5 ฐานะเมียขัดดอก

1568 Words
พิมรักจัดการหาข้าวหาปลาให้พ่อทาน นั่งพูดคุยกันในเรื่องสัพเพเหระเพราะไม่อยากให้เครียดกันไปมากกว่านี้ พยายามปลอบประโลมและแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้คนอ่อนไหวง่าย เวลานี้เธอต้องเข้มแข็งเท่านั้น.. กระทั่งนั่งเฝ้าผู้เป็นพ่อจนนอนหลับสนิท ให้แน่ใจว่าจะไม่มีความคิดที่จะทำร้ายตัวเองอีก พิมรักก็กลับเข้าห้องนอนตัวเองเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที โดยไม่ลืมเก็บปืนให้ห่างมือไว้ในที่มิดชิด พิมรักสวมเสื้อแขนกุดกับกางเกงสีเบสทรงสูง ให้ภาพลักษณ์สาวออฟฟิศที่กำลังจะไปบาร์ลับในย่านตัวเมือง ปกติเธอไม่ใช่คนแต่งตัวจัดจ้าน แค่ชอบใส่อะไรที่เดินเหินสะดวก อายุปีนี้ก็ย่างยี่สิบแปดปีเต็มแล้ว.. ไม่ใช่ปีของการเบญจเพสตามหลักความเชื่อ แต่เธอรู้สึกเหมือนเป็นปีชงของตัวเองไม่หยุดหย่อน สารพัดเรื่องถาโถมเข้ามาพร้อมกันแบบไม่ให้พักหายใจ ทั้งถูกแฟนหนุ่มที่วางแผนจะแต่งงานนอกใจ หนี้ก้อนโตที่ทำให้จนตรอกอย่างไร้ทางเลือก ที่หนักสุดก็คงเป็นการเจอผู้ชายอย่างเทียนอี้.. พิมรักขับรถยนต์ส่วนตัวออกจากบ้าน พร้อมกับเปิดแผนที่ของแองเจิลวิงคลับดูไปด้วย ใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่หมาย โดยระหว่างทางเธอก็พลอยเตรียมใจมาบ้างแล้ว หน้างานก็คงต้องดูกันอีกที.. เพราะบางอย่างมันก็เกินกำลังควบคุมเหมือนกัน ร่างบางเดินเข้าไปในคลับ ท่ามกลางอาการใจเต้นล่ำไม่เป็นส่ำ แต่พยายามเก็บสีหน้าเอาไว้ให้เป็นปกติที่สุด เสียงเพลงอีดีเอ็มและผู้คนเนืองแน่น โยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลง กลิ่นเหล้าและบุหรี่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ แต่สิ่งเดียวที่พิมรักกำลังมองหาคือเทียนอี้ต่างหาก เขาเป็นเจ้าของคลับโอ่อ่าขนาดนี้เลยเหรอ.. ไม่ได้นัดล่วงหน้ากันแบบนี้จะมีโอกาสได้เจอหรือเปล่า ระหว่างที่ความคิดตีกันพัลวัน พิมรักก็เดินตรงไปยังบอดีการ์ดร่างหนา เพื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์หาเจ้านายเขาให้อีกที ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่พอเห็นหญิงสาวตัวบอบบางเดินเข้ามาหา ก็พากันรุมจ้องมองไปที่พิมรักเป็นตาเดียว พลางเอียงใบหูเข้าหาเพื่อฟังเธอตะโกนพูดแข่งกับเสียงเพลง “ขอโทษนะคะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ “แต่ช่วยติดต่อคุณเทียนอี้ให้หน่อยได้มั้ยคะ บอกทีว่าฉันมาหา” “รบกวนแจ้งชื่อด้วยครับ” “พิมรักค่ะ” สิ้นประโยคนั้นเธอก็ก้าวถอยหลังสองสาวก้าว พลางเป่าลมร้อนผ่านริมฝีปาก กลบอาการประหม่าที่ตีตื้นขึ้นมากลางอก ยังไงทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ด้วยดี.. บอดีการ์ดประสานงานกันผ่านเครื่องสื่อสารที่เหน็บไว้ที่ใบหู สักพักก็หันมามองพิมรักพร้อมกับผายมือเชิงให้เธอเดินตามไป เพราะมีชายชุดดำหนึ่งคนเดินนำเธอไปก่อนแล้ว ร่างบางเดินตามไปอย่างว่าง่าย หัวใจกระสับกระส่ายเหมือนกินกาแฟเข้าแก้วที่แปดของวัน ทั้งที่เตรียมใจมาบ้างแล้วแต่ก็ยังประหม่าหนักมากอยู่ดี พิมรักเดินมาถึงชั้นสองหน้าห้องวีไอพี ชายชุดดำก็หันมาค้อมศีรษะให้ แล้วทิ้งเธอไว้โดยไม่บอกไม่กล่าวอะไรสักคำ เทียนอี้คงอยู่ในห้องนี้.. พอเปิดประตูเข้าไปก็พบเข้ากับคนที่ตามหา สายตาคมคายขยับมองพร้อมเหยียดยิ้มบนมุมปาก ราวกับรู้อนาคตอยู่แล้วว่าพิมรักจะปรากฏตัวต่อหน้าตน บอกแล้วว่าต้องซมซานมาซบอกเขา “ฉันยอมรับข้อเสนอของคุณค่ะ” ไม่ยืดเยื้อให้มากความ เธอแสดงจุดประสงค์ต่ออีกฝ่ายโดยทันที ทำเอาเทียนอี้ชักสีหน้าด้วยความประหลาดใจ “แต่ฉันมีข้อแม้” “ข้อแม้อะไร” “เรื่องระหว่างเราสองคนจะต้องเป็นความลับ” “ไม่อยากให้บอกใครเหรอ” “แล้วคิดว่ามันน่าบอกนักเหรอคะ” ฐานะเมียขัดดอก.. แค่ได้ยินชื่อเธอก็แทบไม่อยากให้ใครรู้แล้ว ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องเก็บเป็นความลับให้ถึงที่สุด “ก็บอกว่าเป็นผู้หญิงของเทียนอี้” “ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ” “ใครก็อยากอยู่ในตำแหน่งนี้ทั้งนั้น” “เว้นฉันไว้หน่อยก็แล้วกันนะคะ” พิมรักนิ่วหน้าคล้ายว่าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเดินเข้าไปทิ้งนั่งตัวข้างเขา ในแววตาฉายชัดว่าจริงจังกับสิ่งที่กำลังจะพูด “ข้อแม้ของฉันข้อแรก คือเราจะเจอกันแค่ 2 วันต่อสัปดาห์ จนกว่าจะครบกำหนดเวลา 6 เดือนที่คุณเสนอมา” “ไม่” “คุณ” “ฉันจะเจอเธอเมื่อไหร่ก็ได้ เวลาที่ฉันอยากจะเจอเธอก็ต้องมา” แผนที่คิดว่าจะใช้ต่อรองพังไม่เป็นท่า ดูแล้วเทียนอี้คงทำตามใจตัวเองมากกว่าเป็นฝ่ายรับฟัง แน่นอนสิเขามันพวกชอบใช้ท่าทีข่มขู่อยู่แล้วนี่ “เวลาฉันเป็นเงินเป็นทองเหมือนกัน” “แต่ฉันพร้อมจ่าย เธอเรียกมา ฉันเซ็นเช็คให้” “คิดว่าเงินของคุณมันซื้อได้ทุกอย่างเลยเหรอคะ” “ใช่สิ อยากได้ก็แค่ใช้เงินซื้อ เงินมันซื้อได้ทุกอย่างอยู่แล้ว” คนฟังเผลอเม้มปากเพราะเถียงไม่ออก ในโลกแห่งความจริงทุกอย่างล้วนหมุนไปด้วยเงินตราทั้งสิ้น บางทีก็ใช้มันเพื่อควบคุมบางสิ่งได้เหมือนกัน.. “ฉันใช้เงินเพื่อควบคุมชีวิตเธอพิมรัก เพราะฉะนั้นเธอไม่มีสิทธิ์มาต่อรอง มีแต่ต้องยอมตกอยู่ใต้อำนาจฉันเท่านั้น” “บ้าอำนาจ..” เทียนอี้ยกยิ้มอย่างนึกขบขัน เสียงพิมรักที่พูดกรอดไรฟันราวกับเคียดแค้นในตัวเขา ทำเอารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา ราวกับว่าชอบใจที่เห็นอีกฝ่ายเกรี้ยวกราด ช่วยไม่ได้เวลาคุณหมอโกรธก็ยิ่งสวยมาก.. “ขอโทษทีค่ะ ถือซะว่าฉันหลุดปากก็แล้วกัน” พิมรักแย้มยิ้มเชิงยียวน สายตาหลุบมองอีกฝ่ายที่ไม่เป็นเดือดเป็นร้อน ขณะที่กำลังรินเหล้าใส่แก้วด้วยสีหน้าราบเรียบ “ดื่มสิ รสชาติดีใช้ได้เลย” เขาเลื่อนแก้วเหล้ามาตรงหน้าเธอ พลางเปรยสายตามองเชิงออกคำสั่ง “พรุ่งนี้ฉันมีงานเช้าค่ะ” เธอปฏิเสธทางอ้อมแล้วยิ้มให้ตามมารยาท แต่เหมือนจะสร้างความไม่พอใจให้อีกฝ่าย “ฉันให้ดื่ม ไม่ได้อยากรู้เรื่องที่เธอพูด” ผู้ชายอะไรบ้าอำนาจเป็นที่สุด หรือเป็นพวกด้านชาไร้หัวใจอะไรเทือกนั้นหรอกเหรอ เหอะ บ้าชะมัด เจ้าของใบหน้าสวยหลุบตามองแก้วเหล้า พลางช้อนสายตาขึ้นมองเทียนอี้แล้วพ่นสิ่งที่คิดว่าทำให้ตนดูเหนือกว่า หรือเปล่านะ.. “ห้าพัน” “หือ” “แก้วละห้าพัน” เทียนอี้มีสีหน้าเรียบนิ่ง สายตาที่มองมาคาดเดาได้ยาก จนอ่านไม่ออกว่าเจ้าตัวนั้นคิดอะไร เขาไม่ตอบอะไร นอกจากหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา ในนั้นอัดแน่นไปด้วยแบงก์สีเทาหลายใบ จัดการหยิบมันขึ้นมาห้าใบแล้วยื่นไปตรงหน้าหญิงสาวแทนคำตอบ ลืมไปเงินแค่นี้คงไม่สะกิดขนหน้าแข้งหรอก.. “ดื่มสิ” “.....” “หรือต้องเพิ่มอีกห้าพัน” สาวเจ้าชักสีหน้าไม่พอใจ แต่พอนึกถึงสภาพเงินในบัญชีที่ติดลบอย่างหนัก เธอก็ปั้นยิ้มเสแสร้งส่งกลับไปให้ สุดท้ายพิมรักก็หยิบแก้วเหล้าขึ้นดื่ม พยายามเก็บสีหน้าให้เป็นปกติ ทั้งที่รสชาติมันบาดคอทั้งยังร้อนท้องไปหมด แล้วก็ไม่ลืมเก็บเงินห้าพันตรงหน้ากลับไปด้วย อย่าเรียกว่าหน้าเงินมันคือการแลกเปลี่ยนต่างหากล่ะ ยื่นหมูก็ต้องยื่นแมวสิ.. หากเทียนอี้เป็นพวกชอบโปรยเงินเล่นเหมือนเศษกระดาษนัก เธอก็จะเป็นคนกอบโกยเอาไว้ด้วยความเต็มใจเอง ยังไงก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วนี่ “เอาเบอร์โทรกับไลน์มาให้ฉันด้วย” เทียนอี้ยื่นโทรศัพท์ส่วนตัวส่งให้คนตรงหน้า ก่อนจะหันกลับมารินเหล้าอีกรอบ “ขอบอกไว้ก่อนนะคะ ว่าฉันไม่ค่อยว่างรับโทรศัพท์กับตอบข้อความคนอื่น นอกจากเรื่องงาน” “ถ้าติดงานไม่รับก็เข้าใจได้ แค่อย่าเมินสายฉันก็พอ” พูดจบเทียนอี้ก็ขยับสายตาขึ้นมอง ในแววตาลึกล้ำดูเข้าใจยาก จนพิมรักเลิกคิดที่จะอ่านความคิดของอีกฝ่าย เลยก้มหน้าพิมพ์เบอร์โทรศัพท์ พร้อมเพิ่มเพื่อนในไลน์แล้วส่งคืนเจ้าของ รอยยิ้มพึงพอใจนั่นทำเธอหัวเสียเป็นบ้าเลย “มานั่งนี่” “คือ..” “อย่าให้พูดซ้ำ” ระหว่างร็อคไวเลอร์กับเทียนอี้นี่อะไรดุกว่ากัน.. พิมรักลอบถอนหายใจที่ร้อนผ่าว รู้สึกกลิ่นเหล้าคละคลุ้งอยู่ในโพรงปาก ก่อนจะขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้อีกฝ่ายอย่างจำใจ มาเฟียหนุ่มกระตุกยิ้ม พลางวาดวงแขนโอบกระชับร่างบางมาประชิดกาย นิ้วมือเกลี่ยวนที่ปลายผมนุ่มของเธอเล่น “ฉันถามคุณตามตรง” “หือ” “คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่” พิมรักเงยหน้าถามไปตามตรง เพราะอีกคนดูสนุกที่ได้เล่นกับเธอเหลือเกิน ทั้งที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนด้วยซ้ำ อะไรที่ทำให้เขาพุ่งเป้ามาที่เธอกันแน่ “ฉันต้องการตัวเธอไงคุณหมอคนสวย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD