สปอร์ตคาร์สีแดงเพลิงที่เคิร์กเป็นคนขับมุ่งหน้าออกจากคฤหาสน์คาร์เตอร์ผ่านถนนหนทางต่างๆ จนกระทั่งเข้ามายังโรงจอดรถของบ้านที่อยู่บนเนินเขา ซึ่งเป็นบ้านที่เคิร์กซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองจากการเป็นนักแข่งรถ และในโรงจอดรถก็ไม่ได้มีรถเพียงแค่คันเดียว มีสปอร์ตคาร์อีกสองคัน หนึ่งในนั้นเป็นแอร์ริส51 สปอร์ตคาร์รุ่นล่าสุดจากแอร์ริสคอร์ป บริษัทรถยนต์ยักษ์แห่งหนึ่งในอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทของเพื่อนสนิทของเขาอย่างเอเรียส รถคันนี้เป็นรถยนต์ต้นแบบที่เขาได้มาฟรีๆ จากการให้ความช่วยเหลือตามหาภรรยาที่หายตัวไปของเอเรียส แม้เขาจะปฏิเสธแต่แน่นอนว่าเอเรียสไม่ยอม เจ้าตัวส่งรถมาให้เขาถึงหน้าบ้าน
เคิร์กกดล็อกรถก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้านสองชั้นที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ชายหนุ่มค่อนข้างรักความเป็นส่วนตัว และที่สำคัญบ้านหลังนี้สามารถมองเห็นวิวสวยๆ ที่อยู่ต่ำลงไป นั่นเป็นเหตุผลที่เคิร์กควักกระเป๋าซื้อมันมาไว้ในครอบครองด้วยราคาที่ไม่น้อยเลย แต่ก็นั่นละ แม้จะต้องจ่ายด้วยราคาแสนแพงแต่ไม่ได้ทำให้นักแข่งรถหนุ่มที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกปีนี้ต้องขนหน้าแข้งร่วง
ขายาวก้าวมาที่โซนบาร์ที่อยู่ชั้นล่างของบ้าน ไวน์รสเยี่ยมถูกรินใส่แก้วใสก้านสั้น เคิร์กหมุนแก้วในมือหนึ่งรอบก่อนจะยกไวน์ขึ้นจิบระหว่างที่เขาพาตัวเองออกมายืนรับลมที่ระเบียง ดวงตาสีเฮเซลนัททอดมองทัศนียภาพเบื้องล่าง ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มเศษ ตัวตึกและอาคารรวมถึงถนนหนทางที่อยู่เบื้องล่างจึงเต็มไปด้วยแสงไฟหลากสีสัน นั่นเป็นสิ่งที่มองแล้วน่าอภิรมย์ไม่น้อย แต่ตอนนี้เคิร์กไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะตอนนี้ในหัวของเขาเต็มไปด้วยเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง
เขมรดา
เคิร์กไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่ตอนที่เขาเห็นเขมรดายืนรอรถอยู่ตรงป้ายด้วยเนื้อตัวเปียกปอน เขาที่ขับรถผ่านไปแล้วกลับเลี้ยวรถกลับไปรับหล่อนเสียอย่างนั้น คิดแบบนั้นคิ้วหนาที่พาดเหนือดวงตาเรียวรีก็ขยับเข้าหากันแน่น ทั้งๆ ที่คิดเอาไว้แล้วว่าตั้งใจจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอีกฝ่ายแล้วแท้ๆ
บ้าชะมัด
เคิร์กสบถอย่างหัวเสียและค่อนข้างหงุดหงิดที่ตัวเองเสียการควบคุม ดวงตาคู่คมยังคงทอดมองทัศนียภาพเบื้องล่างในขณะที่คิ้วหนายังไม่คลายออกจากกัน ในหัวของเขายังคงครุ่นคิดเรื่องของเขมรดา ความรู้สึกตีรวนสับสน เพราะตอนนี้เขารู้สึกอยากผลักไสหล่อนให้ออกห่างพอๆ กับที่ต้องการหล่อนมาอยู่ใกล้ๆ เช่นกัน
ก็แค่ถูกใจ
นักแข่งรถหนุ่มพยายามคิดเช่นนั้น แต่ในหัวของเขากลับสลัดภาพที่หล่อนนอนครวญครางอยู่ใต้ร่างออกไปไม่ได้เลย มือหนายกไวน์ในมือขึ้นจิบอีกครั้ง ก่อนจะเอี้ยวตัวหันมองเข้าไปในตัวบ้านเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าสมาร์ตโฟนที่วางเอาไว้ตรงเคาน์เตอร์บาร์ดังขึ้น ขายาวก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตรงเคาน์เตอร์ ปลายสายคือไคลน์ พี่ชายของเขา เคิร์กไม่รีรอที่จะกดรับสาย
“ว่าไงไคลน์”
“เรื่องที่นายให้พี่จัดการเรียบร้อยแล้วนะ”
“ว่ามาเลยผมฟังอยู่”
