หากอีกฝ่ายไม่มีความเกี่ยวข้องกับภัสสร เรื่องที่เกิดขึ้นก็น่าจะง่ายกว่านี้ เพราะบางทีเขาอาจเสนอให้เขมรดามาเป็นผู้หญิงของเขา
แต่ก็นั่นละ
ความจริงก็คือความจริง เขาไม่อาจไปเปลี่ยนแปลงความจริงได้ ความจริงที่ว่าก็คือเขมรดาเกี่ยวข้องกับภัสสร และเขาก็ไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปพัวพันใกล้ชิดกับคนที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงหิวเงินอย่างภัสสร
คิดได้แบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจพลางสั่นศีรษะเบาๆ เคิร์กทราบดีว่าตอนนี้ความคิดของเขากำลังตีรวนสับสนไปหมด ใจหนึ่งก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว หากแต่อีกใจก็อยากจะเข้าไปพัวพัน
นี่มันเรื่องบ้าบอที่สุด
จะดีที่สุดก็คือเขาต้องไม่พบเจอกับผู้หญิงที่ชื่อเขมรดาอีก
ใช่ เขาต้องทำแบบนั้น
นอส โมเดลลิ่ง
เขมรดาก้าวเข้าไปในตัวตึกสีส้มอิฐขนาดสามชั้นที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางมหานครนิวยอร์กพร้อมกับภัสสรที่เดินนำหน้า ภัสสรหยุดเท้าตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เขมรดาก็หยุดเท้าตาม
“สวัสดีค่ะ ฉันมาหาคุณสการ์เล็ต นัดเอาไว้แล้ว ฉันชื่อภัสสร”
“สักครู่นะคะ” เจ้าหน้าที่สาวกดไอแพดเช็คตารางนัดหมายอยู่ครู่หนึ่งก็เงยหน้าขึ้นมาให้คำตอบ
“ขึ้นไปที่ชั้นสอง เลี้ยวซ้าย ห้องสุดทางเดิน คุณสการ์เล็ตรออยู่ในนั้นแล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ภัสสรกล่าวก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสองโดยมีเขมรดาเดินตามไปไม่ห่าง ทั้งคู่เดินมาถึงห้องที่เจ้าหน้าที่สาวบอก ภัสสรยกมือขึ้นเคาะประตูห้อง
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
“เชิญค่ะ” ได้ยินเสียงอนุญาตทั้งคู่จึงพากันเข้าไปด้านใน
“สวัสดีค่ะ” ภัสสรกล่าวทักทายสการ์เล็ตหญิงผมสีบลอนด์ทองที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะในห้องประชุมเล็ก ส่วนเขมรดานั้นกำลังส่งยิ้มให้อีกฝ่ายตามมารยาท
“สวัสดีค่ะ เชิญนั่งก่อน”
ทั้งภัสสรและเขมรดาต่างขยับเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง โดยภัสสรนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับสการ์เล็ต ส่วนเขมรดานั่งที่เก้าอี้ตัวถัดมา
“นี่คือเขมรดาค่ะ เรียกขิมก็ได้” ภัสสรเป็นคนกล่าว “ขิม นี่คุณสการ์เล็ต เป็นผู้จัดการนอส โมเดลลิ่ง”
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีจ้ะ”
สการ์เล็ตทักทายกลับพร้อมสายตาที่มองเขมรดาอย่างประเมิน รูปร่างหน้าตาของเขมรดาถูกใจสการ์เล็ตไม่น้อย หญิงสาวชาวเอเชีย ผิวสีน้ำผึ้งเรียบเนียน ดวงหน้ารูปไข่กับดวงตากลมโตสีดำขลับดึงดูดสายตาไม่น้อย และตอนนี้
สการ์เล็ตก็กำลังคำนวนรายได้ที่คาดว่าจะได้จากเขมรดา
น่าจะไม่น้อยเลยทีเดียว
