ขยันพูดให้เจ็บช้ำ 1

1868 Words
ศยามลเดินตามเสี่ยอำนาจ พร้อมด้วยลูกน้องคนสนิทอย่างลุงเกียรติ ออกมาจากโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ตรงไปยังรถยนต์ที่จอดรออยู่ด้านหน้าโรงพยาบาล หลังจากเข้าไปพบแพทย์ตามนัดเสร็จเรียบร้อย “พริกลาเสี่ยตรงนี้เลยนะคะ พริกจะไปซื้อของต่อ” ศยามลเอ่ยบอก เมื่อเดินมาส่งเสี่ยอำนาจที่รถ “แล้วหนูจะเข้าไปที่บ้านไหม พาตาเสือไปกินข้าวที่บ้านหน่อย ฉันไม่ได้เห็นหน้าลูกชายตัวดีเป็นอาทิตย์แล้วมั้ง” “ได้ค่ะ เดี๋ยวพริกจะโทรชวนคุณเสือเข้าไปนะคะ แต่พริกไม่รับปากนะคะ ว่าคุณเสือจะไปหรือเปล่า” “งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันโทรไปเองดีกว่า เดี๋ยวมันจะพาลโกรธหนูอีก” “ก็ดีเหมือนกันค่ะ” “ไปเถอะ” “ค่ะ รถยนต์ของเสี่ยอำนาจเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ศยามลจึงเดินไปยังรถยนต์ของตัวเองบ้าง รถยนต์ที่เสี่ยอำนาจซื้อให้ เพื่อให้เธอใช้เวลาเดินทางไปที่บ้านใหญ่ อีกทั้งยังส่งเธอไปเรียนขับรถด้วยซ้ำ แม้เธอจะบอกว่าไม่เป็นไร ทว่าเมื่อเป็นคำสั่งของเสี่ยอำนาจ เธอก็ไม่มีสิทธิ์ค้านใด นั่นยิ่งทำให้พยัคฆ์ไม่พอใจ คิดว่าเธอออดอ้อนขอร้องให้เสี่ยอำนาจซื้อรถให้ จากที่พยัคฆ์มองเธอติดลบไปในคราแรก ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก “คุณพริกครับ คุณพริก” เสียงร้องเรียกดังขึ้นจากทางด้านหลัง พร้อมกับเจ้าของเสียงที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา “มีอะไรคะ” ศยามลเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มบาง มองเภสัชกรหนุ่มที่ยืนหอบเหนื่อยอยู่ตรงหน้า “ผม...ผม...ลืม ไม่ใช่ลืม ยาครับ เอายาให้คุณพริกไม่หมด” ศยามลหัวเราะออกมาเบาๆ ยื่นมือไปรับยาจากมือของเภสัชหนุ่ม “ขอบคุณนะคะ” “ขอโทษด้วยนะครับ ดีนะที่คุณพริกยังไม่ได้กลับ ไม่อย่างนั้นแย่เลย คงต้องรื้อประวัติคนไข้ให้วุ่นไปหมด” “ค่ะ แค่นี้ใช่ไหมคะ” “ครับ” “งั้นพริกขอตัวกลับก่อนนะคะ” เภสัชกรหนุ่มยิ้มให้ ศยามลจึงเดินออกมา พร้อมกับเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวดังขึ้น คิ้วเรียวเลิกขึ้นเมื่อเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาหา “ค่ะ” (อยู่ไหน) เสียงห้วนดังมาตามสาย พาให้ศยามลกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย “มีอะไรหรือเปล่าคะ” (ห่างฉันไม่ได้เลยนะ อ่อยผู้ชายไปทั่ว