ไปให้พ้น
"คุณก้อย พี่รันยังอยู่ในห้องใช่ไหมครับ"
กมลชนกหรือคุณก้อยเลขาฯ หน้าห้องของศรัณภัทรพี่ชายคนรองของภัท**นนละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วตอบคำถามของภัท**นนด้วยความงุนงงนิด ๆ
"อ่า...ค่ะ คุณรันยังอยู่ข้างในค่ะ"
"แล้วคุณก้อยพอจะรู้ไหมครับว่าใครเป็นคนดูแลเรื่องจัดหาวิศวกร พี่เรนหรือพี่รันที่เป็นคนดูเรื่องนี้" เขาถามถึงคนที่มีอำนาจสั่งการในเรื่องนี้ เพราะจะได้จัดการถูกคน
"เดิมทีเรื่องนี้ท่านรองฯ คีรินภัทรเป็นคนดูแลค่ะ" กมลชนกหมายถึงคีรินภัทรหรือพี่เรนพี่ชายคนโตของภัท**นน ที่รับหน้าที่ดูแลเรื่องนี้ในตอนแรก "แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นคุณรันแล้วค่ะ"
"งั้นแสดงว่ารอบล่าสุดนี้คือพี่รันเป็นคนเซ็นอนุมัติใช่ไหมครับ" ภัท**นนถามย้ำเพื่อความชัวร์
"ใช่ค่ะ"
"ขอบคุณครับ" พูดจบภัท**นนก็เดินไปเปิดประตูห้องทำงานของศรัณภัทรแล้วเดินเข้าไปทันที โดยไม่รอให้คนข้างในอนุญาต
ศรัณภัทรที่นั่งทำงานอยู่เงยหน้าขึ้นมามองคนที่เปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต กำลังจะเอ่ยปากตำหนิ ทว่าคนที่เพิ่งเดินเข้ามากลับยิงคำถามเปิดประเด็นขึ้นมาเสียก่อน
"รับผู้หญิงคนนั้นเข้ามาทำไม"
คิ้วของศรัณภัทรขมวดเข้าหากัน พยายามจับประเด็นเรื่องที่น้องชายพูด จู่ ๆ มันก็พรวดพราดเข้ามาถามโดยไม่เกริ่นนำใด ๆ ใครจะไปรู้ว่าหมายถึงเรื่องอะไร ศรัณภัทรจึงเอ่ยถามกลับไป "หมายถึงใคร"
"ปรางขวัญ" ภัท**นนบอกพี่ชายด้วยเสียงเรียบนิ่ง พยายามเก็บอารมณ์คุกรุ่นเอาไว้ในใจ ศรัณภัทรหยุดคิดไปสักพักว่าปรางขวัญที่น้องชายพูดถึงคือใคร จนในที่สุดก็คิดออก
"อ๋อ น้องขวัญ แฟนเก่ามึงอะนะ?"
ภัท**นนไม่อยากยอมรับ ทว่าก็พยักหน้าลง เป็นอันรู้กันว่า ‘ใช่’
"ทำไมวะ" ศรัณภัทรถามต่อ เพราะยังไม่เข้าใจเรื่องที่น้องชายต้องการจะสื่อ
"พี่เซ็นอนุมัติรับเขาเข้ามาทำงานที่นี่ทำไม"
"ก็ว่าอยู่หน้าคุ้น ๆ เหมือนเคยเจอที่ไหน สรุปเป็นแฟนเก่ามึงเองเหรอ ทำไมโลกกลมจังวะ" ศรัณภัทรพูดพลางทำหน้านึก ตอนที่เขาอ่านประวัติพนักงานที่ฝ่ายบุคคลเอามาให้ เขาก็รู้สึกคุ้นหน้าและคุ้นชื่อผู้หญิงที่ชื่อปรางขวัญอยู่เหมือนกัน แต่ก็นึกไม่ถึงว่าเธอจะเป็นแฟนเก่าของน้องชายตัวเอง เพราะครั้งล่าสุดที่เขาได้เจอกับปรางขวัญก็ตอนที่ภัท**นนพาเข้ามาแนะนำตัวที่บ้าน แต่มันก็ผ่านมานานแล้วเหมือนกัน นานจนเขาแทบจะจำไม่ได้แล้ว นี่ถ้าวันนี้ภัท**นนไม่พูดถึง เขาก็คงจำไม่ได้ไปตลอด
"ไล่เธอออกซะ" ภัท**นนบอกความต้องการของตนเองไป เขาไม่สามารถไล่เธอออกเองได้ เพราะไม่มีอำนาจในส่วนนั้น เขาจึงต้องขอความร่วมมือกับพี่ชายที่มีอำนาจในเรื่องนี้
"เฮ้ย! ได้ไง!?" ศรัณภัทรตกใจที่จู่ ๆ ภัท**นนก็โพล่งออกมาแบบนั้น "เรารับเขามาแล้วจะให้ไปไล่เขาออกได้ยังไง เหตุผลคืออะไร มีไหม"
"ผมไม่สามารถทำงานร่วมกับเธอได้"
"ทำไม" ศรัณภัทรถามต่อ เพราะเหตุผลที่ภัท**นนให้มานั้นมันไม่เพียงพอที่จะไล่คนคนหนึ่งออกจากบริษัทได้ ถึงแม้จะเป็นผู้บริหารและมีอำนาจสั่งการแต่ก็ไม่สามารถทำตามอำเภอใจได้ ถ้าเกิดไล่เขาออกแล้วถูกฟ้องกลับมาทำไง นี่น้องชายเขามันไม่รู้หรือไง ว่าในโลกนี้มีกฎหมายคุ้มครองแรงงานอยู่ จะไปไล่พนักงานออกสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง "ถ้าเหตุผลไม่เพียงพอก็ไม่สามารถไล่ออกได้"
"แล้วพี่รับเข้ามาทำไมตั้งแต่แรก" ภัท**นนสวนกลับทันทีอย่างหัวเสีย พี่ชายเขาก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือว่าผู้หญิงที่ชื่อปรางขวัญเป็นใคร และทำกับเขาไว้เจ็บแสบแค่ไหน
"ก็กูจำไม่ได้" ศรัณภัทรจำไม่ได้จริง ๆ ตอนเห็นชื่อก็นึก
คุ้น ๆ อยู่ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนแต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะเป็นแฟนเก่าของน้องชายตัวเอง แถมยังเป็นแฟนเก่าที่ยัง ‘ฝังใจ’ อีกต่างหาก
แล้วอีกอย่างวิศวกรที่ศรัณภัทรเซ็นอนุมัติก็ไม่ได้มีแค่คนสองคน แต่มีเยอะมาก กระจายลงแต่ละฝ่าย แต่ละแผนก รวม ๆ แล้วก็หลายสิบคน เขาจึงไม่มีเวลามานั่งนึกว่าใครเป็นใคร
"สรุปคือยังไงก็ไล่ออกไม่ได้?" ภัท**นนถามอีกครั้ง
"เออ ถ้าเขาไม่ได้ทำผิดอะไรก็ไม่สามารถไล่ออกได้ จนกว่าจะหมดสัญญานู่นแหละ"
"แล้วถ้าย้ายกลับไปล่ะ" เขาถามต่ออย่างหาหนทาง ทำยังไงก็ได้ ให้เขาไม่ต้องเจอหน้าเธออีก
"ย้ายกลับก็ไม่ได้ เราได้เซ็นสัญญากับเขาแล้ว"
ภัท**นนยกมือขึ้นมาเสยผมตัวเองไปข้างหลังอย่างหงุดหงิด ที่ไม่สามารถทำอย่างที่ต้องการได้ ศรัณภัทรเห็นท่าทางเดือดเนื้อร้อนใจของน้องชายก็อดถามขึ้นมาไม่ได้
"กูถามมึงจริง ๆ นะ มึงจะอะไรกับเขานักหนาวะ ถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็ต่างคนต่างอยู่ไปก็สิ้นเรื่อง หรือมึงคิดว่าที่เขามาที่นี่ก็เพื่อมาหามึง"
"ผมไม่รู้" ตอนแรกเขาก็คิดว่าการที่เธอมาที่นี่ ก็เพราะเธออาจจะต้องการอะไรจากเขา แต่พอเห็นสีหน้าและแววตาของเธอที่มองมา เขาก็เริ่มไม่แน่ใจ
"หรือว่ามึงยังลืมเขาไม่ได้ มึงยังรัก…"
"ไม่มีทาง!" ภัท**นนรีบปฏิเสธทันควันก่อนที่ศรัณภัทรจะพูดจบประโยค เขามั่นใจว่าความรักของเขาที่มีต่อผู้หญิงคนนั้นมันไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ที่เหลืออยู่ตอนนี้มีเพียงแค่ความเกลียดเท่านั้น ไม่มีความรู้สึกอื่นนอกจากนี้แน่นอน
"ถ้างั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่ ก็ต่างคนต่างทำงานไป" ศรัณภัทรเอ่ยพลางเปิดข้อมูลของปรางขวัญในคอมพิวเตอร์ดูไปด้วย "เท่าที่กูดู ผลงานเขาก็อยู่ในระดับที่ดีเยี่ยม น่าจะมีความเป็นมืออาชีพพอสมควร เขาคงแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ แล้วมึงล่ะ แยกได้ไหม?"
"พี่จะหาว่าผมแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่เป็นเหรอ" ภัท**นนถามกลับด้วยความรู้สึกไม่พอใจนิด ๆ ที่โดนพี่ชายพูดเหน็บ
"เปล่า กูแค่ถาม" ศรัณภัทรไหวไหล่เบา ๆ ก่อนจะพูดต่อ "ก็ถ้ามึงแยกแยะเป็น มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่"
จิรายุยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากตัวเองพร้อมทำเสียงชู่วเบา ๆ ส่งสัญญาณให้คนที่กำลังพูดคุยเงียบลงก่อน เมื่อมีสายเข้าจากภัท**นน
"ฮัลโหลครับลูกพี่ มีอะไรให้ไอ้จอร์จรับใช้หรือเปล่าครับ" เขากดรับสายด้วยน้ำเสียงร่าเริงปกติ
[มี]
"ว่ามาเลยครับ" ลูกน้องหนุ่มตอบรับอย่างกระฉับกระเฉง
[เด็กใหม่สองคนยังอยู่ใช่ไหม] ภัท**นนถามเสียงนิ่ง จนจิรายุรับรู้ถึงรังสีบางอย่างที่แผ่ออกมาจากน้ำเสียงนิ่ง ๆ นั้น
จิรายุเหล่มองเด็กใหม่ที่เจ้านายหนุ่มหมายถึงเล็กน้อย เริ่มได้กลิ่นไม่ดีเสียแล้วสิ "…ยังอยู่ครับ"
[ดี! วันนี้กูไม่กลับเข้าออฟฟิศแล้วนะ จะไปคุมคนงานที่ไซต์งานปากเกร็ด]
"อ้าว? ไหนพี่บอกจะไปพรุ่งนี้ แล้วจะพาเด็กใหม่ไปด้วยไง" จิรายุถามกลับด้วยความงุนงง เขาจำได้ว่าเมื่อวานนี้ตอนเขาโทร. ไปคุยเรื่องงาน ภัท**นนบอกเขาว่าจะพาวิศวกรใหม่ไปดูไซต์งานที่ปากเกร็ดด้วย และจะมอบหมายให้ดูแลงานนี้ต่อ
[กูเปลี่ยนใจแล้ว งานนี้กูจะดูต่อเอง] ความจริงคือเขาไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นต่างหาก
"ครับ แล้ววันนี้จะให้คนที่มาใหม่ทำอะไรดี" ก็ถ้าหัวหน้าไม่อยู่ก็ไม่มีคนสั่งงาน เขาจึงต้องถามให้รู้เรื่อง จะได้จัดแจงให้ถูก
[งานที่อยู่บนโต๊ะกู เอามาให้เขาทำทั้งหมด]
"หา!?" จิรายุอุทานขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมกับรีบวิ่งเข้าไปส่องโต๊ะทำงานของเจ้านายหนุ่ม รายงานกองเป็นตั้ง! จะให้เด็กใหม่ทำทั้งหมดนี่นะ ลูกน้องหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอแล้วถามอีกครั้งเพื่อความชัวร์ "เอาจริงเหรอลูกพี่"
[เออ! แล้วบอกเขาด้วยว่าต้องเสร็จก่อนพรุ่งนี้ตอนเย็น ที่สำคัญห้ามให้ใครช่วยเด็ดขาด ถ้ากูรู้ว่ามีใครแอบช่วยแม้แต่คนเดียว โบนัสสิ้นปีนี้อดทุกคน!]
WTF!! นี่มันอะไรกันวะเนี่ย
"แต่พี่ เด็กใหม่เขาไม่ได้รับผิดชอบโปรเจกต์พวกนี้ตั้งแต่แรก ข้อมูลบางอย่างเขาก็ไม่รู้หรือเปล่า" จิรายุไม่รู้ว่าภัท**นนมี
อคติอะไรกับวิศวกรใหม่ทั้งสอง โดยเฉพาะปรางขวัญ แต่สั่งงานแบบนี้มันก็โหดเกินไป
ถ้าปรางขวัญกับชัยพฤกษ์ได้มีส่วนร่วมในชิ้นงานตั้งแต่แรกเขาจะไม่นึกห่วงอะไรเลย แต่นี่ทั้งสองคนเพิ่งจะย้ายมาใหม่ ข้อมูลเรื่องวัสดุ เรื่องการเบิกจ่ายอะไรก็ไม่รู้เรื่องด้วย เขาคิดว่าเวลาแค่หนึ่งวันกว่า ๆ มันน้อยเกินไป ยังไงก็ไม่มีทางทำทันแน่ ๆ
[ถ้าเรื่องแค่นี้ทำไม่ได้ก็บอกให้ไปลาออกซะ!]