“ฟ่าง อาหารเสร็จแล้ว มากินข้าวเร็ว”
เพื่อนสนิทของเธอเรียก พร้อมกับวิ่งเข้ามายืนอยู่หน้าประตูห้อง
ขณะเดียวกัน ข้าวฟ่างกำมือถือแน่น พยายามฝืนยิ้มให้ลมเหนือ อีกทั้งพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกกดดันที่ตีตื้นอยู่ในอก
คืนนี้เธอต้องไป… ต้องไปเจอกับใครก็ไม่รู้ เพื่อแลกกับเงินสองแสนบาท
“โอเคจ้ะ เดี๋ยวฉันตามลงไปนะลม เก็บของตรงนี้ก่อน เก็บไม่หมดเดี๋ยวแกจะเดินสะดุดเอา”
“ฮ่า ๆ แกนี่นะ รู้จักฉันดีจริง ๆ โอเคจ้ะ เดี๋ยวลงไปรอนะ”
ผ่านไป 5 นาที
ขณะนั่งทานข้าวกับลมเหนือ ใจเธอแทบไม่ได้จดจ่อกับอาหารตรงหน้าเลย แม้ว่าแม่บ้านจะทำของโปรดของเธอไว้ก็ตาม
ลมเหนือมองเพื่อนสนิทด้วยสายตาสงสัย “ฟ่าง แกดูแปลก ๆ นะ มีอะไรหรือเปล่า?”
“ปะ เปล่าหรอกลม” ข้าวฟ่างรีบตอบก่อนจะก้มหน้าตักข้าวเข้าปาก คนตัวเล็กรู้ดีว่าลมเหนือฉลาดแค่ไหน ถ้าเผลอแสดงพิรุธออกไปนิดเดียวมีหวังโดนซักแน่ ๆ
ลมเหนือย่นคิ้วมองข้าวฟ่างอย่างไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ
“งั้นแกจะกลับกี่โมง เดี๋ยวให้รถไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอกลม ฉันไปเองได้”
เรียวปากสีสวยรีบปฏิเสธทันที ถ้าลมเหนือส่งเธอไปถึงที่โรงแรม ทุกอย่างต้องแตกแน่ ๆ
“อืม… งั้นระวังตัวด้วยล่ะ”
ข้าวฟ่างพยักหน้าพลางฝืนยิ้ม แต่หัวใจของเธอกลับหนักอึ้งไปหมด
คืนนี้… มันจะเป็นคืนที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล
21:30 น. หน้าโรงแรม XX
ข้าวฟ่างยืนอยู่หน้าตึกสูงของโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอก
เธอหันมองไปรอบ ๆ ไม่มีใครที่คุ้นหน้าคุ้นตา มีเพียงบรรยากาศเงียบสงบของโรงแรมหรู กับพนักงานที่เดินเข้าออก
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในล็อบบี้
พนักงานสาวต้อนรับเธอด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะ เช็คอินหรือมาพบใครคะ?”
ข้าวฟ่างเม้มปากแน่น มือเย็นเฉียบ ก่อนจะตอบเสียงเบา
“ห้อง 1705 ค่ะ”
พนักงานกดตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ก่อนจะพยักหน้าให้เธอ “แขกของเรากำลังรออยู่ค่ะ เชิญขึ้นไปได้เลย”
ข้าวฟ่างกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะเดินตรงไปยังลิฟต์
มือของเธอสั่นตอนที่กดปุ่มชั้น 17
ติ๊ง!
ประตูลิฟต์เปิดออก เธอก้าวออกมา… และยืนอยู่หน้าห้อง 1705
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตู
ก๊อก… ก๊อก…
เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านใน ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก
ข้าวฟ่างเผลอกลั้นหายใจเมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าของห้อง…
ดวงตาคมกริบของชายหนุ่มมองเธอจากหัวจรดเท้า ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“เธอนี่เอง…”
ข้าวฟ่างขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อจำได้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร
“พะ…พี่ใต้ฝุ่น!?”
ข้าวฟ่างยืนตัวแข็งอยู่กลางห้อง ใบหน้าซีดเผือดราวกับเห็นผี ขณะที่ใต้ฝุ่นเดินเข้ามาปิดประตู ตามด้วยเสียงล็อกที่ดัง กริ๊ก!
เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ดวงตากลมโตจ้องชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความตกใจ
“พี่ใต้…” เสียงเธอเบาหวิว รู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น
ใต้ฝุ่นยกแขนกอดอก มองเธอด้วยสายตาเย้ยหยัน พลางพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ
“คิดว่าคนที่จะซื้อตัวเธอเป็นรุ่นพี่ปี 4 หน้าตาดี? เสียดายหน่อยนะ ดันเป็นฉันแทน”
ข้าวฟ่างกำมือแน่น ความอับอายวิ่งขึ้นมาจนร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า เธอไม่ได้ตอบโต้อะไร ได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาคมกริบที่เหมือนจะทะลุทะลวงเข้ามาในความคิดของเธอ
ใต้ฝุ่นก้าวเข้ามาใกล้อีกนิด เสียงรองเท้าหนังของเขาดัง ตึก… ตึก… ราวกับค้อนที่ตอกลงกลางใจเธอ
“บอกฉันหน่อยสิข้าวฟ่าง” เขาก้มลงมากระซิบใกล้ ๆ “คนที่ทำตัวน่าสงสารเป็นลูกคุณหนูแสนดีมาตลอด… พ่อแม่ตายไม่ทันไร ก็รีบขายตัวเลยเหรอ?”
ข้าวฟ่างเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาแดงก่ำจากความอับอายและความโกรธ เธอรู้ดีว่าใต้ฝุ่นเกลียดเธอแค่ไหน แต่ไม่คิดว่าเขาจะพูดจาร้ายกาจได้ขนาดนี้
“ฉันไม่ได้อยากทำแบบนี้” เธอกัดฟันพูดเสียงสั่น “แต่ฉันไม่มีทางเลือก”
“ไม่มีทางเลือก?” ใต้ฝุ่นหัวเราะในลำคอ “หรือเพราะเธอคิดว่ามันง่ายดี? แค่ถ่างขาให้ใครสักคนแล้วได้เงินก้อนโตไปใช้”
“พี่ใต้!” ข้าวฟ่างร้องเสียงหลง น้ำตารื้นขึ้นมาทันที หญิงสาวไม่เคยอับอายเท่านี้มาก่อน
แต่ใต้ฝุ่นกลับโน้มหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม ดวงตาคมกริบของเขามองเธออย่างเย็นชา
“ถ้ามันง่ายขนาดนั้น ก็ถอดเสื้อออกสิ”
ข้าวฟ่างเบิกตากว้าง ร่างกายแข็งทื่อราวกับถูกตรึงไว้กับพื้น
“ถอดสิ” ใต้ฝุ่นย้ำเสียงเรียบ
เธอส่ายหน้ารัว ๆ น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม
ใต้ฝุ่นหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยื่นมือมาบีบคางเธอแรง ๆ บังคับให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา
“เห็นไหม… เธอทำไม่ได้หรอกข้าวฟ่าง”
เขาปล่อยมือออก ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนโซฟา แล้วหยิบแก้ววิสกี้ขึ้นมาจิบอย่างใจเย็น
“เธอไม่เหมาะกับเรื่องแบบนี้เลยสักนิด อย่าทำอะไรโง่ ๆ อีก เข้าใจไหม?”
ข้าวฟ่างยืนตัวสั่นงันงก น้ำตาไหลลงมาเงียบ ๆ
“แต่ฉันต้องใช้เงิน…” เธอพึมพำเสียงแผ่ว
ใต้ฝุ่นถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋า แล้วเขียนตัวเลขสองแสนบาทลงไป ก่อนจะโยนมันลงบนโต๊ะ
“เอาไปซะ”
ข้าวฟ่างมองเช็คใบนั้นด้วยสายตาสับสน เธอไม่อยากรับมัน… แต่เธอไม่มีทางเลือกจริง ๆ
เธอยื่นมือออกไปช้า ๆ แต่ก่อนที่ปลายนิ้วจะสัมผัสกระดาษ ใต้ฝุ่นก็คว้าเช็คกลับไปซะก่อน
“อ้อ ลืมบอกไป” เขายกยิ้มมุมปาก “เงินนี่ไม่ได้ให้เปล่านะ”
ข้าวฟ่างเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยความกังวล “หมายความว่ายังไง?”
ใต้ฝุ่นโน้มตัวมาข้างหน้า ดวงตาวาววับราวกับหมาป่าที่เพิ่งเจอเหยื่อ
“ถ้าอยากได้เงินจากฉัน… ก็ต้องทำงานใช้หนี้ให้ฉัน”
“งานอะไร?”
เขายกยิ้ม ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ
“มาเป็นผู้หญิงของฉันไงล่ะ”
ย้อนกลับไปเมื่อตอนกลางวัน
ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ของใต้ฝุ่นดังขึ้นขณะอยู่ที่คอนโดหรู คนที่โทรมาบอกว่าจะขายตัวให้เพื่อแลกกับเงิน 2 แสนบาท เด็กบ้าที่ไหนมันจะทำแบบนั้น แล้วไอ้บ้าที่ไหนที่ให้เบอร์ติดต่อเป็นของใต้ฝุ่น รอบแรกเขาบอกเธอว่าโทรผิด แต่พอนึกไปนึกว่าเด็กสาวพรหมจรรย์ที่ซื่อบื้อคนนั้น อาจจะถูกคนอื่นหลอกไปอีก ดังนั้นเขาจึงโทรกลับไปเพื่อให้เธอมาที่นี่แทน
ใต้ฝุ่นโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด เขาพ่นลมหายใจพรืดใหญ่ พลางยกมือขึ้นเสยผม
เด็กบ้า… จะขายตัวเนี่ยนะ?
เขาไถโทรศัพท์กลับไปดูเบอร์ที่โทรเข้าเมื่อกี้ คำพูดที่เธอพึมพำในสายยังดังก้องอยู่ในหัว
“สะ สวัสดีค่ะ พอดีจะสอบถามเรื่องที่คุณกำลังหาหญิงพรหมจรรย์ไปนอนด้วยค่ะ เงินได้ 2 แสน ยัง…ยังต้องการไหมคะ?”
แม่งเอ๊ย…
ใต้ฝุ่นขมวดคิ้วแน่น ตอนแรกเขานึกว่าคนโทรผิดเลยวางสายไป แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด พวกเพื่อนในคณะของเขาจะแกล้งอะไรกันอีก เป็นเพราะยัยเด็กนั่นแท้ ๆ เขาถึงต้องบอกให้มะม่วงกลับไป คอยดูเถอะเด็กซื่อบื้อนั่น จะเอาให้คลานกลับไปเลย