‘เอาตัวเธอมาแลกสิ’
‘มาเป็นของเล่นให้ฉันสัก 6 เดือนแลกกับเงิน 50 ล้านที่ไม่ต้องดิ้นรนหามาคืน ไม่คิดว่าคุ้มค่าหรอกเหรอ’
‘แต่คนที่เลือกผู้ชายแบบนั้นมาทำพันธุ์ จะฉลาดพอยอมรับข้อเสนอของฉันได้หรือเปล่า หือ’
พิมรักพรูลมหายใจด้วยความไม่สบอารมณ์ มือขยุ้มเส้นผมจนมันชี้ฟูไม่เป็นทรง นอกจากจะต้องทำงานหลังขดหลังแข็งแล้ว ยังต้องนั่งงมหาวิธีหาเงินมาใช้หนี้อีกต่างหาก
เงินตั้งห้าสิบล้าน..
ต่อให้ทำงานจนลากเลือดก็คงไม่มีปัญญาหาทันสิ้นเดือนแน่นอน ข้าวของส่วนตัวที่พอจะขายออกได้ก็แทบไม่มีประโยชน์สักนิด ถึงจะได้เงินหลักล้านก็ขาดอีกหลายสิบอยู่ดี
ไอ้บ้านั่นกล้าดียังไงมาหลอกด่าว่าเธอโง่ อยากเย้ยหยันซ้ำเติมกันหรือไงที่เธอถูกแฟนเก่าป้อนหญ้าให้เป็นเดือน
ต้องการอะไรจากเธอกันแน่..
พิมรักหลับตาลงปรับอารมณ์ครู่หนึ่ง เธอไม่รู้เลยว่าณดลซุกซ่อนชู้รุ่นน้องไว้ที่คอนโด พอมีคนมาสะกิดต่อมไว้ใจมันก็เริ่มเกิดความระแคะระคาย
ตอนแรกเธอไม่เชื่อลมปากผู้ชายแปลกหน้า แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ยอมไปตามที่อยู่ที่ให้มา มันคงไม่มีอะไรเสียหายหากอีกฝ่ายเต้าเรื่องโกหกขึ้นมา
ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงก็ถือว่าเธอเชื่อคนง่ายเอง
แต่ใครจะรู้ว่ามันทำให้เธอหายโง่ในทันที..
นอกจากในกระดาษจะมีที่อยู่คอนโดลับ รหัสห้องก็มีให้พร้อมอีกต่างหาก คราแรกก็ช่างใจกลัวโดนข้อหาบุกรุก แต่ประจวบเหมาะพิมรักเห็นรถของณดลจอดอยู่พอดี
นั่นแหละจุดแตกหักของรักสามปี
‘อ๊า พี่หมออย่าแรงสิคะ’
‘ก็เธอสวยขนาดนี้ พี่จะอดใจไหวได้ยังไง’
ทั้งเสียงและภาพยังฉายซ้ำในความทรงจำ ภาพนั้นยังติดตาไม่หายเลยด้วยซ้ำ อยากควักลูกตาทิ้งแล้วเปลี่ยนสมองใหม่ให้ลืมภาพที่คนรักนอกกายเธอให้หมด
ทั้งที่ตั้งใจรักแต่กลับโดนทำร้ายไม่มีชิ้นดี..
“ไอ้ผู้ชายปากหมา แม่จะเอาเข็มเย็บปากให้” พิมรักกัดฟันกรอด ในหัวมีแต่คำพูดของเทียนอี้วกวนจนของขึ้น
อยากตะบันหน้าด้วยเข็มเบอร์สิบแปดสักที
“อุ้ย พี่ตกใจหมดเลยค่ะคุณหมอพิมรัก กำลังแช่งใครอยู่หรือเปล่าคะเนี่ย” เสียงใสกังวานของพยาบาลสาวเอ่ยขึ้น
เจ้าของใบหน้าสวยหันไปมองพร้อมกับระบายยิ้มหวานในทันที อันที่จริงก็แอบแช่งหมอนั่นอยู่ในใจนั่นแหละ
ขอให้ท้องเสียจนหน้าซีดเหอะ
“สวัสดีค่ะพี่เบล ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พิมแค่บ่นไปเรื่อย”
“ทำไมวันนี้หน้าซีดจังเลยล่ะคะ นี่เข้าเวรกี่ชั่วโมงแล้วเนี่ย”
“พิมเข้าตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น จนตอนนี้จะแปดโมงแล้วยังไม่ได้ออกเวรเลย”
ช่วงนี้เวรเยินเหมือนซ้ำเติมชีวิตเธอเข้าไปอีก..
