หลังการินระบายความโกรธกับร่างกายเธอในคืนนั้น คริมาก็ถูกย้ายไปฝึกงานตำแหน่งผู้ช่วยท่านประธานแทนที่จะได้ดูแลท่านรอง
“ทำไมคุณกายต้องพาขิมมาด้วย” คนตัวเล็กค้อนพลางถามชายข้างกาย ข่าวลือระหว่างทั้งคู่ถูกพูดถึงอย่างสนุกปากตั้งแต่ท่านประธานที่ปกติไม่เคยสนใจสิ่งใดนอกจากงานมีคำสั่งย้ายเธอแบบฟ้าผ่า และยิ่งวันนี้เขาเลือกเดินทางไปเกาหลีพร้อมคริมาแทนเลขา ข่าวลือที่ว่าก็กระพือขึ้น
“ก็ผมกลัวขิมดื้อ”
“ขิมดื้อตรงไหน คุณกายไม่ตอบแถมบังคับขิมแบบนี้ควรโกรธไหม” เธอไม่รู้ว่าหมู่นี้การินเป็นอะไร เขาทำตัวติดแจยิ่งกว่ากาวตราช้างเสียอีก
“ดื้อตาใสแบบนี้ไง เอาพาสปอร์ตมา” เสียงทุ้มเอ่ยก่อนแย่งพาสปอร์ตในมือเธอให้พนักงานสายการบิน พอเห็นคริมาทำหน้ามุ่ยก็ระบายยิ้มมุมปากก่อนโยกศีรษะเธอเบาๆ
“คุณกาย เดี๋ยวใครมาเห็น” หญิงสาวเตือนเพราะช่วงนี้การินชอบทำตัวประเจิดประเจ้อ กลัวเหลือเกินว่าคุณหญิงพราวพรรณจะรู้เรื่องเข้าสักวัน โดยที่คริมาไม่รู้เลยว่า คนที่เธอต้องการปิดบังรับรู้ความสัมพันธ์ลับๆ นี้มานานแล้ว
“ไม่มีใครหรอก เราบินดึกขนาดนี้”
“แต่ขิมว่า…”
“หรือขิมแอบนัดใคร”
“เปล่า ขิมจะกล้านัดใครได้ล่ะคะ”
“ก็แล้วไป ผมรู้นะว่าช่วงหลังๆ มานี้ใครวอแวกับขิมบ้าง” คนที่เขาเอ่ยถึงจะเป็นใครไปไม่ได้อีกนอกจากพัชระ ทีแรกตอนการินทำเรื่องย้ายคริมา อีกฝ่ายก็เอาแต่ถามหาเหตุผลลูกเดียว สองพี่น้องแทบจะวางมวยกันไปหนึ่งยก แต่ติดตรงต้องรักษาภาพลักษณ์ของโรงแรม
แท้จริงการินรู้ว่าพัชระเริ่มสนใจคริมา แต่เขาจะไม่ยอมให้ญาติผู้น้องยุ่งกับเธอเด็ดขาด นั่นจึงเป็นเหตุผลหลักที่ต้องรีบเอาเธอกลับมาอยู่ข้างกายโดยไว!
“ไปหาอะไรกินกันหรือขิมอยากช็อปปิ้งอะไรบอกได้นะ มีบัตรพร้อมรูด” เขาว่าขณะเอื้อมกุมมือเธอหลวมๆ การินจูงคริมาเข้าไปด้านใน
ความจริงเธอก็อยากช็อปให้กระเป๋าเงินเขาฉีกอยู่หรอก แต่ตอนนี้เหมือนม่านตาทั้งสองข้างพร้อมปิดลงทุกเมื่อ ท้ายที่สุดสองหนุ่มสาวจึงตกลงกันว่าจะนั่งรอในเลาจน์แทน
เมื่อใกล้ถึงเวลา Boarding Time การินก็กระซิบปลุกคริมาที่นอนพิงไหล่เขา คนตัวเล็กงัวเงียสักพักก็ลืมตาตื่น เธอสำรวจความเรียบร้อยของสัมภาระตนเองด้วยกลัวลืม พอเสร็จเขาก็ฉวยมือนุ่มให้เดินตามทั้งที่ยังง่วงนอน สองหนุ่มสาวใช้เวลาบนเครื่องบินราวๆ ห้าชั่วโมงก็ถึงจุดหมายปลายทางในเวลารุ่งเช้าของอีกวัน
กรุงโซล เกาหลีใต้
ทั้งคู่ใช้เวลาเกือบสี่สิบนาทีเดินทางจากสนามบินอินชอนไปถึงยังที่พัก โรงแรมที่เลขาการินจองไว้อยู่ในย่านฮงแด มีถนนคนเดิน ร้านค้า ร้านอาหาร ผับบาร์และคาเฟ่อีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแลนมาร์กยอดนิยมของวัยรุ่นเกาหลีและนักท่องเที่ยวเมื่อมาเยือนกรุงโซล
การินสั่งพนักงานยกกระเป๋าเดินทางทั้งหมดไว้ที่ห้องเขาแม้จองสองห้องก็ตาม แตกต่างจากคริมาที่แอบบ่นในใจว่าจะนอนเบียดกันทำไมให้อึดอัด
“คุณกายเอากระเป๋าขิมไปไหน” มือบางกำลังจะแย่งสัมภาระใบเล็กแต่ก็ไม่ทัน เพราะชายหนุ่มเล่นเดินดุ่มๆ เข้าห้องนอนจนเธอต้องรีบตามเข้าไป
“คุณกาย” เสียงหวานติดเข้มขึ้นเพราะเริ่มหงุดหงิด แต่เรียกดังแค่ไหนเหมือนเขาไม่ได้ยิน
“…” การินนิ่งเฉยราวต้องการยั่วยุหญิงสาวไปในตัว
“คุณกาย!”