สการ์เล็ตเผยรอยยิ้มการค้าก่อนจะยื่นเอกสารที่เตรียมมาให้ภัสสร ภัสสรรับเอาไว้ ก่อนที่สการ์เล็ตที่ยังคงมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าจะกล่าวออกมา
“ค่อยๆ อ่านไปนะ ติดขัดตรงไหนก็บอกได้ ไม่ต้องรีบ ขอตัวไปจัดการธุระสักครู่”
“ได้ค่ะ”
ภัสสรรับคำสการ์เล็ตจึงลุกออกไปจากห้อง เขมรดานั่งเงียบระหว่างรอภัสสรอ่านเอกสารในมือ อีกยี่สิบนาทีต่อมา สการ์เล็ตก็กลับเข้ามาในห้อง
“เป็นไง ติดขัดตรงไหนไหม” สการ์เล็ตเอ่ยขึ้นตอนที่ขยับเก้าอี้ตัวเดิมออกแล้วนั่งลง
“เจ็ดสิบสามสิบ” ภัสสรกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ “ตกลงค่ะ”
“แล้วขิมล่ะ มีปัญหาตรงไหนไหม”
“ไม่มีค่ะ”
เขมรดาตอบรับแบบไม่ต้องเสียเวลาไตร่ตรอง เพราะเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของภัสสร หล่อนมีหน้าที่แค่ทำตามความต้องการของอีกฝ่ายก็เท่านั้น
“ดีมากจ้ะ ถ้างั้นฉันจะพาเธอไปแต่งหน้าทำผมแล้วไปถ่ายรูปเอาไว้เป็น*คอมการ์ดเสนอลูกค้า”
“ค่ะ” เขมรดารับคำ
“ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อน ไว้เสร็จทางนี้เรียบร้อยเธอค่อยกลับบ้านเองก็แล้วกัน กลับได้ใช่ไหม”
“ได้ค่ะ”
เขมรดารับคำ ถึงแม้จะยังไม่ชินกับเส้นทางแต่เธอปักหมุดโลเกชั่นคฤหาสน์คาร์เตอร์เอาไว้แล้ว เดินทางโดยรถแท็กซี่คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร อีกอย่างหล่อนก็ไม่กล้ารบกวนให้ภัสสรรอ
“ถ้างั้นฉันกลับละ ขอตัวก่อนนะคะคุณสการ์เล็ต”
ท้ายประโยคภัสสรหันไปบอกสการ์เล็ต ก่อนที่ทั้งหมดจะลุกออกไปจากห้องประชุมเล็ก โดยที่เขมรดาตามสการ์เล็ตไป ส่วนภัสสรนั้นแยกไปอีกทาง
*คอมการ์ดคือ เครื่องมือในการโปรโมททำมาเก็ตติ้งซึ่งจะใช้กันโดยเฉพาะในวงการนายแบบ นางแบบ ซึ่งจะใช้แสดงข้อมูลเกี่ยวกับตัวนางแบบ นายแบบสั้นๆ เช่นส่วนสูง น้ำหนัก สัดส่วน และรูปภาพ
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เขมรดาก็มารอรถที่จุดรอรถ ท้องฟ้าที่เคยสว่างจ้าด้วยแสงจากดวงอาทิตย์กำลังถูกแทนที่ด้วยก้อนเมฆสีฟ้าหม่น ลมแรงพัดผ่านจนเส้นผมสีดำสนิทปลิวไหวไปตามแรงลม มือเล็กยกขึ้นรวบผมเอาไว้ไม่ให้บดบังการมองเห็น เสียงท้องฟ้าคำรามทำให้เขมรดาสะดุ้งตัวน้อยๆ จากที่ยืนห่างจากคนอื่นๆ ที่กำลังรอรถ หล่อนก็ขยับเท้าเข้ามาใกล้ผู้คนเหล่านั้นมากขึ้น อย่างน้อยๆ ก็ทำให้หล่อนรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง และได้แต่ภาวนาให้หล่อนได้ขึ้นรถก่อนที่ฝนจะเทลงมา
แต่คำภาวนาของเขมรดาไม่เป็นผล
