หลังจากเลิกเรียนปิ่นมุกขับรถกลับบ้านด้วยความเหนื่อยล้า มันไม่ใช่ว่าเธอจะเหนื่อยทางร่างกาย แต่มันเหนื่อยใจที่เธอมีเรื่องอยู่ในหัวเยอะแยะมากมาย
ทั้งเรื่องเรียน เรื่องเงินค่าเทอมที่พ่อเธอจะไม่ส่ง เพราะกำลังจะล้มละลาย และตอนนี้บ้านของเธอที่เป็นสมบัติประจำตระกูลก็กำลังจะถูกยึด
ทั้งยังเรื่องที่พ่อให้เธอจัดการเรื่องมาร์ตินอีก
เธอเดินเข้าไปที่ลิฟต์ของคอนโดหรู ก่อนที่จะทิ้งหลังพิงผนังลิฟต์อย่างคนหมดแรง
“ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ แบบนี้ด้วยนะ!”
ตาเธอแดง เหมือนในดวงตามันกำลังจะฉ่ำไปด้วยน้ำ แต่ก็มีเสียงดังของมือถือขึ้นมาในกระเป๋า
เธอควานหามือถือนั่น เพราะคิดว่าเป็นเพื่อนรักอย่างไอเดียที่โทรเข้ามา พวกเธอคุยกันทุกวันเป็นประจำ
Rrrrr
เธอมองหน้าจอ ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ซึ่งมันก็เป็นสายที่กระตุ้นต่อมน้ำตาเธอให้ไหลออกมาได้เป็นอย่างดี เธอปาดน้ำตาที่มันไหลอาบแก้มออก ก่อนที่จะก้มลงไปกดรับสาย และทำน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด
พ่อ : “ลูกปิ่น...เรื่องที่พ่อให้เข้าหามาร์ติน ไปถึงไหนแล้วลูก?”
“คือ...หนู...”
“พยายามหน่อยนะลูก...ทำเพื่อพ่อสักครั้ง ถ้าหนูได้ มาร์ติน หนูจะสุขสบายไปทั้งชาติเลยนะลูก...ลูกก็รู้ว่าพ่อรักบ้านหลังนี้มาก มันเป็นสมบัติของปู่ย่าที่ให้พ่อเอาไว้”
เสี่ยปืนพูดออกมาซะยาวหวังว่าจะให้เธอช่วยแก้ปัญหาในสิ่งที่เขาทำผิดพลาด ถ้าวันนั้นเขาไม่เล่นพนันจนติดงอมแงม ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาก็คงไม่ต้องลำบากขนาดนี้
เขาเลี้ยงลูกเพียงลำพังคนเดียว เพราะแม่ของปิ่นมุกประสบอุบัติเหตุจากไปตั้งแต่เธอพึ่งอายุได้สามขวบ
เสี่ยปืนเลี้ยงปิ่นมุกมาอย่างดี และตามใจลูกสาวทุกอย่าง เปรียบเหมือนดุจดังเธอเป็นเจ้าหญิงน้อยๆ ของเขา
เสี่ยปืนเสียใจมากที่ตัวเองเล่นพนันจนเกือบจะหมดตัว แต่ก็พยายามหาทางออกให้ลูกสาวได้ทุกอย่างคืนมา และมีชีวิตที่สุขสบาย เขาเลยให้ปิ่นมุกเข้าหามาร์ติน
“หนูพยายามทำอยู่ค่ะพ่อ...”
“เรามีเวลาอีกแค่ 3 วันนะลูก”
“หนูรู้แล้วค่ะ” เธอเงียบ กลั้นเสียงสะอื้น และพยายามกรอกตาให้น้ำตากลับไปที่เก่า
“แค่นี้ก่อนนะคะพ่อ...”
