“พีชเป็นอะไรหรือเปล่า” ดลยาถามพิชญาภาเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั่งเงียบหลังจากที่อาจารย์เคมีสุดเนิร์ดเดินออกจากห้องไปแล้ว
“ไม่รู้สิพีชรู้สึกคุ้นหน้าเขามากๆ เลยนะปูเป้”
“ก็ไม่แปลกนี่เขาเป็นอาจารย์สอนที่นี่มาหลายปีแล้วนะ อีกอย่างเราก็เคยเรียนกับเขามาครั้งหนึ่งแล้วนะ”
“มันไม่ใช่แบบนั้น เหมือนพีชเคยเจอเขาที่ไหนเขาหน้าคล้ายกับคนที่พีชคุยด้วย หน้าก็คล้ายนะชื่อก็คล้าย”
“หรือเขาจะเป็นคนเดียวกัน” ไอยวริญแสดงความคิดเห็นด้วยความตื่นเต้น
“มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะพี่วรรธไม่ได้ใส่แว่นนะไอย์”
“มันก็แค่แว่นหรือเปล่าพีช”
“มันมีหลายๆ อย่างอาจารย์สุดเนิร์ดไม่มีไลน์แต่พี่วรรธมี แล้วการแต่งตัวก็ไม่ใช่แบบนี้เลย อาจารย์สุดเนิร์ดแต่งตัวอย่างกับจะไปประชุมสภาฯ ส่วนพี่วรรธก็แค่เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนรองเท้าผ้าใบแค่นั้นเองดูยังไงก็คนละคน”
“เป้ว่าอาจารย์สุดเนิร์ดไม่ได้หน้าคล้ายกับพี่วรรธที่พีชพูดถึงหรอกเพียงแต่ตอนนี้พีชกำลังหลงผู้ชายคนนั้นอย่างหนักไง เห็นหน้าใครก็คล้ายกับหน้าเขาไปหมด”
“ข้อนี้ไอย์เห็นด้วยกับเป้เลยตั้งแต่วันจันทร์จนถึงวันพุธไม่มีวันไหนที่พีชไม่พูดถึงเขาเลย ว่างเป็นจับโทรศัพท์ไลน์หาตลอด”
“ไม่ต้องมาว่าพีชเลยที่ตัวเองสองคนยังไลน์หาแฟนยังคุยกับแฟนกันตลอดพีชไม่เคยว่า”
“ก็มันแปลกนี่แต่ก่อนตอนพีชคบกับโจ้ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย”
“ก็นั่นมันยังเด็กไงตอนนี้พีชโตแล้วนะ อีกไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบแล้ว”
“พีชจริงจังกับเขามากใช่ไหม” ไอยวริญถามย้ำ
“ใช่สิไอย์ คนนี้จริงจังกว่าทุกคนเลย”
“แล้วเมื่อไหร่จะพามาให้เป้กับไอย์รู้จัก”
“รอให้พีชมั่นใจก่อนว่าเขามาจีบพีชจริงๆ”
“อ้าว นี่ชอบเขาไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าเขามาจีบหรือเปล่า”
“ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไปพีชก็ว่าเขามาจีบพีชนะเป้” หญิงสาวบอกกับเพื่อนแล้วยิ้มด้วยแววตาชวนฝัน เธอพอจะรู้ว่าเขากำลังจีบและเธอเองก็พยายามเปิดโอกาสให้เขาอย่างเต็มที่ สะพานที่ทอดให้เขามันไม่ใช่สะพานธรรมดา แต่มันเป็นสะพานบันไดเลื่อนเพียงแค่เขาก้าวขาเข้ามาทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น
“แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าเขาไม่ได้มาหลอก”
“ไม่หรอกไอย์”
“แล้วเขาทำงานอะไรล่ะ”
“ทำบริษัทผลิตเครื่องสำอาง”
“งั้นก็ดีเลยสิ เผื่อเราจะได้ไปฝึกงานที่บริษัทของเขา”
“พีชยังไม่ได้ถามเลยว่าบริษัทชื่ออะไรและอยู่ที่ไหนพีชกลัวเขาจะคิดว่าเราไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเขามาก”
“พีชยังไม่ต้องถามก็ได้ เดี๋ยวเขาจะคิดว่าที่คุยกับเขาเพราะหวังผลประโยชน์”
“ใช่ พีชก็คิดแบบนั้นแหละเป้ ก็เลยไม่ได้คุยเรื่องส่วนตัวกันมากส่วนใหญ่ก็จะคุยเรื่องเที่ยวเรื่องไลฟ์สไตล์มากกว่าอาชีพการทำงานหรือเงินเดือน พีชไม่อยากไปคุยเรื่องพวกนี้ผู้ชายสมัยนี้เขาก็ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว”
“แต่เขายังไม่มีแฟนแน่นะพีช” ดลยาอดห่วงไม่ได้เพราะพิชญาภาเวลาชอบใครก็จะหลงจนไม่ดูให้ดีก่อน
“ไม่มีหรอกน่า ถ้าเขามีแฟนเขาคงโทรหาพีชไม่ได้ทุกคืนแล้วยังมีเวลาให้พีชในวันหยุดด้วย ถ้ามีแฟนก็คงต้องอยู่กับแฟน” เธอค่อนข้างมั่นใจว่าปัณณวรรธนั้นยังโสด
“กลับจากไปเที่ยวครั้งนี้ย่าลืมพาเขามาเจอพวกเราด้วยนะพีช นัดกินข้าวกันสักมื้อก็คงจะดี” ไอยวริญอยากจะเห็นหน้าผู้ชายที่ทำให้เพื่อนของตนปลื้มกว่าคนอื่น
“รอให้เขาขอเป็นแฟนก่อนแล้วพีชจะพามาเจอทุกคน”
“ทำไมจะต้องรอให้เขาขอเป็นแฟนล่ะพีช ยุคนี้มันยุคไหนแล้วชอบก็จีบอยากให้เขามาเป็นแฟนก็ขอ”
“จะบ้าเหรอไอย์ พีชเจอกับพี่เขาไม่กี่ครั้งเองถ้าเกิดไปขอเขาเป็นแฟนแล้วเขาปฏิเสธก็หน้าแตกกันพอดี”
“ยังไม่คบเป็นแฟนแล้วจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเขาเนี่ยนะ”
“พีชอยากรู้จักนิสัยเขาให้มากขึ้นนี่เป้การได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมันก็น่าจะเป็นการเรียนรู้ที่เร็วที่สุด”
“แล้วไม่กลัวเขาจะปล้ำเหรอ”
“ไม่หรอกน่าพี่วรรธดูท่าทางไว้ใจได้แต่ถ้าเขาจะปล้ำจริงๆ พีชก็เต็มใจนะ”
“ยายพีช” ฝ่ามือของไอยวริญตีไปที่ต้นแขนของเพื่อนเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ
“พูดอย่างนั้นออกมาได้ยังไงล่ะ”
“ก็มันจริงนี่ชายกับหญิงอยู่ด้วยกันเรื่องแบบนั้นก็ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว”
“เรื่องนั้นไอย์ก็รู้แต่ไม่คิดว่ามันเร็วไปเหรอ”
“พีชพูดเล่นหรอกน่า ยังไม่ได้เป็นแฟนกันพีชไม่ยอมนอนกับเขาหรอก”
“แล้วถ้าเกิดไปเที่ยวครั้งนี้เขาขอเป็นแฟนล่ะพีชจะยอมเลยมั๊ย” ไอยวริญถามเพื่อน สีหน้าของคนถามค่อนข้างเป็นห่วงเพราะรู้ว่าตั้งแต่คบกับผู้ชายมาพิชญาภาไม่เคยไปค้างคืนที่ไหนตามลำพังเพราะส่วนใหญ่จะมีพวกเธอตามไปด้วยทุกครั้ง