“อะไร...ว่าไง” เสียงตอบกลับฟังดูเอื่อยๆ เธอลอบสังเกตแววตาเขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายดูเหนื่อยล้า
“เหนื่อยเหรอคะ?”
“ง่วง” ชายหนุ่มเอ่ยสั้นๆ
“งั้นขิมไม่รบกวนดีกว่า คุณกายพักผ่อนนะคะ” คริมาทำท่าเหมือนจะลากกระเป๋าหนีแต่มีหรือที่การินจะยอม เขาไวกว่ายายตัวเล็กเสมอ มือใหญ่คว้าแขนเรียวก่อนดึงร่างนุ่มนิ่มเข้าหาตัว ชายหนุ่มรัดเอวบางแน่น อาศัยจังหวะทีเผลอเอนกายลงนอนพร้อมกัน
“คุณกายทำอะไรเนี่ย อยากนอนก็นอนคนเดียวสิ ขิมไม่ง่วงสักหน่อย” ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นแรงเหมือนพร้อมหลุดออกมาทุกเมื่อ แม้ใกล้ชิดกับเขาหลายต่อหลายครั้งก็ไม่เคยชินสักที การินยังคงมีผลกับหัวใจคริมาเสมอ และเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้อีกนานเท่าไร ต่างกับท่านประธานหนุ่มที่หัวเราะอารมณ์ดี เขาซุกหน้าเข้าหาซอกคอขาว
“เหนื่อย…” เสียงพึมพำเบามากเหมือนคนกำลังละเมอ คริมาไม่เคยเห็นการินมุมนี้ ชายหนุ่มอ้อนไม่ต่างกับเด็กน้อยคนหนึ่ง สงสัยคงเหนื่อยมากอย่างที่ปากบอกนั่นแหละ
“ขอนอนกอดขิมเติมพลังก่อนนะ” หญิงสาวใจอ่อนลงทันที เธอยอมให้เขาซึมซับไออุ่นจนกว่าจะพอใจ มือนุ่มสอดเข้ามาในเรือนผมดำขลับ ลูบไล้แผ่วเบาเพราะเดาว่าอาจช่วยให้ชายหนุ่มผ่อนคลาย และก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ผ่านไปสักพักเขาก็หลับปุ๋ยในอ้อมกอด ลมหายใจสม่ำเสมอรินรดผิวกายเธอ
คริมายิ้มบางๆ ท่ามกลางความเงียบงัน วูบหนึ่งหญิงสาวแอบหวังให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนากว่านี้ อาจไม่ต้องรักมากหรือรีบร้อน แต่สักวันหนึ่งเธอแค่อยากเคียงข้างเขาได้อย่างเปิดเผย สำหรับลูกผู้หญิง สิ่งเดียวที่คาดหวังจากผู้ชายที่รักคือเป็นตัวจริงในหัวใจไม่ใช่ถูกเก็บซ่อนไว้แค่ในความลับ
หลายชั่วโมงผ่านไป…การเจรจากับคู่ค้าคนสำคัญเริ่มต้นขึ้น
สถานที่นัดหมายคือผับหรูย่านฮงแดของลีดงฮวา หรือ คุณลี หนุ่มนักธุรกิจลูกครึ่งไทย-เกาหลี การินเจอกับอีกฝ่ายผ่านงานสังคมในหมู่ไฮโซ ทำให้รู้ว่าลีดงฮวาอยากทำธุรกิจที่ไทย และ Sriwalai คือเครือแรกซึ่งเขาอยากร่วมลงทุน
“ชนแก้ว!” สำเนียงไทยแปร่งๆ เปล่งออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง ตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาลีดงฮวาชวนดื่มและพูดคุยไม่หยุดตามประสาคนอัธยาศัยดี
“คุณกายชอบที่นี่หรือเปล่า สนใจอยากเปิดผับบ้างไหม”
“จริงๆ ธุรกิจกลางคืนผมก็เคยมองไว้นะ” ไฮโซหนุ่มเอ่ยจบก็จิบไวน์ในมือต่อ
“แต่ยังไม่เจอคู่ค้าคนไหนทำให้มั่นใจได้มากกว่า” ดวงตาคมกริบสบตาอีกฝ่ายคล้ายกำลังสื่อเป็นนัยว่าไม่ใช่ร่วมทุนในธุรกิจโรงแรมอย่างเดียว แต่ผับบาร์ที่ลีดงฮวาถนัดเขาเองก็สนใจ
“ฮ่าๆ คุณนี่ปากหวานนะครับ” และลีดงฮวาก็ดูออก เขาระเบิดหัวเราะเสียงดัง อดชื่นชมการินในใจไม่ได้ แม้บุคลิกภายนอกชายคนนี้ดูเข้าถึงยาก แต่พอมีโอกาสพูดคุยกันแล้วต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายมีวาทศิลป์ยอดเยี่ยม
“ผมพูดความจริง”
“ฮ่าๆ ครับ แต่ผมไม่ยักรู้ว่าเลขาคุณกายสวยขนาดนี้ จำได้ว่าเจอกันครั้งก่อนไม่ใช่…”
“คริมา เธอเป็นผู้ช่วยไม่ใช่เลขาครับ” การินผายมือแนะนำคริมา เธอระบายยิ้มหวานผูกมิตรกับคู่ค้าคนสำคัญอย่างไม่เคอะเขิน
“ขิมค่ะ ถ้าคุณลีอยากรู้รายละเอียดของการร่วมทุนเพิ่มเติมบอกได้เลยนะคะ ขิมยินดีให้ข้อมูล” ริมฝีปากรูปกระจับพูดจาฉะฉาน มือบางหยิบกระเป๋าเอกสารที่เตรียมไว้ขึ้นมาเพื่อบอกให้ลีดงฮวารู้ ไม่ว่าจะเวลาไหนเธอก็พร้อมทำหน้าที่ผู้ช่วยการินไม่ขาดตกบกพร่อง
“ว้าว...คุณทำผมแปลกจัง ยังไงฝากเอกสารพวกนี้ไว้กับคนของผมได้เลยนะครับ หรือจะเป็นนามบัตรก็ได้ คุณสวยมาก ผมไม่ติดขัดเลยที่จะได้ทำความรู้จักกับคุณเพิ่มเติมนอกเหนือจากเรื่องงาน” ได้ยินลีดงฮวาหยอดมุกจีบคริมา ใบหน้าหล่อก็ตึงทันที แต่จำต้องรักษามาดนักธุรกิจ เรียวปากหยักจึงยังยกยิ้มเหมือนเคย ถ้าไม่ติดว่าที่นี่คือถิ่นคู่ค้า เขาไม่มีวันพายายตัวเล็กมาแน่ ชายหนุ่มนับหนึ่งถึงสิบ บอกตัวเองให้อดทนและภาวนาให้การเจรจาจบลงโดยไว ตอนนี้ใจเขาปั่นป่วนแทบบ้า เพราะตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาเธอถูกชายมากมายแทะโลมทางสายตาไม่หยุด
การเจรจาในผับหรูดำเนินต่อไปเกือบสามชั่วโมง พวกเขาพูดคุยกันแบบผ่อนคลายก็จริง แต่ยังไม่ลืมคุยกันเรื่องข้อตกลงในสัญญาให้ชัดเจน
“ผมดีใจนะที่ได้ร่วมทุนกับคนเก่งๆ อย่างคุณ” ลีดงฮวาเอ่ยขณะตบบ่าการินเบาๆ
“เช่นกันครับ ไม่ใช่แค่โพรเจกต์นี้ แต่ผมหวังว่าคุณลีก็จะให้เกียรติเราอีก”
“แน่นอน...แล้วเจอกันที่ไทยนะ” นักธุรกิจหนุ่มกอดลาการิน แถมยังไม่ลืมส่งยิ้มให้คริมา ด้านเธอก็ยิ้มหวานๆ ตอบคล้ายกำลังขอบคุณที่ลีดงฮวามั่นใจใน Sriwalai
วันนี้ทั้งการินและคริมาทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ การเจรจาลุล่วงไปด้วยดีและสามารถทำผลประโยชน์มหาศาล เพราะการร่วมทุนกับลีดงฮวาครั้งนี้ เขาไม่ได้สนใจแค่เปิดพูลวิลล่าสุดหรูในแถบทะเลอันดามันอย่างเดียว นักธุรกิจหนุ่มยังมีคอนเนกชันที่สามารถดีลกับกรุ๊ปทัวร์เกาหลีให้ไปพักโรงแรมในเครือต่างๆ ของ Sriwalai ซึ่งมีสาขาอยู่แทบทุกพื้นที่การท่องเที่ยวในประเทศไทย เรียกได้ว่ามาเยือนเกาหลีครั้งนี้คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย รถคันหรูก็เคลื่อนออกจากไนต์คลับในเวลาเกือบตีสอง ตอนนี้คริมาง่วงตาแทบปิดแต่อยู่ดีๆ ท้องดันร้องขึ้นมา และการินก็หูดีได้ยินเสียงน่าอายนั่นชัดระดับ HD
“หิวเหรอ?” ชายหนุ่มแกล้งถาม ริมฝีปากหยักยิ้มขึ้นเล็กน้อยเพราะเก็บอาการ ไม่อยากให้เธอเขินอาย คริมาจะรู้บ้างหรือเปล่านะว่าเขาพยายามกลั้นขำสุดฤทธิ์
“เปล่า ขิมไม่หิวสักหน่อย” หญิงสาวปฏิเสธหน้าตาย เธอแอบตำหนิตัวเองในใจ ทนเอาหน่อยไม่ได้หรือไง ทำไมต้องหิวตอนนี้ให้ขายหน้าด้วย ทีแรกคิดว่าถึงโรงแรมคงเดินเข้าไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรงร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ แล้วกลับไปกินที่ห้อง เพราะตลอดอาหารมื้อค่ำแทบไม่ได้แตะอะไรนอกจากไวน์
“ไม่หิวข้าวแต่หิวผม” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม
“คุณกาย!” คริมาอยากบิดการินให้เนื้อเขียว ทำไมพักนี้ถึงชอบแกล้งเธอนัก ไม่รู้หรือไง เวลาโดนหยอดทุกวัน คนโดนน่ะคิดไปถึงไหนต่อไหน
“ขิมโกรธจริงๆ นะ”
“ไม่เห็นขิมพูดไง ผมเลยแกล้งลองเดาดูเล่นๆ” แววตาซุกซนสบตาเธอ หลังจากนั้นก็สั่งคนขับรถให้จอดข้างทางเท้าที่ไม่ไกลจากโรงแรม
“ทำอะไร ทำไมเราไม่กลับ” เธอถามเพราะรู้ว่าเขาเหนื่อยมาก ก่อนเจอคู่ค้าแม้หลับคาอ้อมกอดเธอไปพักหนึ่ง แต่พอลืมตาขึ้นมาชายหนุ่มก็ต้องรีบไปประชุมออนไลน์เพื่อคุยเรื่องโพรเจกต์ใหม่ทางซูม เท่ากับว่าตั้งแต่มาเหยียบที่นี่เขาได้พักไม่กี่ชั่วโมงเอง
“ก็ขิมหิว”
“แต่คุณกายดูเหนื่อย ขิมว่าควรกลับไปพักผ่อนมากกว่า เดี๋ยวขิมต้มมาม่ากินที่โรงแรมก็ได้ค่ะ”
“ไม่ได้สิ” เขาส่ายหน้าปฏิเสธ
“ขิมตัวเล็กนิดเดียวเอง อยู่กับผมต้องกินให้อิ่ม เพราะบางทีคืนนี้อาจต้องใช้พลังงานเยอะ” เสียงทุ้มเอ่ยขณะเอื้อมจับมือเธอ เขานวดฝ่ามือนุ่มนิ่มเบาๆ คล้ายกำลังอ้อนคริมาไปในตัว
“หนาวไหม” เพราะอุณหภูมิในช่วงกลางคืนค่อนข้างต่ำกว่ากลางวัน ยิ่งมาในช่วงฤดูหนาวแล้ว คนป่วยบ่อยแบบคริมายิ่งน่าเป็นห่วง
“ไก่ทอดกับเบียร์สักหน่อยดีกว่าเนอะ แก้หิว” เสียงเข้มกดต่ำให้เธอได้ยินคำว่า ‘หิว’ ชัดเจน ใบหน้าหวานร้อนผ่าวเมื่อสบตาทรงเสน่ห์ใกล้ๆ เธอก็มั่นใจว่า ‘หิว’ ของเขาไม่ได้หมายความแบบเดียวกับตัวเอง
การินจูงมือคริมาไปยังร้านใกล้ๆ และพ่อค้าแม่ค้าก็ยังขายของอยู่ เพราะย่านฮงแดคือแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโซล จะดึกดื่นแค่ไหนทว่าผู้คนบางส่วนก็ยังตระเวนท่องราตรีจวบจนฟ้าสว่าง