เม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมาก่อนจะกระหน่ำรัวราวกับฟ้ารั่ว คนที่มีร่มต่างคว้าร่มในกระเป๋าขึ้นมากางกันเม็ดฝน บางคนก็คว้าเสื้อคลุมกันฝนขึ้นมาสวมใส่ ส่วนคนที่ไม่มีทั้งร่มและชุดกันฝนอย่างเขมรดากับอีกสองสามคนต่างขยับเข้ามาเบียดเสียดกันตรงจุดรอรถด้านใน หวังจะใช้หลังคาจุดรอรถช่วยกันเม็ดฝนที่สาดกระเซ็นเข้ามา แต่ก็ช่วยได้ไม่มากนัก เพราะนอกจากเม็ดฝนที่กระหน่ำรัวแล้วสายลมก็กรรโชกอย่างแรงนั่นเลี่ยงไม่ได้เลยที่คนที่ไร้ทั้งร่มและชุดกันฝนอย่างเขมรดาจะไม่เปียกปอน และตอนนี้หล่อนก็เรียนรู้แล้วว่าการใช้ชีวิตที่นี่ต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา ทั้งร่มและชุดกันฝนเป็นของที่ขาดไม่ได้หากจะใช้ชีวิตในเมืองที่ไม่อาจคาดเดาสภาพอากาศที่อาจจะเปลี่ยนแปลงรวดเร็วได้อย่างมหานครนิวยอร์ก
ผ่านไปราวๆ ชั่วโมงเศษเม็ดฝนที่เคยกระหน่ำรัวก็ค่อยๆ ซาลง แขนเรียวทั้งสองข้างของเขมรดากระชับร่างกายที่สั่นเทาเพราะเปียกชื้นเอาไว้ ริมฝีปากที่เคยเป็นสีเชอร์รี่สดค่อยๆ ซีดลงอย่างน่ากังวล ดวงตากลมโตได้แต่มองรถคันแล้วคันเล่าที่ขับผ่านไป น้อยคันนักที่จะจอดรับผู้โดยสาร และเขมรดาเองก็ไม่กล้าเสี่ยงขึ้นรถประจำทางเพราะเกรงว่าจะหลงไปไหนต่อไหน
ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามา ดีหน่อยที่ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว เขมรดายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ตอนนี้บอกเวลาราวหกโมงเย็น แต่เป็นเพราะฝนที่เพิ่งจะหยุดตกไปจึงทำให้ท้องฟ้าดูมืดครึ้มเร็วกว่าปกติ เขมรดาพยายามจะเรียกรถอีกครั้ง แต่ไม่มีคันไหนจอดรับเลยนั่นเป็นเพราะรถแต่ละคันมีผู้โดยสารแล้ว
“เอาไงดีนะ”
เขมรดาพึมพำเบาๆ คิ้วได้รูปที่พาดเหนือดวงตากลมโตขยับเข้าหากันจนเกือบชิด หรือว่าหล่อนจะโทร.ไปขอความช่วยเหลือจากภัสสรดี
แต่ก็อดเกรงใจอีกฝ่ายไม่ได้
ระหว่างที่เขมรดายังคงลังเลอยู่หลายส่วนนั้น เสียงบีบแตรรถดังติดกันถี่ๆ ทำให้เรียวหน้ารูปไข่แหงนเงยขึ้น สปอร์ตคาร์สีแดงเพลิงยี่ห้อดังอยู่ตรงหน้าของหล่อน ก่อนที่กระจกรถฝั่งข้างคนขับจะลดลง เขมรดากระพริบตาปริบๆ ตอนที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มชะโงกหน้ามาพูดกับหล่อน
“ขึ้นรถ”
“เอ่อ…”
“เร็วๆ รถหลังบีบแตรไล่แล้ว”
เขมรดาเหลือบสายตาไปมองด้านหลังก็เห็นเป็นจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า แม้ไม่ต้องการรับความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย แต่ครั้งนี้เขมรดาไม่อาจปฏิเสธได้ นอกจากเจ้าของรถอย่างเคิร์กจะมองมาด้วยสายตากดดันแล้ว รถคันหลังก็ยังบีบแตรรัวๆ นั่นเป็นเหตุให้เขมรดาตัดสินใจก้าวขึ้นรถ
“ขอบคุณค่ะ”
เขมรดาบอกตอนที่ดึงเข็มขัดนิรภัยขึ้นมาคาด เคิร์กไม่ได้ตอบรับอะไร เขารอจนกระทั่งหล่อนคาดเข็มขัดเรียบร้อยจากนั้นสปอร์ตคาร์สีแดงเพลิงก็เคลื่อนออกไป เขมรดาค่อนข้างเกร็งเมื่อตกอยู่ภายในห้องโดยสารที่เงียบสงัด มือเล็กยกขึ้นลูบใบหน้าของตนที่เปียกชุ่มน้ำฝน ก่อนจะยกแขนเรียวทั้งสองข้างขึ้นโอบกอดร่างของตนเอาไว้ เพราะลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในรถปะทะผิวกายที่เปียกโชกนั้นไม่ใช่เรื่องดีเลย
“จะไปไหน”
เสียงทุ้มดังขึ้นระหว่างที่มือหนาเอื้อมไปปรับอุณหภูมิแอร์ เคิร์กถามโดยไม่ได้มองหน้าคู่สนทนา ดวงตาสีเฮเซลนัทยังคงจับจ้องอยู่ที่ถนนเบื้องหน้า คล้ายไม่ได้ให้ความสนใจเขมรดานัก หากแต่ก็แอบลอบมองหล่อนเป็นระยะ
“กลับคฤหาสน์คาร์เตอร์ค่ะ”
คำตอบของเขมรดาไม่ผิดจากที่เคิร์กคิดเอาไว้นัก จากนั้นภายในห้องโดยสารก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง และเขมรดาก็เลือกจะมองที่ข้างทางจนกระทั่งสปอร์ตคาร์สีแดงเพลิงจอดตรงหน้ามุขของคฤหาสน์หลังงาม ทันทีที่รถจอดสนิท เขมรดาเอื้อมมือปลดเข็มขัดนิรภัยออก
“ขอบคุณค่ะ”
เขมรดาบอกก่อนที่หล่อนจะก้าวลงจากรถ เคิร์กเองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ไม่แม้แต่จะตอบรับคำขอบคุณของหล่อน ระหว่างที่เขมรดาก้าวขึ้นบันไดยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไปในตัวบ้าน สปอร์ตคาร์สีแดงเพลิงก็เคลื่อนออกไป
“ทำไมคุณเคิร์กถึงได้มาส่งเธอ”
น้ำเสียงที่ถามเต็มไปด้วยความไม่พอใจจนเขมรดารู้สึกได้ แต่ที่หล่อนไม่เข้าใจก็คือทำไมภัสสรต้องไม่พอใจมากขนาดนี้ด้วย
“ขิมรอรถอยู่ที่หน้าโมเดลลิ่งค่ะ ฝนตกหนักเพิ่งจะหยุด ไม่มีรถคันไหนจอดรับขิมเลย คุณเคิร์กผ่านมาพอดีคงเห็นขิมเข้าเลยแวะรับมาส่งค่ะ”
เขมรดาตอบออกไปตามความจริง นั่นทำให้ภัสสรที่หน้าตึงในตอนแรกค่อยๆ ผ่อนคลายลง แต่ถึงกระนั้นนัยน์น้ำเสียงก็ยังมีความไม่พอใจเจืออยู่
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี แต่ฉันเตือนเอาไว้ก่อนนะอย่าได้ยุ่งกับคุณเคิร์กเค้าเป็นอันขาด ถ้าเธอไม่อยากเสียใจ เธอสู้พวกดารา นางแบบที่เค้าควงไม่ได้หรอก คุณเคิร์กเค้าเจ้าชู้ ถ้าเป็นไปได้อย่าพาตัวเองเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเขา เลี่ยงได้ก็เลี่ยง ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะแล้วลงมากินมื้อค่ำ ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยอย่าให้เจ็บป่วย เดี๋ยวจะเสียงานเสียการ”
“ค่ะคุณน้า”
เขมรดาค้อมศีรษะน้อยๆ ตอนที่เดินผ่านภัสสรไป ภัสสรเอี้ยวตัวมองตามร่างที่เปียกชุ่มของเขมรดาอย่างไม่พอใจก่อนจะดึงสายตากลับมาที่หน้ามุข แล้วเลื่อนสายตาไปที่ประตูใหญ่หน้าบ้านที่สปอร์ตคาร์สีแดงเพลิงเพิ่งจะหายไป
ความรู้สึกอิจฉาฉายชัดในดวงตาของภัสสร เคิร์กไม่เคยให้ใครนั่งสปอร์ตคาร์สีแดงเพลิงราคาแสนแพงที่เจ้าตัวหวงนักหวงหนาง่ายๆ แต่เขมรดากลับได้นั่งทั้งๆ ที่อีกฝ่ายเพิ่งจะมาอยู่ได้ไม่กี่วันแท้ๆ
ภัสสรอดไม่ได้ที่จะเม้มเรียวปากเข้าหากันแน่น ถึงแม้จะอยู่ในวัยสี่สิบต้นๆ แต่เพราะดูแลตนเองเป็นอย่างดี ภัสสรจึงยังดูไม่ต่างจากสตรีอายุสามสิบต้นๆ หล่อนมีใบหน้าสวยสดไม่แพ้ใคร และมีรูปร่างเย้ายวนอย่างที่สตรีพึงมี จะเห็นแก่ที่เขมรดาเป็นลูกสาวของเพื่อนรุ่นพี่ หล่อนจึงห้ามปรามเอาไว้ก่อน แต่ถ้าเขมรดากล้าพาตัวเองไปใกล้ชิดกับเคิร์กโดยที่ไม่ฟังคำเตือนของหล่อนแล้วละก็ คงได้เห็นดีกัน