“มีแค่ป้านอร่าที่เข้าไปทำความสะอาดห้องของนาย นอกนั้นก็ไม่มีใคร อ่อ มีเขมรดาอีกคนที่เข้าไปในห้อง แต่หลังจากที่นายเข้าห้องไปแล้วน่ะนะ”
“งั้นเหรอครับ”
เคิร์กขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินแบบนั้น ป้านอร่าเป็นคนเก่าคนแก่ของคฤหาสน์ ไม่มีเหตุผลอะไรให้ป้านอร่าต้องทำเช่นนั้น แล้วใครกันที่ทำเรื่องนี้
คงต้องรอดูว่าแพทริกจะเจอรอยนิ้วมือใครบ้าง
“ว่าแต่เขมรดาเข้าไปในห้องนายแบบนั้น ระหว่างนายกับเธอเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า”
คำถามจากปลายสายทำให้เคิร์กนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนที่ลมหายใจพรืดใหญ่จะพรูออกมา แล้วให้คำตอบพี่ชายอย่างไคลน์แบบไม่เต็มเสียงนัก
“ก็...ไม่นี่ครับ”
“ถ้างั้นก็ดีแล้วละ ถึงเขมรดาจะเป็นหลานของคุณภัสสร แต่นายต้องเข้าใจนะว่าเค้าเป็นคนละคนกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นนายก็ควรรับผิดชอบ ได้ยินนายบอกแบบนั้นพี่ก็สบายใจ”
“อ่าครับ”
“แล้วนายจะเอาไงต่อ”
“ผมเอาเหยือกน้ำไปให้ผู้หมวดแพทริกช่วยหารอยนิ้วมือแฝง รอผลอีกสองสามวันครับ”
“งั้นก็โอเค ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน”
“ครับ”
“งั้นแค่นี้แหละ เบ็ตตี้เรียกฉันแล้ว”
“โอเค ไว้เจอกันครับ”
“อืม”
ไคลน์กดวางสายไปแล้วทิ้งเคิร์กเอาไว้กับใบหน้าเคร่งขรึม และในหัวของเขาก็เต็มไปด้วยความครุ่นคิด เขาไม่อยากโกหกหรือปิดบัง แต่ดูเหมือนว่าเขาได้ทำมันลงไปแล้ว
ช่างเถอะ
ถึงแม้จะคิดแบบนั้นแต่เคิร์กก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ จากเดิมที่ยืนตรงเคาน์เตอร์บาร์ก็หย่อนก้นลงบนเก้าอี้ทรงสูง มือหนาหยิบขวดไวน์ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า เขาเทไวน์ใส่แก้ว วนแก้วไวน์ในมือก่อนจะยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด และเขาก็ทำเช่นนั้นซ้ำๆ จนกระทั่งไวน์หมดขวด หากแต่สุดท้ายก็ต้องสบถอย่างหัวเสีย
“เวรเอ๊ย!”
เขานึกถึงเขมรดาอีกแล้ว ทำไมเขาต้องนึกถึงหล่อน ทำไมเขาถึงสลัดภาพของหล่อนออกไปจากหัวไม่ได้เลย ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ใบหน้าหล่อเหลาที่เคร่งขรึมอยู่แล้วก็ยิ่งดูเคร่งเครียดหนัก เขาจะจัดการกับความคิดบ้าๆ ในหัวของเขาอย่างไรดี
และสุดท้ายเคิร์กก็จัดการตัวเองด้วยการหยิบวิสกี้ตรงชั้นวางด้านในเคาน์เตอร์บาร์มาหนึ่งขวด ชายหนุ่มถือขวดวิสกี้กับแก้วเปล่าไปที่โซฟา เขานั่งดื่มวิสกี้อยู่ตรงนั้นจนกระทั่งหลับไปหลังจากที่น้ำสีอำพันเหลือเพียงแค่ก้นขวด
ครืด...ครืด…
เสียงสั่นของสมาร์ตโฟนที่วางไว้บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาปลุกให้เคิร์กที่ยังอยู่ในอาการงัวเงียต้องเปิดเปลือกตาขึ้น เขาสะบัดศีรษะเล็กน้อยตอนที่พยายามลุกขึ้นนั่ง ครู่หนึ่งเปลือกตาหนาก็เปิดกว้าง มือหนาทั้งสองข้างยกขึ้นลูบใบหน้าเพื่อปลุกให้ตนลืมตาตื่นได้อย่างเต็มตาก่อนที่เขาจะหยิบสมาร์ตโฟนที่ยังสั่นไม่หยุดหย่อนขึ้นมา
“เอ็ม”
เคิร์กเอ่ยชื่อเอมิลี่ที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอ หล่อนเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาและเป็นคนที่คอยดูแลเขาแทบทุกเรื่อง ทั้งเรื่องตารางงาน ตารางแข่งรวมถึงเรื่องส่วนตัวบางเรื่องที่เขาไหว้วาน คิ้วหนาที่พาดเหนือดวงตาเรียวรีขยับเข้ากันเล็กน้อยตอนที่กดรับสายคนที่โทร.หาเขาแต่เช้าตรู่แบบนี้
“เวลาพักผ่อนของนายในวันนี้ได้สิ้นสุุดลงแล้ว”
“อะไรของเธอ”