เกือบสองวันที่พิมรักใช้เวลาคิดหาหนทางเอาเงินมาคืนเจ้าหนี้ โดยให้สัญญากับพ่อว่าเธอจะทำทุกทางให้พักพิงใจยังคงอยู่ แล้วก็จะหาค่าเทอมให้พลอยพิ้งค์น้องสาวมาให้ได้
พลอยพิ้งค์เป็นน้องสาวคนเล็ก กำลังเรียนแพทย์ศาสตร์ปีสองที่ใฝ่ฝันอยากเป็นสัตวแพทย์ในอนาคต เธอหารค่าคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยกับเพื่อน ไม่รู้เรื่องหนี้สินก้อนโตแต่อย่างใด
พิมรักเป็นพี่สาวคนโตเธอขอเป็นคนรับผิดชอบเอง..
“ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ คุณหมอเป็นถึงหน้าตาของวอร์ดศัลย์เราเลยนะ” พยาบาลเบลยิ้มหยอกเย้าด้วยความสนิทสนม
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะพี่เบล”
“ถ่อมตัวอีกแล้วนะคุณหมอ”
“อ้อ อันนี้ปากกาพี่เบลค่ะ มันติดมือพิมไปตั้งแต่เมื่อวาน”
ว่าแล้วก็หยิบปากกาลายมือคืนอีกฝ่ายไป ตอนจำเป็นต้องใช้ดันมือไวเอาไปก่อน พอจะคืนก็ดันลืมเสียได้ รู้ตัวอีกทีในกระเป๋าเสื้อกาวน์ก็มีปากกาเกือบห้าแห่งแล้ว
เป็นหมอที่ฉกปากกาเก่งแค่นั้นเอง
“โถ ปกติคุณหมอคนอื่นริบปากกาพี่ไปแล้วนะคะเนี่ย”
“มือไวไปหน่อย ขอโทษทีค่า”
พิมรักค้อมศีรษะเชิงขอตัวลา แล้วปลีกตัวไปทำงานในส่วนของตัวเองต่อ โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาสองคู่แอบดูเธออยู่ทุกการเคลื่อนไหว
เจ้าของใบหน้าคมคายมุ่นคิ้วเล็กน้อย หญิงสาวในชุดกาวน์สีขาวค่อนข้างดึงดูดสายตา ไม่ยักรู้ว่าตอนนั้นเป็นถึงนักศึกษาแพทย์กับเขาด้วย
แต่คุณหมอคนสวยใจเด็ดน่าดู..
เวลาผ่านไปสองวันแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมติดต่อกลับมา คงจะหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของตัวเองไม่น้อยเลยทีเดียว
อยากรู้เหมือนกันว่าจะหาเงินก้อนนั้นมาจากไหน หากไม่ยอมมาศิโรราบต่อหน้าผู้ชายที่เธอเคยปรามาสว่าลีลาทั่วไป ก็อย่าได้เรียกเขาว่าเทียนอี้เลย
“นั่นมันผู้หญิงคนนั้นนี่ครับคุณเทียน”
“เงียบเถอะ”
“เมื่อสี่ปีก่อน..”
“เมิ่งเหยา”
ตกช่วงเย็นหลังออกเวร พิมรักก็ขับรถกลับบ้านเป็นปกติเหมือนทุกวัน โดยไม่ลืมแวะซื้อข้าวมันไก่เจ้าประจำของพลกฤตติดมือกลับไปด้วย
เวลาเครียดก็ต้องหาอะไรรองท้องหน่อย หากท้องได้อิ่มแล้วก็คงจะคิดหาทางออกร่วมกันได้เอง
“พ่อคะวันนี้พิมซื้อข้าวมันไก่ร้านโปรดมาให้อีกแล้ว”
เธอเดินขึ้นไปยังชั้นสองข้างบ้าน เมื่อสำรวจชั้นล่างแล้วไม่พบผู้เป็นพ่อที่มักนั่งอ่านหนังสือประจำ ก่อนสายตาจะปะทะเข้ากับประตูห้องทำงานของพ่อที่เปิดแง้มไว้
ไม่รู้อะไรดลใจให้พิมรักรีบสาวเท้าผลักประตูเข้าไป ฉับพลันร่างกายก็แข็งทื่อเหมือนหุ่น เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อจ่อปลายกระบอกปืนเข้าหาขมับของตัวเอง
“พ่อจะทำอะไร อย่านะคะ พ่ออย่าทำนะ” พิมรักทิ้งถุงข้าวมันไก่ทันที ก่อนจะปรี่เข้าไปคว้ากระบอกปืนในมือพ่อเอาไว้
“พิมพ่อขอโทษนะลูก” พลกฤตที่คล้ายว่าได้สติร่ำไห้ แต่มือยังคงยื้อยุดฉุดกระชากไม่ยอมปล่อยปืนให้เป็นอิสระ
“พ่ออย่าทำ พิมขอร้อง พิมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพ่อ”
“พ่อขอโทษ..”
หยาดน้ำตาเอ่อคลอดวงตาคู่สวย ใจเต้นล่ำไม่เป็นส่ำด้วยความตื่นตระหนก แต่ยังคงประคับประคองให้มีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา พร้อมกับใช้โทนเสียงอ่อนโยนในการเกลี้ยกล่อม
“เรื่องหนี้พิมจะจัดการเอง ให้พิมช่วยพ่อนะคะ”
“แต่พ่อจะไม่ยอมขายลูกสาวกิน”
“ไม่.. มันไม่ใช่แบบนั้นนะคะพ่อ”
ผู้เป็นพ่อรู้สึกละอายใจ ที่ดันมีแวบหนึ่งของความคิดไม่เข้าท่าเข้ามาในหัว โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของลูกสาวเลยว่าจะเป็นยังไง หากพ่อยัดเยียดให้ลูกเป็นของเล่นมาเฟีย
เขามันเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องเลยสักนิดเดียว..
“พ่ออย่าไปคิดแบบนั้นเลยนะคะ พิมจะลองคุยข้อเสนอกับเขาดูก่อน แล้วจะต่อรองไม่ยอมให้เราเสียเปรียบแน่นอน”
“.....”
“พ่อก็รู้ว่าลูกสาวพ่อไม่ยอมคน จะไม่ยอมให้โดนเอาเปรียบฝ่ายเดียวแน่นอนค่ะ”
น้ำเสียงเด็ดขาดและมั่นคงของพิมรัก ทำพลกฤตร่ำไห้ออกมาหนักกว่าเก่า ทั้งสองพ่อลูกโผเข้ากอดกันแน่น หยาดน้ำตาเอ่อคลอดวงตาคู่สวยจะร่วงหล่นอยู่รอมร่อ
เงินไม่ตายยังไงก็หาใหม่ได้..
แต่ชีวิตของพ่อที่ดูแลเธอมาอย่างดีจะหาได้จากที่ไหนอีก
“พ่อขอโทษนะลูกพิม”
“พิมโอเคค่ะ ไม่ต้องห่วงพิมเลย”
พิมรักลูบแผ่นหลังปลอบประโลมอีกฝ่าย สายตาฉายแววเด็ดเดี่ยวเมื่อสถานการณ์บีบบังคับให้เธอไร้ทางเลือก
บางทีหนทางข้างหน้าอาจไม่ได้แย่อย่างที่คิดก็ได้..
“พ่อทำจิตใจให้เข้มแข็งก็พอ ที่เหลือพิมจัดการเองค่ะ”