แม้แต่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็ไม่เว้นอย่างนั้นเหรอ) ศยามลรีบหันมองไปรอบกาย และก็อยากจะกัดลิ้นตัวเองตายไปซะตอนนี้ เมื่อเห็นพยัคฆ์ยืนอยู่ด้านข้างบริเวณร้านขายกาแฟ เขาออกมาตอนไหนกัน ตอนที่เธอออกมาจากบ้าน ชายหนุ่มยังไม่ตื่นเลยนี่น่า “พริกไม่ได้ทำอย่างที่คุณกล่าวหา” (เห็นเต็มตา) “พูดไปก็จะหาว่าแก้ตัวน้ำขุ่นๆ” (นี่เธอกวนอารมณ์ฉันเหรอพริก) ทว่ายังไม่ทันที่ศยามลจะเอ่ยตอบ ประตูร้านกาแฟก็ถูกเปิดออก ด้วยฝีมือของผู้หญิงที่ชื่อเบญญา สายตาของคนทั้งสองมองสบกัน แม้จะอยู่ไกลทว่าศยามลก็คิดว่าตัวเองตาดีพอสมควร ที่เห็นเรียวปากของพยัคฆ์ยกยิ้มขึ้นราวกับกำลังสะใจ หญิงสาวจึงเลือกที่จะตัดสายทิ้ง และหมุนตัวเดินไปยังลานจอดรถ ไม่คิดจะสนใจพยัคฆ์กับผู้หญิง คนที่ชายหนุ่มออกปาก ว่าอยากจะจีบแต่อย่างใด “มีอะไรหรือเปล่าเสือ” เบญญามองตามสายตาเพื่อนที่มองไป ก็ไม่รู้ว่าเพื่อนมองอะไร เพราะมีแต่คนเดินไปมา “ไม่มีอะไรหรอก รีบไปดูไอ้ณัฐเถอะ ป่านนี้ขี้แตกคาเตียงแล้วมั้ง” “ดูพูดเข้า ไปเถอะ” เบญญาเดินนำไปยังห้องฉุกเฉิน ที่มีณัฐรณนอนอยู่ในนั้น สาเหตุก็มาจากอาหารเป็นพิษ จนต้องโทรเรียกเธอและพยัคฆ์ให้พามาโรงพยาบาลเร่งด่วน ส่วนพยัคฆ์ก็ยังไม่วาย มองไปยังทิศทางที่ศยามลเดินไป พร้อมกับลมหายใจที่ผ่อนออกมาหนักๆ กล้ามากนะ ที่ตัดสายโทรศัพท์เขาทิ้งและเดินหนีไป เรื่องที่ยืนคุยหัวเราะต่อกระซิกกับผู้ชายคนนั้นยังไม่ได้สะสาง ก็มาสร้างเรื่องใหม่ให้เขาโมโหอีกแล้วสินะ ศยามลหอบหิ้ววัตถุดิบที่จะใช้ทำอาหารเย็น เข้ามาภายในบ้านของเสี่ยอำนาจอย่างคุ้นเคย ตรงไปยังห้องครัวที่มีป้านวล แม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่อยู่ในนั้น “สวัสดีค่ะป้านวล” “สวัสดีค่ะคุณพริก ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยคะ” “ของที่จะทำกินเย็นนี้ค่ะ เห็นว่าเสี่ยจะโทรบอกคุณเสือมาทานข้าวเย็นด้วย พริกก็เลยซื้อของมาเตรียมทำของโปรดให้คุณเสือด้วยค่ะ” “แหม คุณพริกนี่น่ารักจริงๆ เลยนะคะ รู้ใจคุณเสือไปหมดซะทุกอย่าง” “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ พริกก็แค่ต้องเรียนรู้ว่าคุณเสือชอบหรือไม่ชอบอะไร ไม่อยากทำอะไรที่คุณเสือไม่ชอบค่ะ ป้านวลก็น่าจะรู้นะคะ ว่าคุณเสือเขารักพริกจะแย่” เอ่ยประชดในประโยคสุดท้าย “ดูพูดเข้า มาค่ะ เดี๋ยวป้าช่วย คุณพริกมาเหนื่อยๆ ไปนั่งพักเถอะค่ะ” “ไม่เป็นไรค่ะป้านวล ป้านวลนั่นแหละไปนั่งพักเถอะ ถ้าให้เดาคงทำนั่นทำนี่ตั้งแต่เช้าไม่ได้หยุดใช่ไหมคะเนี่ย เดี๋ยวก็ได้หน้ามืดกันพอดี แล้วอีกอย่างไม่ต้องเรียกพริกว่าคุณแล้วนะคะ บอกกี่ครั้งแล้ว ป้านวลก็ยังเรียกอยู่เหมือนเดิม พริกไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไรเลยค่ะ” “ได้ที่ไหนกันคะ คุณพริกคือเมียคุณเสือ ก็เปรียบเสมือนเจ้านายป้าอีกคน” “ป้านวลก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เรียกพริกเฉยๆ ก็พอค่ะ เรียกคุณเดี๋ยวพริกอายุสั้น” “แต่ป้าว่า...” “ไม่มีแต่ทั้งนั้นค่ะ ถ้าป้านวลบอกว่าพริกเป็นเมียคุณเสือ งั้นก็หมายความว่าพริกคือเจ้านายป้านวลอีกคน เพราะฉะนั้นป้านวลต้องทำตามคำสั่งพริก ถ้าไม่ทำพริกจะหักเงินป้านวล เข้าใจไหมคะ” แสร้งทำเสียงดุใส่ แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้ม “มากเกินไปหรือเปล่า! ป้านวลคือคนของบ้านหลังนี้ เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้ป้านวลทำนั่นทำนี่ตามอำเภอใจ และยังจะมาหักเงินป้านวลอีก มีสิทธิ์อะไรไม่ทราบ” ศยามลรับรู้ถึงชะตากรรมของตัวเองต่อจากนี้ได้ทันที ว่าตัวเองจะโดนอะไรบ้าง ส่วนป้านวลนั้นเริ่มหวั่นใจ กลัวเรื่องราวจะบานปลายไปใหญ่โต เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง “คุณเสือ...” คนโมโหไม่คิดจะฟัง เอ่ยแทรกเสียงห้วนเพราะโมโห “ป้านวลไม่ต้องพูด หรือคิดจะแก้ตัวอะไรให้ผู้หญิงคนนี้ทั้งนั้น ป้าก็เห็นไม่ใช่เหรอครับ ว่าผู้หญิงคนนี้วางอำนาจขนาดไหน คิดว่ามีคุณพ่อถือหาง จะพูดจาหรือทำอะไรกับใครก็ได้อย่างนั้นหรือไง เธอนี่มันน่ารังเกียจชะมัด คางคกขึ้นวอ” “ถ้าพริกบอกว่าคุณเสือเข้าใจผิด คุณเสือจะเชื่อไหมคะ” ใช้ความนิ่งสยบความบ้าคลั่งของคนตรงหน้า ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้ผลอะไรสำหรับเธอ “ฉันไม่จำเป็นต้องฟังคำแก้ตัวของเธอ คนอย่างเธอก็คงถนัดใช้ปากทำงาน สั่งนั่นสั่งนี่จนเคยตัวนั่นแหละ” ศยามลขี้คร้านจะต่อล้อต่อเถียง แต่ป้านวลที่เป็นต้นเหตุของความเข้าใจผิดทนไม่ไหว “แต่คุณเสือคะ” “ถ้าป้านวลยังไม่หยุดพูด ผมจะโกรธป้านวลด้วยอีกคนนะครับ” “พอเถอะค่ะป้านวล ไม่ต้องพูดอะไรแล้วค่ะ ในเมื่อคุณเสือเขาปักใจเชื่อแบบนั้น ก็ตามนั้นเลยค่ะ” ยิ่งพูดยิ่งยืดเยื้อมากความ ศยามลจึงเลือกที่จะตัดบทลงซะ คว้าถุงปลาที่ซื้อมาจากตลาดเดินไปยังอ่างล้างจาน เมื่ออีกคนเลือกที่จะจบ พยัคฆ์จึงฟึดฟัดเดินออกจากห้องครัวไป “ถ้าไม่โทรตาม ก็ไม่คิดจะโผล่หน้ามาหาเลยนะ” เสียงเสี่ยอำนาจดังออกมาจากห้องนั่งเล่น