ตอนที่ 7
อาบน้ำที่สระ
ของเซ่นให้ผีอย่างฉัน งั้นเหรอ!!! มันจะมากเกินไปแล้ว
“นั่นใข่ต้มกับข้าวสวยที่หุงจากข้าวสารปลุกเสก ส่วนน้ำต้มว่านมันจะช่วยไล่สิ่งไม่ดีจากตัวมึง รีบกินซะจะได้ไปอาบน้ำอาบท่า น้ำในห้องน้ำไอ้กล้ามันเตรียมมาให้ไม่ทัน วันนี้มันมันแต่เตรียมงานในคอกวัวอยู่ มึงต้องเดินไปอาบที่สระเอง”
จะตระหนกเรื่องอะไรก่อนดี!!
ใข่ต้มทำพิธีกับข้าวสารปลุกเสก น้ำซุปจากว่านต้ม หรือว่าการต้องเดินไปอาบน้ำที่สระท้ายเรือนริมนาที่แสนโว้งเว้ง
“ไม่นะๆ”
ทำไมสวรรค์ช่างกลั่นแกล้งเธอได้ถึงเพียงนี้! หรือเห็นว่าเธอเขียนนิยายได้ห่วยแตก เลยส่งเธอให้เข้ามาอยู่ในนิยายที่ยอดวิวอันดับท้ายๆของเรื่องนี้
ช่างน่าเศร้าเสียจริง!!
“ไม่อะไรรึ?” พ่อครูเอ่ยเสียงสูง “หรือว่ามึงจะไม่กินและไม่อาบน้ำ กูจะได้ให้อีสร้อยมาเก็บสำรับ แล้วล็อคห้องมึงเสีย”
ร่างหนารีบเขยิบกายคล้ายจะลุกลงจากเรือน
“กินจ้ะกิน เดี๋ยวซิพ่อครูจะไปไหนจ้ะ”
เธอรีบคว้ามือเกี่ยวแขนของเขาไว้ เมื่อเห็นว่าตัวเองจะถูกทิ้งไว้เพียงลำพังในเรือนเล็กที่เต็มไปด้วยด้ายสายสินธุ์ระโยงระยางแห่งนี้เพียงลำพัง
“กลับเรือนใหญ่กูซิ”
ตาคมเข้มนั้นหลุบต่ำลง มองมือขวาที่เกาะเกี่ยวตรงข้อพับ ก่อนจะสบประสานสายตากับเธอ คิ้วหนาขมวดขึ้นเล็กน้อย
“มีอะไรกับกูงั้นรึ”
“มีจ้ะ คือฉันอยากจะรบกวนช่วยอยู่เป็นเพื่อนจนฉันกินข้าวเสร็จแล้วก็พาไปอาบน้ำที่สระหน่อยได้มั้ยจ้ะ คือฉันเพิ่งมาที่นี่ไม่ชินพื้นที่กลัวงูเงี้ยวเขี้ยวขอนะจ้ะ นะจ้ะๆพ่อครู”
เสียงหวานออดอ้อนอย่างออเซาะ
จะบ้าเหรอไง! มืดตึดตื๋อแบบนี้ จะให้เธอเดินไปอาบน้ำที่สระไกลๆตรงนั้นคนเดียวเนี่ยนะ ในเนื้อเรื่องสระท้ายบ้านแห่งนี้น่ากลัวจะตาย
แต่ถ้าจะไม่อาบน้ำ สงสัยคืนนี้คงจะนอนไม่หลับแน่ๆ
“งั้นก็รีบกินซะจะได้ไปอาบน้ำ กูต้องรีบไปทำสมาธิ”
คำบอกของพ่อครู ทำให้เธอจัดการข้าวสวยกับใข่ต้มทันที ใจนึงก็อยากจะได้พริกน้ำปลามาราดเสียหน่อย แต่ไม่อยากจะอะไรมากมาย ด้วยเกรงว่าพ่อครูจะเปลี่ยนใจ
อาหารตรงหน้าจึงถูกจัดการด้วยเวลาอันรวดเร็ว
ยังดีที่มีกล้วยน้ำว้าวางมาให้ข้างๆสองลูก ไม่อย่างงั้นคงฝืดคอมากกว่านี้แน่นอน
ไกรศร นั่งมองเธอทานอาหารอย่างใจเย็น แววตาของเขามีแววครุ่นคิด และสังเกตทุกทางของสาวชาวบ้านที่เป็นลูกของ ลุงสอน ชาวนาหมู่บ้านข้างๆ
อีนังผู้นี้มีความผิดแปลกหลายอย่างที่ทำให้เขาสับสน
ยิ่งเห็นคำพูด และกริยาการกินของเธอที่ไม่เหมือนคนทั่วไป เขาก็ยิ่งแปลกใจนัก และแม้ตอนสัมผัสใกล้ชิดกันเขาก็ไม่สามารถจะเข้าไปสั่งการจิตของเธอได้
มันมีเพียงความว่างเปล่า คล้ายเธอไม่มีจิตอยู่เลย
“อิ่มแล้วจ้ะ”
เสียงหวานจากคนตรงหน้า ทำให้ ไกรศร เหยียดกายลุกขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวเตรียมผ้าถุงและอุปกรณ์อาบน้ำ เพื่อต้องการให้พาไปสระด้านหลัง
“ตามกูมา”
สระน้ำด้านหลังในพื้นที่ดินของ พ่อครู อยู่ห่างจากเรือนประมาณเกือบกิโล เป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่เพื่อใช้สำรองน้ำไว้ใช้และรดพืชผัก รวมถึงให้วัวควายหลายร้อยตัวได้ดื่มกินอีกด้วย
ก็มีประโยชน์ดี แต่ไม่รู้จะทำไว้ไกลเรือนทำไมกัน
“ปกติคนงานที่ดูแลวัวกับควาย จะเตรียมน้ำไปไว้ใช้ในโอ่งและในเรือน แต่วันนี้พวกมันเตรียมให้ไม่ทัน”
พ่อครูบอกเธอ เมื่อเดินมาถึงริมสระ แสงจากโคมตะเกียงอันใหญ่ที่ถือมาส่องสว่างเพียงพอที่จะมองเห็นผืนน้ำกว้างไปไกลโขพอควร
“อื้อ น้ำเย็นจัง”
เพียงเอาขาแหย่ลงไปในน้ำที่ชานตลิ่งริมสระ จีรยาก็รู้สึกได้ถึงความเย็นวาบของธารา จนเธอต้องหันไปมองร่างของพ่อครู ที่นั่งรออยู่รอตลิ่งห่างๆ
“รีบอาบซะเดี๋ยวจะดึกซะก่อน”
“พะ..พ่อครู มาส่องตะเกียงและยืนจ้องฉันแบบนี้ ฉันก็เขินนะซิ ช่วยออกไปยืนอยู่ตรงมุมโน้นได้มั้ยจ้ะ"
หญิงสาวเอ่ยบอก เมื่อเห็นว่าแสงไฟส่องวาบนั้นส่องโดนเรือนร่างที่กำลังจะเปลี่ยนผ้าถุงกระโจมอกของเธอ และเหมือนสายตาคมเข้มนั้นก็เอาแต่จ้องมองไม่วางสาย
พลันหน้าเธอก็ผ่าวร้อนขึ้นมา
“เรื่องมากจริงมึงนี่!! อย่าเอาผ้าถุงขึ้นทางหัวเชียว ให้ใส่จากข้างล่าง ตอนนี้มึงใส่ตะกรุดอาคมอยู่เดี๋ยวของเสื่อม”
เอ่ยบอกเสร็จ ร่างหนาก็เดินหันหลังไปรออยู่อีกฝั่ง
จีรยาจึงรีบเปลี่ยนผ้าถุงกระโจมอก ก่อนจะรีบก้าวเท้ายังบันใดไม้ลาดยังสระเบื้องล่าง ในชีวิตจริงนั้นเธอไม่เคยอาบน้ำในสระแบบนี้มาก่อน แม้จะเคยว่ายน้ำในสระที่คอนโดบ้าง แต่ถือเป็นครั้งแรกในการแช่ตัวในบ่อน้ำธรรมชาติแบบนี้
“อื้อ น้ำเย็นดีจัง”
หญิงสาวอุทานเบาๆ เมื่อจุ่มร่างตัวเองจนไปจนถึงเนินอก ความชุ่มฉ่ำของน้ำทำให้ความเหมื่อยล้าในเนื้อตัวผ่อนคลายขึ้น เธอเริ่มสำรวจผิวพรรณและเนื้อตัวของร่างจำปา ได้ตระหนักว่านอกจากสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับตัวเอง ผิวพรรณนี้ยังละเอียดขาวสล้างคล้ายตัวจริงของเธอยิ่งนัก
นั่นอาจเพราะตามโครงเรื่อง จำปา เองก็มีเชื้อสายไทยอีสานผสมกับจีน ทำให้มีรูปร่างและผิวพรรณเช่นนี้
จีรยา อาบน้ำสระผม ผลุบๆโผล่ๆอย่างใจเย็น แต่ยังคงเหลือบมองร่างของพ่อครู ที่ยืนอยู่อีกริมตลิ่งเป็นระยะ ใจก็พลันนึกถึงรสสัมผัสจูบที่แสนผ่าวร้อนจากริมผีปากและลิ้นสากหนานั้น จนต้องเผลอยกนิ้วไล้ริมผีปากตัวเองอย่างแผ่วเบา
เหมือนร่างกายจะเริ่มร้อนรุ่มอีกครั้งเมื่อนึกถึงยามริมผีปากเขาบดเคล้าและดูดดุนปลายลิ้นสอดลึก ทำให้เธอค่อยๆหลับตาและมุดจุ่มลงไปในน้ำจนมิดหัว เพื่อให้กระแสธาราบรรเทาความผ่าวร้อนในกายออกไปบ้าง
กึก!!
พลันเธอรู้สึกชาวาบตรงข้อเท้า คล้ายดั่งมีมือใครสักคนดึงบีบอย่างแรงแล้วฉุดกระชากลงไปเบื้องล่างก้นบ่อ
“อื้อๆ”
ด้วยความตระหนก จีรยาพยายามใช้มือตะเกียกตะกายน้ำให้เกิดเสียงดัง เพื่อหวังให้พ่อครูที่ยืนอยู่ริมตลิ่งไกลๆจะได้ยิน เมื่อนึกได้ว่าในนิยายนั้น สระริมบ่อในเรื่องจะเป็นศูนย์รวมของเหล่าผีพรายน้ำ และสัมเภเวสีทั้งหลาย
ไม่น่าเขียนไว้เยอะเลย แค่ผีบอปกับผีอื่นๆก็น่าจะพอละ
“ยะ..อย่า ช่วยด้วย”
เธอพยายามร้องตะโกน แต่เหมือนเสียงจะขาดหายไปในลำคอ เมื่อร่างถูกฉุดจนด่ำดิ่งลงไปเบื้องล่าง
หูตาเธอพร่ามัว ลมหายใจเริ่มขาดห้วง พยายามหรี่ตามองผ่านน้ำที่แสงไฟสลัว เห็นเหล่าเส้นผมมากมายกระจายอยู่เต็มน้ำและกำลังไหลวนพันรอบตัว
พุทธโธ ธรรมโม สังโฆ
เธอพยายามท่องบทสวดในใจอย่างถูกๆผิดๆ ไม่ได้นะ!!เธอจะมาสิ้นชีพเพราะผีพรายน้ำ ในนิยายเรื่องที่ยอดวิวไม่ถึงร้อยนี้ไม่ได้เด็ดขาด
พลัน! เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
ตูม!!!
คล้ายมีก้อนหินอันใหญ่โดนขว้างลงมา ใกล้ร่างเธอจนผิวน้ำกระเซ็นเป็นวงกว้าง ก่อนที่เสียงของพ่อครูจะตะโกนดังลั่น
“สัญยัง ภะวัง หลีกไปให้พ้นเสีย!! อย่ามาวุ่นวายกับคนของกู!! ไม่งั้นกูจะทำให้พวกมึงเป็นสัพพะเวสี ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเป็นร้อยชาติ”
สิ้นคำของพ่อครู กลุ่มเส้นผมนั้นจะมลายหายไปทันที
ทำไมเท่ห์อย่างนี้นะ
“ขึ้นมาได้แล้ว พวกมันไปแล้ว”
พ่อครูเอ่ยเสียงเข้ม เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงเกาะยังขอบบันไดไม้และไม่ยอมก้าวขึ้นมาเสียที
“ฉะ..ฉัน ก้าวขาไม่ออกเลยจ้ะพ่อครู ช่วยฉันด้วยจ้ะ”
จีรยา บอกเสียงสั่นระริก มองหน้าหล่อเหลาคมคายผ่านแสงสลัวของตะเกียงอย่างเว้าวอน มือของเธอพยายามจับตลิ่งไว้แน่นด้วยเกรงว่าจะจมลงไปในน้ำอีก
“มึงเป็นผีแน่รึ? เหตุใดจึงกลัวผีพราย”
“ก็ฉันบอกพ่อครูแล้วไงว่าฉันไม่ใช่ผี!”จะต้องให้บอกสักทีกัน “ว่าแต่ว่า ตะกรุดอาคมที่คอฉันไม่ได้ทำให้พวกมันกลัวเกรงเลยเหรอเนี่ย?"
“มันแค่ล้อมมึงไว้ แต่ถึงอย่างไรก็ทำอันใดไม่ได้อยู่ดี”
หน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้เมื่อเดินลงมาถึงบันใดที่ปริ่มน้ำ มือหนาเอื้อมลงใต้น้ำช้อนร่างเธอขึ้นด้านหลังไว้ในวงแขนแกร่ง และอุ้มเธอขึ้นในท่าเจ้าหญิงจนต้องเอาแขนโอบคอเขาไว้
ร่างที่เปียกชุ่มของเธอเบียดชิดกับอกกำยำแน่นเครียด