เธอสแกนนิ้วเปิดเข้าไปในห้อง มองเข้าไปโดยรอบห้องพลางเข้าไปทิ้งร่างที่เหมือนคนกำลังหมดแรงลงไปที่โซฟาตัวยาวกลางห้อง
“ถ้าพ่อไม่มีเงินจริงๆ ห้องนี้ฉันก็คงต้องขาย เพื่อมาส่งตัวเองเรียนสินะ”
คอนโดนี้พ่อซื้อให้ หลังจากที่ได้เงินประกันจากแม่เสียเพราะอุบัติเหตุ พ่อแบ่งเงินมาซื้อคอนโดราคาแพงให้ฉัน มันก็เท่ากับว่าสมบัติที่แม่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าก็คงมีแต่คอนโดนี้แหละ
เธอเดินไปหยิบรูปครอบครัวของเธอ ที่มีทั้งพ่อแม่ลูกพร้อมหน้า ในรูปนั้นเธออายุได้เพียงสามขวบ และก็อยู่ในอ้อมกอดของแม่
“แม่จ๋า..แม่ช่วยปิ่นด้วย ปิ่นไม่อยากเสียคอนโดนี้ และก็ไม่อยากเสียบ้านของพ่อไปเหมือนกัน”
เธอพูดพร้อมกับปาดน้ำตาออกจากแก้ม
“ฮือๆ” เธอร้องไห้ออกมาคนเดียวเป็นเวลานับชั่วโมง
แต่สิ่งที่เธอฉุดคิดได้ตอนนี้ เธอต้องอยู่ให้รอด และบ้านของเธอกับพ่อของเธอต้องปลอดภัย
เธอจะพยายามลองทำในสิ่งที่พ่อเธอต้องการดูสักครั้ง
ใช่ว่ามาร์ตินจะไม่หล่อ เขาทั้งหล่อ ทั้งเท่ห์ และดูดีมาก แต่เธอกลับมองเขาเป็นแค่ผู้ชายที่หล่อคนนึง ไม่คิดที่อยากจะครอบครอง และไม่มีความใคร่ให้มาร์ตินเลยสักนิด
เธอปาดน้ำตาออกอีกครั้ง ก่อนที่จะฉายแววตาแห่งความมุ่งมั่น
“ปิ่นจะพยายามทำเพื่อพ่อ และบ้านของเรานะคะ ยังไงแม่ก็ช่วยปิ่นด้วยนะ” เธอกอดรูปครอบครัวของเธอเอาไว้แน่น ก่อนที่จะงีบหลับไปทั้งน้ำตา
เช้าวันต่อมา
วันนี้ปิ่นมุก เธอแวะซื้ออาหารเจ้าดังที่เขารีวิวกันผ่าน โซเชียล และตรงมาที่คณะวิศวะที่มาร์ตินเรียนอยู่
“คนสวยคนนั้นมานั่งรอใครวะ?” เจมส์ กับ โอม วิศวะปี 3 รุ่นน้องของอีธาน ต่างซุบซิบกันที่เจอหญิงสาวสวยเซ็กซี่มานั่งอยู่ตรงม้าหินคณะ โดยไม่คุ้นตา
“อืม...กูก็เห็นนั่งอยู่นานแล้วนะ”
“พี่ติน” เธอเห็นเขาเดินเข้ามาที่คณะ เธอรีบลุกขึ้นโผเข้าไปหาชายหนุ่มหน้าคมทันที
“ไอ้เจมส์...กูว่าแล้วไง ดีไม่เข้าไปเสย เกือบโดนตีนลูกพี่แล้วดิ”
“ไอ้อีธานมึงจัดการดิ เดี๋ยวอาริสจะมาหากู กูไม่อยากให้เมียกูเข้าใจผิด” มาร์ตินหันไปร้องหาตัวช่วย และก็เหมือนจะเป็นตัวช่วยชั้นดี เพราะเป็นคู่ปรับกันมาก่อนหน้า
“คันมากหรือไงครับ...ถึงได้มาหาถึงคณะ มามะพี่ช่วย”
“ไอ้บ้า...ปล่อยฉันนะ”
“ชิป!”
“พี่ติน...” เสียงหวานเอ่ยเรียกเขามาแต่ไกลด้วยท่าทีที่สดใส
“พี่อีธานเขาลากใครไปเหรอคะ?” อาริสเดินสวนเข้ามานึกสงสัยเลยเอ่ยถาม
“พี่ติน...ช่วยด้วย” ในระหว่างที่อีธานลากเธอออกไป หญิงสาวขัดขืนเต็มที่ ทั้งในมืออีกข้างยังกำถุงอาหารที่ซื้อมาฝาก มาร์ตินไว้แน่น และหันมาร้องให้เขาช่วย
“ทำไมเธอร้องให้พี่ตินช่วย” อาริสมองหน้าทั้งสองอีกครั้ง
“แฟนไอ้อีธานมันอ่ะครับ มันทะเลาะกันเรียกให้พี่ช่วย”
“เหรอคะ”
มาร์ตินปาดเหงื่อจากขมับ ถ้าอีธานช้าอีกเพียงก้าวเดียว เขาคงโดนแฟนเด็กซักอีกยาว
“เธอมานี่!”
“ปล่อยฉันนะ”
“เธอจะมาที่นี่ทำพระแสงอะไรไม่ทราบ? หรือจะมาเสนอตัวให้ไอ้ตินเพื่อแลกกับหนี้ของพ่อเธอนะเหรอ หึ!” ใบหน้าคมเอียงคอถามพร้อมทำหน้าที่เย้ยหยัน
“ผู้ชายบ้าอะไรปากหมาชะมัด” เธอด่าเขาไปตรงๆ
“เออ! ระวังฉันจะปล่อยหมาไปกัดปากเธอก็แล้วกัน” เขาพูดพร้อมโน้มใบหน้าไปใกล้
“หยี...ถอยออกไปให้ห่างนะเหม็น”
“เหม็นบ้าบออะไร น้ำหอมของฉันขวดละเป็นแสน”
“ก็มันเหม็นหนิ”
“บุหรี่ฉันก็ยังไม่ได้สูบ...ท้องหรือไง? ไปโดนใครเขาปล่อยน้ำเข้าตัวมาล่ะ?” อีธานพูดพร้อมทำหน้าทะเล้น
“ไอ้...” เธอกำลังจะด่า แต่อีธานก็เอาอกแกร่งดันตัวเธอให้ชิดไปที่กำแพง จนเธอพยายามดิ้น
“หยุด...”
เธอหันหน้ามาส่งสายตาสู้กลับ เม้มปากตัวเองคิดคำพูดว่าเขาไปหวังจะให้เขาเจ็บแสบ และมันก็ได้ผล
“เหม็นขี้หน้า”
“โหย...ปากเก่งขนาดนี้ ต้องโดนของแข็งกระแทกปากซะหน่อยไหม?”
เขาพูดพร้อมมองนำสายตาไปที่เป้ากางเกงตุงๆ ของตัวเอง และมันก็ทำให้เธอรู้ว่าเขาสื่อถึงอะไร
“ไอ้เถื่อน”
“เคยเจอเอวเถื่อนๆ ไหมล่ะ?”
“ไอ้บ้า โรคจิต ประสาทแถมยังลามกอีก”
“โหย...ด่ามาเป็นชุด ฉุดขึ้นไปกระแทกบนรถซะเลยดีมั้ง”
“ปล่อยๆ ไอ้บ้าปล่อยนะ” เธอทุบไปที่อกแกร่งของอีธาน แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ยังมองมือบางอย่างเอ็นดู พลางเผลอยิ้มมุมปาก
“เธอเห็นผู้หญิงคนนั้นไหม?” อีธานรวบแขนเธอเอาไว้ ดันเธอเข้าไปกับกำแพงใต้ซอกตึก และชี้ให้ดูอาริสผู้หญิงที่นั่งข้างมาร์ติน เธอทำให้ใบหน้าของเพื่อนเขาที่ทุกๆ วันเอาแต่เคร่งขรึมได้ส่งยิ้มออกมาอย่างสดใสได้ในทุกๆ วัน เพราะอาริส
“ไอ้ตินมันมีคนของมันแล้ว และเธอก็ไม่ควรเข้าไปยุ่ง”
“แต่ฉัน...”
“ถ้าคันมากฉันช่วยเธอได้นะ”
“ไอ้บ้า...” เธอพยายามข่มอารมณ์โกรธลง และพูดกับเขาดีๆ อีกครั้ง
“แต่ฉันอยากจะคุยกับพี่มาร์ติน นายช่วยนัดเขาให้หน่อยนะๆ” เธอทำเสียงออดอ้อนผิดกับก่อนหน้านี้
อีธานมองหน้าเธอด้วยความแปลกใจ พร้อมใบหน้าที่มีแต่คำถาม
“นายช่วยฉันนัดเขาให้หน่อยฉันจะคุยเรื่องหนี้ นะๆ อ่ะฉันให้” เธอเอาอาหาร และขนมจากร้านดังที่ซื้อมาส่งให้เขา
“ใส่ยามาหรือเปล่า?” อีธานหรี่ตามองถุงอาหารนั่น
“ฉันไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นป่ะ!”
“เธอจะนัดคุยอะไรกับมัน”
“ก็เรื่องหนี้ของพ่อฉันนั่นแหละ”
“ที่ไหน?”
“ร้านนี้” เธอเปิดรูปร้านอาหารโชว์ไปที่ใบหน้าของเขา และรีบดึงมือกลับ
“โหย...มันเร็วขนาดนั้นฉันจะจำได้ไง”
“แล้วต้องยังไง?”
“เอาไลน์เธอมา”
“ต้องเอาไลน์เลยเหรอ”
“หรือจะไม่นัด”
“ก็ได้”
เธอเปิดคิวอาร์โค้ชให้เขาสแกน ก่อนที่อีธานจะส่งสติ๊กเกอร์หัวใจทักเธอมาก่อน
“สติ๊กเกอร์อื่นไม่มีหรือไง?” เธอก้มมองพรางบ่นพึมพำ แต่เขาก็ได้ยิน
“ก็มันอยู่อันแรก”
“ชิ! ใช้บ่อยมันก็อยู่อันแรกดิ”
“เธอไม่ต้องมาหึง ฉันก็ส่งให้สาวๆ ทั่วไปนะแหละ” อีธานก้มหน้าพูดพร้อมเมมชื่อเธอไว้ในไลน์
“หึง! ชิ!” เธอแอบเงยหน้ามองเขา ก่อนที่จะหลบสายตาก้มหน้ามองมือถือต่อ และส่งรูปร้านอาหารที่จะนัดมาร์ตินไปในคืนนี้ให้เขาดู
“ร้านนี้นะ 3 ทุ่ม”
“ทำไมต้อง 3 ทุ่ม”
“ก็ฉันว่างตอนนั้น”
“แล้วระหว่างนั้นเธอไปไหน?”
“ฉันซ้อมหรีดคณะก่อน”
“เป็นหรีดด้วย”
“อืม”
“จะบอกว่าสวยว่างั้น?” อีธานเลิกคิ้วถาม
“ไม่ต้องบอกก็หน้ามันฟ้องป่ะ”
“หึ” เขาหัวเราะในลำคอที่เธอตอบเขาออกเชิงทะเล้น
“อ่ะของกิน ฉันให้นาย”
เธอเอาถุงอาหารยัดใส่มือเขาก่อนที่จะเดินกลับไปที่รถ