ปิดสมุดบัญชีค่าเช่าแผงที่ตลาดลง เมื่อเห็นลูกชายเดินเข้ามาหา “ลูกเต้าเมื่อไหร่จะมีสักที ถ้ามันไม่มีน้ำยาก็ไปหาหมอเถอะ อย่าฝืนเลย” พยัคฆ์กลอกตาใส่บิดา ที่เห็นหน้ากันยามใด ก็ประชดประชันกระแนะกระแหนใส่กันทุกครั้งไป “ลูกผมคงไม่อยากมีแม่เป็นยัยพริกนรกนั่นมั้งครับ ก็เลยไม่มาเกิด” “ไปเรียกหนูพริกเขาแบบนั้นได้ยังไง” “พ่อก็เป็นซะแบบนี้ เข้าข้างกันตลอด ถือหางกันจริงๆ จนยัยนั่นคิดว่าตัวเองมีอำนาจแล้วมั้ง เมื่อกี้ก็สั่งให้ป้านวลทำตามที่ตัวเองสั่ง ถ้าไม่ทำจะหักเงินป้านวล ผมไม่โอเคนะครับพ่อ” “พ่อก็ไม่เห็นแกจะโอเคอะไรกับหนูพริกเลยสักเรื่อง จ้องแต่จะหาเรื่องตลอด” “นี่ยัยพริกนรกนั่นมาฟ้องพ่อเหรอครับ” “เสือ พ่อเป็นพ่อแกนะ หัวหงอกแล้วด้วย เรื่องแค่นี้ต้องให้มีคนมาฟ้องหรือไง” ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโหเสี่ยอำนาจจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “เมื่อไหร่แกจะมาเรียนรู้งานของพ่อสักที มันล้นมือจนพ่อจะรับไม่ไหวแล้ว” “ก็ผมบอกแล้วไงครับ ว่าผมยังไม่พร้อม” “แล้วเมื่อไหร่แกจะพร้อม หรือต้องรอให้พ่อตายก่อนหรือไง แกถึงจะยอมมาทำงานแทนพ่อ” “มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับพ่อ อีกอย่างจะรีบตายไปทำไม นรกมันร้อนไม่มีแอร์เหมือนอยู่บนโลกหรอกนะครับ” “ไอ้เสือ!! พ่อน่าจะเอาขี้เถ้ายัดปากแกตั้งแต่เล็กๆ” “เสียใจด้วยนะครับ ที่ไม่ได้ทำตั้งแต่ตอนนั้น เอาเป็นว่าถ้าผมพร้อม ผมจะเข้าไปดูเองแล้วกัน อีกอย่างลูกสะใภ้สุดที่รักของพ่อ เขาก็เข้ามาช่วยดูแล้วไม่ใช่เหรอครับ” “หนูพริกก็มาช่วยในสิ่งที่ทำได้ พวกค่าเช่าต่างๆ แต่รายละเอียดลึกๆ และงานที่มันสำคัญ พ่อก็อยากให้แกมาจับมากกว่า เพราะแกคือลูกพ่อ ยังไงพ่อก็อยากให้แกมาช่วยมากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว” “ดราม่าทำไมอะ” “ไม่ได้ดราม่า แต่พูดจริงๆ เสือพ่ออายุมากแล้วนะ จะอยู่หรือตายก็ยังไม่รู้เลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อสร้างขึ้นมาก็เพื่อแกทั้งนั้น เพื่อครอบครัวแก ลูกเมียแกในอนาคต ให้พวกเขาอยู่อย่างสุขสบายไม่ลำบาก” “แล้วผมจะกลับเอาไปคิดดูนะครับ” เสี่ยอำนาจอยากจะยกขาคู่ยันลูกชายเสียจริง ใช้ไม้แข็งก็แล้ว ไม้อ่อนก็แล้ว แต่เจ้าลูกชายก็ยังไม่ยอมโอนอ่อนมาช่วยงานเสียที มันน่ายกสมบัติทั้งหมดให้มูลนิธิซะจริงๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD