แมวขโมย

1781 Words
2 แมวขโมย ความมีชีวิตชีวากลับคืนสู่คฤหาสน์แม้ยังเป็นเวลาเช้าตรู่ที่ท้องฟ้ายังไม่สาง แต่เสียงเจื้อยแจ้วของบรรดาแม่บ้านก็ดังพอขจัดบรรยากาศเงียบงันในอาณาจักรของเจ้าสัวล้อมเดชได้ “ตานพๆ นี่มันรองเท้าใครหว่า” แย้มบุ้ยปากไปที่รองเท้าส้นสูงสีขาวที่ถอดวางไว้ตรงประตูหลังบ้าน มานพยืนจ้องรองเท้าคู่นั้นด้วยความรู้สึกคุ้นเคย ก่อนนึกออกว่าเมื่อวานเห็นลูกสาวเอาออกมาจากเป้แล้ววางไว้ที่บ้านพักคนงาน “อืม ไม่แน่ใจเหมือนกันนะพี่แย้ม” ในวัยสี่สิบเจ็ดปีมานพเรียนรู้ว่าไม่ควรปากไว ไม่ว่าคนนั้นจะสนิทใจด้วยแค่ไหนก็ตาม “ของยัยหนูพิณหรือเปล่า แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นลูกสาวแกใส่ส้นสูงเลยนะ หรือจะเป็นผู้หญิงของคุณจรณ์?” “อืม คงงั้นมั้ง เมื่อคืนแกให้ผมโทร.หาเด็กแกอยู่” แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่รับสาย ก็ไม่รู้ว่าเจ้านายจะโทร.หาคนอื่นอีกหรือไม่ “แหม ทำตัวอย่างกับโจรเลยเนอะ ทางเข้าข้างหน้าดีๆ มีไม่เข้า ดันมาตรงหลังบ้าน” “สงสัยจะชอบอะไรที่มันเร้าใจมั้งป้าแย้ม แบบว่าทำตัวเป็นโจรสาวมาล่าสวาทคุณชายอะไรแบบนี้” สาวใช้วัยสามสิบปลายๆ ออกความเห็นพลางป้องปากหัวเราะ แย้มเขม่นมองตาขุ่นแทนการตำหนิด้วยวาจา “เดี๋ยวผมจะหิ้วรองเท้านี้ไปไว้ที่หน้าบ้านละกัน” มานพถือรองเท้าส้นสูงที่คุ้นตาแล้วอ้อมไปด้านหน้าคฤหาสน์แทนการเดินทะลุเข้าไปด้านใน เขารู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรก็ไม่รู้ ยิ่งมองรองเท้าในมือก็ยิ่งคุ้นตาจนใจเต้นในจังหวะไม่ปกติ เวลานี้เพิ่งจะหกโมงเช้า แน่นอนว่าคนที่เมามายอย่างคุณจรณ์ย่อมยังไม่ตื่น ส่วนเจ้านายคนอื่นก็มีกำหนดกลับเมืองไทยในช่วงเย็นนี้ มานพเงยมองกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่รอบบริเวณบ้าน ซึ่งเขานั้นถือเป็นหนึ่งคนที่สามารถเช็กกล้องวงจรปิดในบ้านได้ คิดได้ดังนั้นมานพจึงฉวยโอกาสเข้าไปที่ห้องศูนย์ควบคุมที่ตั้งอยู่ชั้นล่างติดกับห้องหนังสือ ตรงส่วนนี้เป็นศูนย์รวมของวงจรไฟฟ้าในบ้านทั้งหมด รวมทั้งกล้องวงจรปิด มานพไล่ดูภาพบันทึกเหตุการณ์จากเมื่อคืน กระทั่งได้ความกระจ่างชัดว่ารองเท้าปริศนาคู่นี้เป็นของพิณลดาจริง มานพตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่าต้องลบช่วงเหตุการณ์ที่มีลูกสาวอยู่ในกล้องทิ้งให้หมด แล้วจากนั้นก็วิ่งหน้าตั้งขึ้นไปบนชั้นสาม “ขอให้ไม่ใช่อย่างที่คิดทีเถอะ” มานพพนมมือไหว้ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขณะยืนอยู่หน้าห้องจรณ์ ก่อนลงมือเคาะ ทว่ารอแล้วรอเล่าก็ยังไร้การเคลื่อนไหวจากด้านใน และเมื่อมานพลองสัมผัสลูกบิดแล้วปรากฎว่าเปิดได้ จึงถือวิสาสะเข้าไปด้านใน “พิณ!” มานพมือสั่นเทา รู้สึกชาวาบไปทั่วร่างกับภาพลูกสาวนอนแนบแก้มบนอกเปลือยของเจ้านาย แต่เขาจะมัวช็อกอย่างนี้ไม่ได้ ฟ้ากำลังสว่างขึ้นทุกขณะ บรรดาคนงานก็ป้วนเปี้ยนอยู่เต็มบ้าน มานพรีบจ้ำพรวดไปดึงแขนลูกสาวให้รู้สึกตัว พิณลดางัวเงียเช่นเดียวกับจรณ์ “พ่อ!” ดวงตาปรือปรอยพลันเบิกกว้างพลางดึงผ้าห่มปกปิดส่วนโป๊เปลือย จรณ์ขยี้ตางัวเงียมองมานพก่อนหันมาทางหญิงสาวบนเตียงที่ดูไม่คุ้นหน้า “เธอเป็นใคร” “ลูกทำอะไรลงไป ทำแบบนี้ได้ยังไง” “พ่อฟังก่อนนะ พิณอธิบายได้” พิณลดาละล่ำละลักและเขยิบถอยห่างจากจรณ์ เธอไม่กล้าลงจากเตียงในสภาพนี้ เพราะเขาเองก็เปลือยเปล่าเช่นกัน เมื่อคืนเธอไม่น่าเผลอไผลกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่าจนหมดแรงเลย มิเช่นนั้นคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น “พ่อเหรอ? นี่... นี่ลูกสาวคุณมาอยู่บนเตียงผมได้ยังไง” “คือ... คือหนูอธิบายได้ค่ะ” “งั้นก็อธิบายมา!” เขากระชากเสียงใส่จนเธอผวาตกใจและเลือกเบือนหนีไม่สบดวงตากร้าวคู่นั้น มานพเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาให้เจ้านาย เมื่อพิณลดาเห็นว่าเขาลงจากเตียงในสภาพที่ไม่อุจาดตาใครแล้วเธอจึงลุกลงไปบ้าง “มันเกิดอะไรขึ้นพิณ ทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ นี่เจ้านายของพ่อนะ” “หนูขอโทษค่ะพ่อ ขอโทษค่ะคุณจรณ์ หนูผิดไปแล้ว” หากไม่ติดว่าต้องใช้มือกำผ้าห่มบังหน้าอกไว้ เธอก็จะก้มกราบเท้าพวกเขาทั้งสองคนตอนนี้เลย “บ้าเอ๊ย! ทำไมคุณถึงปล่อยลูกสาวขึ้นมาที่นี่ได้ มันไม่ควรเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทุกคนในบ้านนี้จะรู้ไม่ได้เด็ดขาด!” จรณ์ดุมานพเสร็จก็หันดวงตาวาววาบมาทางหญิงสาว “หรือเธอมีแผน เธอสองพ่อลูกมีแผนร้ายกาจใช่ไหม คิดจะจับฉัน หรือต้องการแบล็กเมลใช่ไหม!” “ไม่ใช่เลยนะครับ ผมไม่ได้ต้องการทำร้ายใครในบ้านหลังนี้ ผมขอโทษที่ดูแลลูกไม่ดี” มานพพนมมือไหว้ปรกๆ ก่อนหันไปทางลูกสาว “อธิบายมาสิพิณว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง” “พิณ... คือพิณแอบไปกินเหล้ากับเพื่อนมา และนึกขึ้นได้ว่าตอนบ่ายที่มาช่วยป้าแย้มทำความสะอาดห้องนี้ พิณไม่ได้วางของบนโต๊ะทำงานตัวนั้นไว้ที่เดิม พิณก็แค่กลัวป้าแย้มจะโดนดุก็เลยตัดสินใจเข้ามาในห้องโดยพลการ และมันก็...” “...” “ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะหนูเมา หนูไม่รู้จักควบคุมสติ หนูขอโทษค่ะ สัญญาว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ และต่อไปนี้จะไม่มาให้คุณเห็นหน้าด้วยค่ะ” “ดี! มันก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ ฉันเกลียดมากคนที่ฉวยโอกาสชอบทำตัวเหมือนแมวขโมย และฉันก็ไม่เชื่อที่เธอพูดหรอกนะ ฉันว่าเธอคงแอบขโมยอะไรไปจากห้องนี้แล้วพอรู้สึกผิดกลัวโดนจับได้ก็เลยเอามาคืน หรือไม่ก็ตั้งใจมาขโมย เพราะรู้ว่าเวลานั้นไม่มีใครอยู่บ้าน หรือเธอคาดหวังว่าพอฉันเมาก็จะเอาเธอขึ้นมา” พิณลดาเงยสบดวงตาระอุร้อนของเขา ทั้งเสียใจ เสียความรู้สึก จรณ์โจมตีอย่างมั่นใจว่าเธอมีเจตนาร้าย กล่าวหาว่าเธอแอบย่องมาเพื่อขโมยของ และต้องการจะมีอะไรกับเขาอย่างงั้นเหรอ? “ไม่จริงเลย หนูไม่ได้ขโมย ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้น” “ผมขอโทษครับคุณจรณ์ ผมสัญญาว่าจะไม่มีใครในบ้านหรือนอกบ้านได้รู้เรื่องนี้” “ผมเชื่อใจคุณได้ใช่ไหมคุณมานพ” จรณ์กลับมาเยือกเย็น สีหน้าเรียบนิ่งแต่ดวงตายังน่ากลัวสำหรับเด็กสาววัยสิบแปดปี “ครับ คุณจรณ์เชื่อใจผมได้ ผมรับปากว่าเจ้าสัวหรือคุณจักรจะไม่มีทางล่วงรู้เรื่องนี้ ผมขอโทษแทนลูกสาวด้วยครับ ผมผิดเองที่ไม่ดูแลและอบรมสั่งสอนให้ดี” มานพไม่คาดคิดว่าลูกสาวที่น่ารักจะทำตัวเหลวแหลกแบบนี้ แม้ผิดหวังแต่ในขณะเดียวกันก็เริ่มสงสารเมื่อลูกก้มหน้าร้องไห้กระซิก “ผมจะให้เงินคุณก้อนหนึ่งถือเป็นค่าเสียหายก็แล้วกัน” “ไม่ต้องหรอกครับคุณจรณ์ ผมไม่ได้มีเจตนาร้าย” “รับไว้เถอะ และพาลูกสาวของคุณออกไปจากบ้านหลังนี้ รวมทั้งตัวคุณด้วย เย็นนี้ทันทีที่พ่อผมกลับมาคุณต้องไปบอกเขาว่าขอลาออก จะอ้างเหตุผลอะไรก็ช่าง แต่คุณทำงานที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว ผมไว้ใจคุณไม่ได้” “ขอร้องล่ะค่ะ อย่าไล่พ่อออกเลยนะคะ ฉันเป็นคนผิด จับฉันเข้าคุกก็ได้ค่ะ” เธอบ้าไปแล้วหรือไร จะให้เขาจับเธอเข้าคุกในข้อหาเสพสังวาสกับเขางั้นเหรอ แบบนั้นมันได้ที่ไหนกัน ครั้นจะกล่าวหาว่าลักทรัพย์ก็ไม่มีหลักฐาน แถมยังทำตัวน่าสงสารร้องไห้น้ำตาอาบเลอะเต็มแก้ม จรณ์ไม่ชอบเวลาผู้หญิงงอแง มันให้ความรู้สึกงี่เง่าน่ารำคาญ ก็เพราะแบบนี้ไงเขาถึงไม่อยากแต่งงานร่วมชีวิตกับใคร “ไม่เป็นไรพิณ ก็สมควรแก่เหตุแล้วที่เป็นแบบนี้” มานพเข้าใจจรณ์ ในเมื่อลูกน้องทำผิด ทั้งยังทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจแล้วมีเหตุผลอะไรที่เจ้านายต้องเลี้ยงไว้ข้างแคร่ จรณ์ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าถึงอย่างไรมานพก็อยู่ที่นี่ไม่ได้ เขาไม่เคยใช้ชีวิตร่วมกับความประมาท การตัดไฟตั้งแต่ต้นลมคือคติที่เขายึดถือมาตลอดยามเผชิญกับเหตุการณ์เสี่ยง จรณ์มองหญิงสาวที่สะอื้นไห้อย่างน่าสงสาร แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นหยดเลือดเล็กๆ สองหยดบนผ้าปูที่นอน เวรละ! หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่คิดนะ เธออายุเท่าไรกันวะ อย่าบอกนะว่าเขาเป็นคนทำลายเยื่อพรหมจรรย์น่ะ ของแบบนั้นมันมีอยู่จริงด้วยเหรอ? ยิ่งคิดจรณ์ก็ยิ่งหงุดหงิดและอึดอัดใจ เขาไม่ชอบนอนกับสาวซิง ไม่อยากเป็นผู้ชายในความทรงจำของใคร เห็นทีคงต้องรีบจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็สาวเท้าไปตรงโต๊ะทำงาน หยิบสมุดเช็คขึ้นมาเขียนยิกๆ แล้วเดินกลับมายื่นให้มานพ “ค่าเสียหายหนึ่งล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้รวมค่าชดเชยที่คุณต้องตกงานด้วย” จรณ์เบือนหน้าไปทางหญิงสาวที่ยังยืนหลังชิดกำแพง “หวังว่าเธอคงพอใจกับเงินจำนวนนี้นะ จริงๆ เธอไม่ควรจะได้อะไรด้วยซ้ำ เธอคือคนผิด” แววตาของพิณลดาสับเปลี่ยนจากเสียใจเป็นโกรธเกลียด เขามันทุเรศ เย็นชา ไร้หัวใจ ไม่มีความเมตตา ทั้งยังกล่าวหาว่าร้ายเธออย่างรับไม่ได้ ยอมรับว่าผิดที่เธอใจง่าย แต่เขาไม่ผิดเลยงั้นเหรอ ความผิดสักเศษเสี้ยวเดียวเขาก็จะไม่รับไว้เลยใช่ไหม หากคืนที่ผ่านมาเขามีสติและมองหน้าเธอให้ชัดๆ ก็คงไม่มีเรื่องเกินเลยเกิดขึ้น ไม่สิ... มันไม่ควรจะโทษใคร เธอนั่นแหละที่ผิด เธอไม่เข้มแข็งพอจะปฏิเสธเขา ทั้งโง่และใจง่าย พิณลดาสมเพชตัวเองเหลือเกิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD