ณัฐณิชารู้สึกตัวอีกครั้ง ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ลืมขึ้น ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องอย่างช้าๆม่านหน้าต่างเปิดไว้เพียงเล็กน้อย แสงอาทิตย์ที่เคยสาดส่องหายไปแล้ว เหลือเพียงแสงจันทร์สีเงินนวลที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาแทนที่
เธอเบนสายตามองไปยังเตียงด้านข้างซึ่งว่างเปล่า...ไร้เงาของซาตานตัวร้ายที่เคยนอนแนบข้าง
เธอฝันไปใช่ไหม?
ฝันว่าผู้ชายคนนั้นเคยกอดเธอไว้แนบอก ฝันว่าอ้อมแขนของเขาเคยให้ความอบอุ่น…
แค่ความฝันเท่านั้น เพราะในความจริง คนอย่างเขาคงไม่มีวันอ่อนโยนกับเธอ
หญิงสาวก้มลงมองเสื้อตัวโคร่งที่สวมอยู่ มันหลวมเกินไปจนไม่ต้องเดาก็รู้ทันทีว่ามันไม่ใช่ของเธอ ก่อนจะค่อยๆ พาร่างบอบบางลงจากเตียง แม้ว่าอาการปวดเมื่อยจะทุเลาลงแล้ว แต่ก็ยังมีความขัดๆ ตึงๆ บ้างเวลาเคลื่อนไหว
“เธอจะไปไหน?”
เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นในความเงียบ ทำเอาหัวใจดวงเล็กแทบหยุดเต้น มือเล็กที่กำลังเอื้อมไปเปิดประตูหยุดชะงัก ณัฐณิชาหันขวับกลับไปมอง
ร่างสูงเปลือยท่อนบน ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยเพียงผ้าขนหนูสีขาวพันรอบเอวอย่างหมิ่นเหม่ หยดน้ำเกาะพราวบนแผงอกแน่นกระชับจนเธอเผลอกลืนน้ำลายลงคอ สายตาคมดุจเหยี่ยวจับจ้องมาที่เธอเขม็งจนเธอขบเม้มริมฝีปากแน่น
“ฉันถาม… ทำไมไม่ตอบ” เสียงเขาขรึมขึ้นอีกนิด
“คะ...คือ ฉันจะกลับบ้านค่ะ” เธอว่าเบาๆ พลางถอยหลังชิดประตู กลั้นลมหายใจเมื่อเห็นเขาก้าวเข้ามาใกล้
“อืม ตัวก็ไม่ร้อนแล้ว”
เขาพูดขึ้นคล้ายพึมพำกับตัวเอง มือหนาเอื้อมมาอังหน้าผากเธอ
ดวงตากลมโตเบิกขึ้นเล็กน้อย
“มองอะไร?”
น้ำเสียงดุแต่กลับไม่เย็นชาเท่าเดิม
ณัฐณิชารีบหลบตา พวงแก้มร้อนวูบอย่างห้ามไม่อยู่ มือใหญ่คว้ามือเล็กของเธอไว้ แล้วลากกลับเข้าไปในห้อง ร่างบางถูกพาไปนั่งลงที่เก้าอี้หน้าชุดโต๊ะอาหารที่มีข้าวต้มร้อนๆกลิ่นหอมลอยฟุ้ง วางอยู่
“ไม่ต้องมามอง... กินซะ”
“แต่ว่า...”
“หรือว่า… อยากกินอย่างอื่นแทน?”
เขาถามเสียงต่ำ ลมหายใจร้อนผ่าวกับแววตาเจ้าเล่ห์ที่มองตรงมาอย่างหื่นกระหาย
“อ๊ะ!”
ด้วยความตกใจ เธอตักข้าวต้มเข้าปากทันทีโดยลืมไปว่ามันยังร้อนจัด
“อึ้ก…” เธอสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาเอ่อด้วยน้ำเพราะความร้อนที่แล่นไปทั่วโพรงปาก
“โง่”
เขาพึมพำดุๆ แล้วคว้าช้อนออกจากมือเล็กอย่างง่ายดาย ก่อนจะตักข้าวต้มขึ้นมา เป่าเบาๆแล้วยื่นปลายช้อนมาตรงหน้าเธอ
ณัฐณิชานิ่งงัน... มองภาพนั้นด้วยความตกตะลึงปนสับสน
เมื่อช้อนถูกยื่นมาตรงหน้าอีกครั้ง ใบหน้าคมคายของเขาขยับเข้าใกล้ พร้อมสายตากดดันที่ทำเอาเธอกลืนน้ำลายลงคอ
สุดท้าย… เธอจึงยอมอ้าปากรับข้าวต้มจากมือของเขา
“กินซะ”
เสียงห้าวต่ำของเขายังคงทุ้มแน่นและเด็ดขาด ขณะที่เม็ดยาถูกยื่นมาตรงหน้า หลังจากที่เขาบังคับให้เธอกินข้าวต้มจนเกือบหมดชาม
“ขอบคุณค่ะ คุณ...” ณัฐณิชารับยาไว้ในมืออย่างลังเล
“กวิน จำชื่อผัวให้มันแม่น ๆ หน่อย กินเข้าไป”
คำพูดห้วน ๆ และน้ำเสียงเย้ยหยันทำเอาความรู้สึกอยากจะกล่าวคำขอบคุณของเธอหายวับไปทันที
ณัฐณิชาไม่พูดอะไรต่อ เธอรับยามากินเงียบ ๆ อย่างว่าง่าย ไม่อยากโดนเขาเหน็บแนมให้เจ็บใจไปมากกว่านี้อีก กวินกระตุกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เธอเงยหน้ามองเขาเพียงแวบเดียวก่อนจะก้มต่ำ เม้มริมฝีปากเล็กแน่นแล้วรวบรวมความกล้าพูดออกมา
“คุณวิน... ฉันขอกลับบ้านได้ไหมคะ?”
น้ำเสียงเธอแผ่วลง ใจหนึ่งหวั่นเกรง แต่อีกใจก็ร้อนรนเมื่อนึกถึงยายดอกแก้วที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาล วันนี้เธอไม่ได้ไปหาเลย ไม่รู้ว่าท่านจะเป็นอย่างไรบ้าง…
แต่คำตอบที่ได้รับกลับไม่ใช่ความเห็นใจหรือคำปลอบโยนใด ๆ
“ไม่ได้” เขาตอบเรียบเสียงแน่น “นับจากวันนี้ เธอต้องอยู่ที่นี่กับฉัน”
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที ตากลมเบิกนิด ๆ ด้วยความตกใจ
“เสื้อผ้า ของใช้ ไม่ต้องห่วง ฉันจะพาไปซื้อใหม่”
ดวงตาคมหันมามองเธอนิ่ง ๆ ราวกับคำพูดนั้นคือคำสั่งที่ไม่อาจขัดขืนได้
“แต่ฉัน...”
“ไม่เข้าใจเหรอ?” เขาพูดตัด “ฉันไม่อนุญาต”
เสียงเข้มตัดบทไม่เปิดช่องให้เธอได้อธิบายหรือแม้แต่ขอร้อง เขาหันหลังเดินตรงไปยังห้องทำงาน ทิ้งท้ายไว้เพียงคำพูดที่ทำให้หัวใจเธอยิ่งบีบรัด
“ไปอาบน้ำ แล้วไปนอนบนเตียงดีๆ วันนี้ฉันเหนื่อย... ดูแลเธอทั้งวัน”
ณัฐณิชาหลับตานิ่งทันทีเมื่อสัมผัสถึงแรงยุบเบา ๆ บนเตียง เธอรู้ได้ทันทีว่าคนตัวโตขึ้นมานอนข้าง ๆ แล้ว... กลิ่นหอมอ่อนของครีมอาบน้ำจากร่างกายเขาลอยแตะจมูก กลิ่นสะอาดแต่กลับทำให้เธอรู้สึกวูบวาบไม่เป็นตัวของตัวเอง
หญิงสาวนอนหันหน้าเข้าหาผนัง ท่าตะแคงจนแทบจะเกยริมขอบเตียงคิงไซส์ เธอดึงผ้าห่มหนาคลุมถึงลำคอ ราวกับจะสร้างเกราะบาง ๆ มาป้องกันตัวจากเขา
กวินมองเธออย่างอารมณ์ดีปนหมั่นไส้ ใบหน้าคมส่ายน้อย ๆ กับท่าทางขลาดกลัวนั้น... คิดจริง ๆ หรือว่าการเบียดตัวหลบไปจนชิดขอบเตียง กับการมุดตัวในผ้าห่มจนแทบจะหายใจไม่ออกแบบนี้... จะช่วยให้ ‘รอด’ จากเขา?
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก ความอดทนที่เขาสะกดกลั้นไว้ทั้งวันกับร่างขาวเนียนและแววตาตื่นกลัวปนน่ารักนั่น... ช่างน่าทดสอบเสียเหลือเกิน เขาปิดไฟรอบห้อง เหลือไว้เพียงโคมไฟหัวเตียงที่เปล่งแสงนวลสีส้มอบอุ่น แสงสลัวทำให้บรรยากาศเงียบสงบ กลับกลายเป็นอีกหนึ่งแรงกดดันที่ทำให้คนตัวเล็กที่นอนแน่นิ่งอยู่นั้น
เธอไม่กล้าขยับ ไม่กล้าพูด ไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ…
กายกำยำของชายหนุ่มวัยสามสิบที่เหลือเพียงกางเกงนอนเนื้อดีตัวเดียวเผยให้เห็นแผ่นอกแกร่งแน่นราวกับสลักจากหินภูผา เขาค่อย ๆ สอดตัวเข้ามาใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ช่วงตัวหนานั้นอบอุ่นและหนักแน่นจนผ้าห่มยวบลงตามแรงกาย
อีกฟากหนึ่งของเตียง ร่างเล็กของณัฐณิชาหดตัวงอเล็กลงอย่างอัตโนมัติ หญิงสาวพยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ ราวกับเป็นเพียงฝุ่นผงไร้ตัวตน หวังให้เขามองไม่เห็นเธอ…
แต่ไม่ทันไร
“อ่ะ…คุณวิน ปล่อยค่ะ!”
เสียงเล็กสั่นเครือดังขึ้นทันทีที่แขนแกร่งรวบร่างเธอเข้าไปแนบอก แรงรั้งไม่ถึงกับเจ็บ แต่หนักแน่นจนเธอผลักยังไงก็ไม่ขยับ ใบหน้าสวยหลบตา มองต่ำ เหมือนทุกครั้งที่ไม่กล้าสบตาเขา
“ทำไมล่ะ หืม?” เสียงทุ้มนุ่มคล้ายกำลังหยอก กลับยิ่งทำให้ใจเธอสั่นสะท้าน
“ไข้ก็หายแล้วนี่”
เขาก้มหน้าลง จมูกโด่งแตะที่ลำคอขาว สูดกลิ่นหอมอ่อนของแชมพูที่เธอใช้ก่อนเขาจะถอนหายใจเบา ๆ มือใหญ่เริ่มเคลื่อนไปลูบแผ่นหลังเล็กอย่างแผ่วเบา
“เอาล่ะ เด็กดี ได้เวลาทำงานแล้ว” เสียงทุ้มกระซิบลงข้างใบหู ณัฐณิชา สะบัดหน้าหนีไปทางอื่น
“แต่... ฉันยังไม่หายดี คุณวินจะติดไข้... อือ”
ไม่ทันที่เธอจะร้องห้าม เขาก็ก้มลงปิดปากสีชมพูนั้นบดจูบอย่างละเลียด ปากหนาไล่ชิมริมฝีปากบาง แล้วค่อยๆ สอดลิ้นเข้าไปกวาดต้อนความหวานจากโพรงปาก
มือหนาทำงานโดยถอดแกะกระดุมชุดนอนออก ร่นกางเกงนอนที่ไม่ต้องใช้แรงดึงก็หลุดออกไปแล้ว แม่กระต่ายน้อยถูกปลอกจนเปลือยเปล่า กวินใช้มือหนาบีบนวดอกคู่อวบอัดที่เต่งตึงนั้น ริมฝีปากยังบดจูบเธออย่างหื่นกระหาย
“อ่า...” เขาถอนริมฝีปากออกให้เธอได้สูดลมหายใจเข้าปอดเพียงแค่เสี้ยววินาที ก็ประกบลงจูบใหม่อีกครั้ง
สองมือหนาลูบไล้เฟ้นหาทุกอณูของร่างบาง ฝ่ามือหยาบสากไล้ไปทั่วผิวขาวเนียนนุ่มอย่างคลั่งไคล้
“อือ... อ่า...” เสียงครางแผ่วเบา
เขาดมกลิ่นกายเธออย่างหลงใหล ก่อนจะใช้ริมฝีปากดูดเม้มผิวเนื้อจนขึ้นสีแดงระเรื่อ
อกอวบอิ่มที่ประดับด้วยเม็ดทับทิมสีชมพูสดชวนยั่วยวน ถูกดูดดึงอย่างอ่อนโยนแต่หนักแน่นเหมือนทารกหิวโหย
“อ๊า... คุณวิน... อย่ากัด... อือ อ่า...” เธอร้องครางเจ็บปนเสียว พลางบิดตัวไปมาด้วยความรู้สึกหวั่นไหว
มือหนาข้างหนึ่งลอบเลื่อนลงมาสอดไว้ใต้ขาเรียว นิ้วแข็งแรงลูบไล้พงดอกไม้ที่กำลังเปียกชุ่ม
นิ้วเขาค่อย ๆ กดเขี่ยเม็ดตื่งกลางเบา ๆ จนเธอแทบสั่นสะท้านไปทั้งตัว
ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่ซ่านไปทั้งบนล่าง ริมฝีปากหนาคอยฉกไล้สลับไปมาอย่างไม่ลดละ
“อ่า...”
ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกจากอกคู่สวยอย่างอ้อยอิ่ง หลังจากที่เขาดูดดื่มมันจนเต็มอิ่ม
แท่งร้อนใต้กางเกงที่เงียบสงบเริ่มมีชีวิตชีวาอีกครั้ง มันตื่นตัวตั้งแต่แรกที่เห็นเธอเปลือยเปล่า
“คุณวิน... อ๊า...” เขาไม่รอให้เธอได้ร้องขอ
มือหนายกขาเรียวทั้งสองข้างขึ้นเหนือบ่า จับหมอมารองบั้นท้ายสวยให้ลอยเด่น ก่อนจะก้มลงไปชิมส่วนกลางกายสาวที่ปริ่มไปด้วยน้ำหวาน
“อ๊า... อ่าส์ คุณวิน... อ๊า...”
แผล่บ แผล่บ
ยิ่งเธอเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงแสนน่ารักนั้น กวินยิ่งระรัวลิ้นบดบี้ลิ้นหนาหยุ่นสัมผัสกับเกลีบดอกไม้ที่สั่นระริกอย่างเร่าร้อน
“อ๊า... คุณวิน... อ่าส์... อ่า... กรี๊ดดดด” มือเล็กขย้ำผ้าปูที่นอนแน่น เอวบางลอยโด่งอย่างเห็นได้ชัด
ท้องน้อยเธอกระตุกเป็นจังหวะ ลมหายใจติดขัดเป็นห้วง ๆ ทำให้เขายิ้มกรุ่นในอก
เธอเตะขอบสวรรค์ไปแล้ว ชายหนุ่มเคลื่อนขึ้นไปจูบปากเล็กนั้นเบา ๆ เป็นรางวัล
เขาดึงตัวเธอขึ้นมานั่ง แท่งเนื้อของเขาที่แข็งทื่อเพราะเสียงครางที่ดังสนั่นอย่างสุขสมของเธอ มันอยากจะมุดเข้าไปในถ้ำสาวจนแทบปริแตก กวินจัดการตัวเองโดยไม่รั้งรอ จับมือบางขาวมาสัมผัสมังกรที่กำลังผงาดอวดส่วนสัดอันใหญ่โต
“อ่า... ขยับมันซะ เด็กดี”
ณัฐณิชาแก้มแดงเรื่อ เขินอาย ไม่ว่ากี่ครั้งก็ยังไม่คุ้นชินกับแก่นกายของเขา แม้จะได้เห็นและสัมผัสมาแล้ว
ร่างเล็กใช้มือเล็กค่อย ๆ ขยับมันช้า ๆ พอเขาส่งเสียงคำราม เธอก็เริ่มได้ใจ ขยับมันขึ้นลงตามจังหวะ
“อ่า... ใช้ปากเธอ ณิชา”
เธอมองหน้าเขาอย่างประหม่า แต่ร่างบางก็ทำตามความหวังว่าถ้าทำตัวว่าง่าย เขาอาจใจอ่อนยอมให้เธอกลับบ้าน ร่างเล็กค่อย ๆ ก้มลงไปใช้ลิ้นเลียส่วนปลายที่ปริ่มน้ำเหนียวใส
“อืม…” กวินลูบผมยาวสลวยไปไว้ด้านหลัง เขานอนลงแนบแผ่นเตียงนุ่มเพื่อให้เธอทำมันได้สะดวก
ลิ้นเล็กยังเลียไปรอบ ๆ ขนาดอันใหญ่โต ก่อนจะครอบปากลงไปครองแก่นกายที่แข็งร้อนของเขา
กวินสูดปากแน่นอย่างเสียวซ่าน ลิ้นเล็กขลุกขลิกไปมาอย่างไม่ชำนาญ บางครั้งโดนฟันบาง ๆ ในยามที่เธอไม่ระวัง แต่กลับสร้างความกระสันให้เขาได้เป็นอย่างดี
“อ่ะ...” เขากระชากร่างเล็กมาประกบจูบแลกลิ้นอย่างเมามันส์
อารมณ์ใคร่พุ่งสูงอย่างห้ามไม่อยู่
ชายหนุ่มจับแม่กระต่ายน้อยมานั่งคร่อมร่างของเขา พร้อมกับจับอาวุธที่พร้อมรบจ่อไปในช่องทางที่คับแคบ
กวินขบฟันแน่นจนเห็นสันกราม เมื่อถูกความคับแน่นด้านในของเธอเล่นงาน
“อ๊า...”
ชายหนุ่มก็เร่งสะโพกใส่ จนใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วยความเสียวและจุกประทุที่ประดังกันเข้ามาในคราวเดียว
เสียงครางดังลั่นอย่างไม่อาย เมื่อร่างกายเธอกระสันไปหมด ความกระหายที่กวินเป็นคนจุดประกายทำให้เธอบิดตัวเบี้ยว อกอวบกระพือขึ้นลงตามจังหวะการกระแทกของช่วงล่าง
ชายหนุ่มอดใจไม่ไหวลุกขึ้นมาดูดดึงเม็ดทับทิมสีสดที่ล่อตา
“อ๊า... คุณวิน อ๊า...”
“ซี๊ดดด แน่นดีเหลือเกิน เรียกอีก เรียกชื่อฉันอีก”
“คุณวินขา คุณวิน คุณวิน...” เสียงใสพร่ำเรียกแต่ชื่อของเขาราวกับคนเพ้อ
กวินพอใจกับสิ่งที่ได้ยิน น้ำเสียงสั่นเครือที่เต็มไปด้วยความกระหายเรียกหาแต่เขา