“มันก็ต้องแล้วแต่สถานการณ์นะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่าพีชคิดว่าเอาตัวรอดได้ไม่ต้องห่วง”
“เป้รู้ไม่รู้ว่าพีชเก่งแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี นี่ถ้าไม่นัดกับแฟนไว้จะบินตามไปที่สมุยเลยนะ”
“แล้วเป้กับไอย์จะไปเที่ยวไหนกันล่ะช่วงหยุดยาว”
“เป้จะไปเที่ยวบ้านแฟนที่โคราชน่ะ”
“แล้วไอย์ล่ะ”
“หยุดยาวนี้คงไม่ได้เที่ยวพ่อแม่แฟนของไอย์เขาขึ้นมาที่กรุงเทพก็น่าจะนัดไปทานข้าวกัน”
“นัดทานข้าวกันสองครอบครัวแบบนี้คงจะมีข่าวดีใช่ไหม” ดลยาถามด้วยความตื่นเต้น
“ผู้ใหญ่ก็เริ่มคุยกันแล้ว เขาอยากให้เรากับแฟนแต่งงานกันเพราะคบกันมาหลายปีแล้ว”
“อย่าลืมนะพีชจองเป็นเพื่อนเจ้าสาว”
“เป้ก็จองเป็นเพื่อนเจ้าสาวนะไอย์”
“ไม่ต้องจองหรอกน่ายังทั้งพีชและเป้ก็ต้องได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวอยู่แล้ว”
“ทำไมดูหน้าไอย์ไม่ค่อยดีใจเลย ไม่อยากแต่งงานกับพี่เขาเหรอ”
“อยากแต่งมันก็อยากแต่งหรอกนะแต่รู้สึกเสียดายเงินยังไงไม่รู้ ไอย์เคยไปดูชุดเจ้าสาวแล้วนะแพงมากไอย์ไม่อยากแต่งเลยเดี๋ยวจะเก็บเงินไว้มากกว่า”
“ถ้าไม่อยากแต่งก็บอกผู้ใหญ่ไปตรงๆ สิจัดงานเล็กๆ ก็ได้แบบมินิมอล” พิชญาภาเสนอ
“ก็ครั้งนี้แหละที่พ่อกับแม่พี่เขามาเราก็ว่าจะลองคุยดู เอาเงินที่จัดงานมาทำอย่างอื่นมันได้น่าจะได้ประโยชน์มากกว่าเยอะ”
ทั้งสามคนเดินคุยกันมาถึงโรงอาหารซึ่งตอนนี้คนเริ่มไม่ค่อยมีเท่าไหร่
“นั่นอาจารย์สุดเนิร์ดนี่”
“ใช่นั่งกินข้าวคนเดียวอีกแล้ว”
“ดูเหมือนอาจารย์เขาจะไม่ค่อยมีเพื่อนเลยนะ” ไอยวริญมองอาจารย์หนุ่มที่นั่งทานข้าวตามลำพังบริเวณโต๊ะที่จัดไว้สำหรับอาจารย์
“คนเงียบๆ แบบนั้นก็คงจะหาเพื่อนยาก” ยิ่งเห็นว่าอาจารย์สุดเนิร์ดต้องทานข้าวคนเดียวด้วยใบหน้าเคร่งขรึมพิชญาภาก็เริ่มมองเห็นความแตกต่างระหว่างพี่วรรธของเธอกับอาจารย์หนุ่ม ถึงแม้ทั้งสองจะมีชื่อเหมือนกันหน้าตาคล้ายกัน แต่ไม่มีทางที่จะเป็นผู้ชายคนเดียวกันได้อย่างแน่นอน
ทั้งสองคนต่างกันราวกับฟ้ากับเหวคนหนึ่งเงียบขรึมแต่งกายสุภาพดูดีทุกกระเบียดนิ้ว อีกคนเป็นผู้ชายอบอุ่นและมักจะชวนเธอคุยก่อนอยู่เสมอ อีกทั้งการแต่งตัวก็ดูวัยรุ่นกว่าอาจารย์คนนี้มากเมื่อมองเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนพิชญาภาก็เลิกคิดว่าทั้งสองคนคือคนคนเดียวกัน