“ผลเป็นไง เจอลายนิ้วมือใครบ้าง” เคิร์กถามปลายสายผ่านโทรศัพท์อย่างคนที่กำลังร้อนใจ
“ใจเย็นๆ ก่อนสิ นายไม่ควรเลือดร้อน”
ผู้หมวดแพทริกซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของเคิร์กกลั้วหัวเราะในลำคอตอนที่ตอบออกไป อดไม่ได้ที่จะห้ามปรามคนเลือดร้อนที่เพิ่งจะเอาหลักฐานมาให้เพื่อให้เขาช่วยตรวจสอบลายนิ้วมือบนเหยือกน้ำเมื่อชั่วโมงก่อน
“แล้วจะรู้ผลวันไหน”
“ฉันขออีกไม่เกินสามวัน”
“ช้าไปครับผู้หมวด”
“ขอล่ะเคิร์ก นี่ก็ถือว่าเร็วสุดแล้วนะ เร็วกว่านี่นายต้องให้ท่านอธิบดีเป็นคนมาออกคำสั่งแล้ว”
แพทริกกล่าวถึงเคน คาร์เตอร์ อธิบดีกรมตำรวจซึ่งเป็นบิดาของเคิร์ก ทำเอานักแข่งรถหนุ่มถึงกับส่ายหน้าหวือ ถึงแม้คนปลายสายอย่างแพทริกจะไม่เห็นก็ตาม
“ไม่ดีกว่า ให้ขอความช่วยเหลือจากพ่อก็ต้องมีอะไรไปแลกเปลี่ยนอีก”
เคิร์กรู้สึกขนลุกไม่น้อยยามที่เอ่ยถึงผู้เป็นบิดา ครั้งก่อนที่เขาขอความช่วยเหลือให้กับเอเรียส เพื่อนสนิทของเขาเรื่องภรรยาที่หายตัวไป เขาต้องทำตามใจพ่อเป็นเวลาเกือบๆ หนึ่งสัปดาห์ด้วยการที่ต้องเข้าไปรับประทานมื้อค่ำที่คฤหาสน์คาร์เตอร์ คนอื่นๆ อาจจะมองว่านี่ไม่ใช่เรื่องยากหรือลำบากอะไร แต่สำหรับเขามันเป็นเรื่องที่ยากลำบากเสียเหลือเกินในความรู้สึกของเขา ทำไมน่ะหรือ
ก็เพราะเขาต้องใช้อากาศหายใจร่วมกับภัสสร ภรรยาผู้หิวเงินของบิดาเขาน่ะสิ และถ้าเลือกได้ บิดาคือตัวเลือกสุดท้ายที่เขาจะขอความช่วยเหลือ
“ฮ่าๆ งั้นก็ต้องรอไปก่อนนะครับคุณนักแข่ง”
“ฮึ” เคิร์กอดแค่นเสียงขึ้นจมูกไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงกลั้วหัวเราะของแพทริก
“ว่าก็ว่าเถอะ ในน้ำนี่มียานั่นไม่น้อยเลยนะ ว่าแต่นายรอดมาได้ยังไง”
“รอดกับผีน่ะสิผู้หมวด”
“เฮ้ย พูดงี้ฉันใจคอไม่ดีเลยนะ ไม่ใช่ว่านายไปทำอะไรใครเข้าหรอกนะ”
“โลกสวยด้วยมือเราน่ะ ผู้หมวดรู้จักไหม”
เคิร์กไม่ได้บอกออกไปทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาต้องแน่ใจก่อนว่าเขมรดาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เขาอยากแน่ใจจริงๆ ว่าหล่อนเป็นเพียงแค่เหยื่อหรือเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
เขาจะได้จัดการให้เด็ดขาด แต่นั่นก็ต้องมีหลักฐานเพียงพอด้วย
และแน่นอนว่าเขามีผู้ต้องสงสัยเอาไว้ในใจแล้ว
“เออ โล่งอกไปที”
“ช่างเรื่องนั้นก่อน ที่ผมอยากรู้ก็คือใครเป็นคนทำเรื่องนี้”
“งั้นฉันว่านายควรไปเช็คกล้องวงจรปิดที่บ้านนายหน่อยดีไหม จะได้รู้ว่ามีใครเข้าออกห้องของนายบ้าง อย่างน้อยๆ ก็จะช่วยตีวงผู้ต้องสงสัยให้แคบลง”
สัญชาตญาณของตำรวจมีอยู่เต็มเปี่ยมในตัวของแพทริกจนเคิร์กอดจะยกยิ้มมุมปากไม่ได้ ใบหน้าหล่อเหลาพยักหงึกๆ อย่างเห็นด้วย แม้ว่าคนปลายสายอย่างแพทริกจะไม่ได้อยู่ตรงหน้าก็ตาม
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับผู้หมวด ไว้หาตัวคนก่อเรื่องเจอเมื่อไรผมจะตอบแทนอย่างงามเลย”
“แล้วถ้าไม่เจอ”
“ก็อดสิครับ”
“งั้นฉันไม่ช่วยละ”
“โอ้โหผู้หมวด ใจเย็นก่อน ผมล้อเล่น เจอไม่เจอผมก็ตอบแทนค่าเสียเวลาอยู่แล้วน่า”
“งั้นดีล”
“ฮึ”
เคิร์กกระตุุกยิ้มมุมปากอีกครั้ง และเขาก็รู้ดีว่าแพทริกไม่ได้ต้องการอะไรเป็นการตอบแทนหรอก ก็แค่เย้าแหย่กันสนุกๆ ก็เท่านั้น
“มีงานด่วนว่ะ ไว้คุยกัน”
“โอเค”
เคิร์กลดโทรศัพท์ลงหลังจากแพทริกกดวางสายไปแล้ว ปลายนิ้วเรียวเลื่อนที่หน้าจอ ครู่หนึ่งก็ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบเข้ากับใบหูอีกครั้ง
“ว่าไง”
“ไคลน์ พี่ยุ่งอยู่รึเปล่า”
“คุยได้ นายมีอะไร”
“พี่ช่วยเข้าไปเช็คกล้องวงจรปิดที่บ้านให้หน่อยสิว่าเมื่อวานมีใครเข้าออกห้องผมบ้าง”
“เกิดอะไรขึ้น”
“เมื่อคืนผมถูกวางยา”
“เฮ้ย ยาอะไร แล้วตอนนี้นายเป็นไงบ้าง”
น้ำเสียงของไคลน์เต็มไปด้วยความตื่นตกใจเมื่อได้ยินเคิร์กบอกแบบนั้น
“ยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศน่ะสิ เมื่อคืนเกือบตาย”
ที่เกือบตายไม่ใช่เคิร์กคนเดียวเขมรดาก็ด้วย เพราะเมื่อคืนหล่อนสลบไสลอยู่ใต้ร่างของเขา ซึ่งตอนแรกนั่นเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่ทำให้เขาตักตวงความหอมหวานจากเรือนกายของหล่อน
แต่ครั้งหลังๆ เขาเองก็ชักไม่แน่ใจ
เคิร์กไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัวตอนที่ได้ยินเสียงของไคลน์อีกครั้ง
“ใครมันเป็นคนทำเรื่องบ้านี่วะ”
“ผมก็อยากรู้เหมือนกัน เลยให้พี่ช่วยไง”
“ว่าแต่ นายไม่ได้เผลอไปปลุกปล้ำใครเข้าหรอกนะ”
“ไม่นี่”
เป็นอีกครั้งที่เคิร์กไม่อาจพูดเรื่องที่เกิดขึ้นออกไปทั้งหมดได้ อย่างที่บอกเขาต้องการหลักฐานเพื่อมัดตัวคนก่อเรื่องก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน
“งั้นก็ดีแล้ว” ไคลน์ขมวดคิ้วเล็กน้อย “แล้วทำไมนายไม่ให้พ่อบ้านช่วยดูให้ล่ะ”
“ผมไม่ไว้ใจใคร เพราะถ้าไว้ใจได้คงไม่เกิดเรื่อง”
“ได้ เดี๋ยวพี่จัดการให้ ได้เรื่องยังไงเดี๋ยวบอกอีกที ว่าแต่ นายได้บอกเรื่องนี้กับพ่อหรือเปล่า”
“ไม่ครับ อย่าบอกดีกว่า เพราะคนที่ผมสงสัยว่าจะก่อเรื่องนี้ก็คือคนของพ่อนั่นแหละ”
“นายสงสัยคุณภัสสรงั้นหรือ”
“เป็นคนเดียวที่ตัดออกไปไม่ได้เลย”
“ไม่ใช่เพราะว่านายมีอคติส่วนตัวกับเค้าหรอกนะ”
“ไม่ใช่แน่นอน” เคิร์กกล่าวเสียงหนักแน่น
“เอาเถอะ ให้เจอหลักฐานก่อนค่อยว่ากัน อย่าเพิ่งไปโวยวายใส่เค้าล่ะ ฉันไม่อยากเห็นนายทะเลาะกับพ่ออีก”
“รู้แล้วละน่า”
“โอเค งั้นแค่นี้ก่อน ได้เรื่องยังไงเดี๋ยวบอกอีกที”
“ครับ”
ขายาวก้าวมานั่งที่เก้าอี้ทรงสูงตรงโซนบาร์ในบ้านพักส่วนตัวหลังจากไคลน์วางสายไปแล้ว มือหนาหยิบแก้ววิสกี้ขึ้นมากระดกรวดเดียวหมด ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงขอบแก้วเล่น ในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความครุ่นคิด
เคิร์กไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังฟุ้งซ่านมากไปหรือเปล่า แต่เขารู้สึกว่ากำลังได้กลิ่นกายหอมกรุ่นลอยวนอยู่รอบๆ ตัวและกลิ่นนั้นก็เป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นหอมจากตัวของเขมรดา บางครั้งก็ราวกับว่ามันติดอยู่ที่ปลายจมูกของเขา เพราะทุกครั้งที่เขาสูดอากาศหายใจเข้าปอด กลิ่นหอมละมุนนั้นก็ยิ่งเด่นชัด และนั่นก็เป็นเหตุที่ทำให้เขาหงุดหงิด