบากใจเพราะมันไม่ได้เป็นอย่างที่ลิเวียคิด
“ไม่ใช่ลิเวีย ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย”
(งั้นถ้าแกไม่โกรธฉันจริง ๆ แกไปกับฉันได้ไหม)
(ไปกับฉันเถอะนะ ฉันไม่มีเพื่อนไปด้วยจริง ๆ จะไปคนเดียวก็รู้สึกยังไงไม่รู้)
“โอเค ๆ ฉันไปด้วยก็ได้ แต่อยู่ได้ไม่ดึกนะเวีย 2 ทุ่มฉันต้องกลับแล้วนะ” ร่างบางเอ่ยออกไปอย่างจนใจ เพราะไม่รู้จะยกข้ออ้างอะไรไปปฏิเสธเพื่อน
(น่ารักที่สุดเลยเพื่อนรักของเวีย...งั้นตกลงตามนี้นะ)
“โอเค ๆ ตกลงตามนี้”
(งั้นแค่นี้แหละ ฉันไม่กวนเวลาพักผ่อนของแกแล้ว เจอกันพรุ่งนี้นะเพื่อนรัก)
(เออไอรีน แล้วเรื่องที่แกได้ถ่ายแบบเสื้อผ้าของพี่ยูริน่ะฉันดีใจกับแกด้วยจริง ๆ นะ แล้วก็ขอโทษนะที่พูดอะไรออกไปแบบไม่คิดน่ะ)
“ไม่เป็นไรเลย ฉันเข้าใจแล้วก็ไม่ได้คิดมากอะไร”
(ได้ยินแบบนี้ก็ค่อยเบาใจหน่อย...งั้นฝันดีนะ)
“โอเคฝันดีจ้ะ” ร่างบางบอกฝันดีเพื่อนเสร็จพร้อมกับกดวางสายก่อนที่เธอจะพาตัวเองเดินไปแต่งตัวทาครีมบำรุงผิวก่อนนอนให้เรียบร้อย
ร่างอรชรเดินมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่ถูกปูทับด้วยผ้าปูสีฟ้าสะอาดตา บนเตียงรายล้อมไปด้วยหมอนนุ่ม ๆ และตุ๊กตาตัวนิ่มที่เธอมักจะเอามานอนกอดก่อนหลับไป มือเรียวสอดเข้าไปที่ใต้หมอนก่อนที่เธอจะหยิบรูปถ่ายใบเล็กขึ้นมา มันเป็นรูปถ่ายโพลารอยด์ที่เธอเคยถ่ายกับมาเฟียหนุ่มเอาไว้เมื่อ 15 ปีก่อน
มันคือสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่จะยืนยันการเคยมีอยู่ของเด็กหญิงอัยย์ลดา และมันก็คือภาพถ่ายที่เธอหวงแหนมากทีเดียว
“พี่ยังหล่อเหมือนเดิมเลย...ไม่สิหล่อมากกว่าเดิมอีก”
“แล้วพี่ก็ดูโตขึ้นมาก ๆ เลยด้วย ดูไม่เหมือนพี่ฮอลคนเดิมเลย” เสียงหวานพึมพำออกไปอย่างแผ่วเบาขณะที่นัยน์ตาคู่สวยก็จับจ้องไปที่รูปถ่ายใบเล็กในมือของเธอ มันอดที่จะอึดอัดไม่ได้ที่เธอทำได้แค่เพียงเก็บซ่อนความรู้สึกและตัวตนของเธอเอาไว้ ถึงแม้ว่าลึก ๆ แล้วเธอก็แอบหวังให้มาเฟียหนุ่มจำเธอได้ ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมานานถึง 15 ปีแล้วก็ตาม และเพราะจุดที่เธออยู่นั้นมันทำให้เธอไม่สามารถเปิดเผยตัวตนในอดีตของเธอได้และฮอลเองก็คงจะลืมเด็กผู้หญิงในอดีตอย่างเธอไปแล้วเช่นกัน...