“แน่ใจนะว่าจะไม่กลับไปเอาอะไรออกมาน่ะ ยังไงข้าวของของแกก็อยู่ที่ห้องนั้นหมดเลยไม่ใช่เหรอ”
มณีเนตรเอ่ยถามเพื่อนหลังจากที่สองสาวกลับมาถึงห้องพักในคอนโดขนาดกลางของเธอที่มีห้องนอนเล็กๆ สองห้องซึ่งภูษิตามักจะมาพักกับเพื่อนบ่อยๆ ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน
“ไม่ล่ะ พู่...ไม่อยากกลับไปห้องนั้นอีก เอาไว้พรุ่งนี้ถ้าหาห้องใหม่ได้แล้วค่อยไปซื้อของเข้าห้องใหม่ละกัน”
“จะอยู่ห้องใหม่ทำไม ก็อยู่ด้วยกันนี่แหละ ห้องนี้ก็ไม่ได้มีใครมาอยู่ซะหน่อย”
“ไม่เอาหรอก พู่ไม่อยากรบกวนเนตร เผื่อคุณลุงคุณป้าแวะมาหาพวกท่านจะได้มีที่นอน”
“แล้วแกจะไปอยู่ที่ไหนล่ะพู่ แล้วมีเงินใช่มั้ย” เธอถามเพื่อนอย่างกังวลใจ
“เงินน่ะพู่มีเยอะ ก็...ขายตัวให้เค้ามาตั้งสามปีนี่ เรื่องนี้เนตรไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ” เธอบอกพร้อมกับรอยยิ้มแสนเศร้า มณีเนตรจึงได้เข้ามากอดเพื่อนเอาไว้
“ไม่เป็นไรนะพู่ อดีตมันผ่านไปแล้ว นับจากนี้พู่ก็เป็นอิสระแล้วนะ กลับมารักตัวเองทำเพื่อตัวเองได้แล้วนะ”
“อือ ขอบใจเนตรมากนะที่อยู่ข้างพู่มาตลอด”
“ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นาไม่ให้อยู่ข้างเพื่อนแล้วจะให้ไปอยู่ข้างหมาที่ไหนล่ะจริงมั้ย” ได้ยินอย่างนั้นภูษิตาก็หัวเราะออกมาได้
“นี่ไม่ได้หลอกด่ากันใช่มั้ยเนี่ย”
“หลอกด่าอะไรกันเล่า แต่ว่า...พูดก็พูดนะ ถ้าเค้ามาง้อพู่ล่ะ เนตรจะได้กินอาหารหมาแทนข้าวมั้ยเนี่ย”
“เค้าไม่ง้อหรอก”
“อะไรทำให้พู่มั่นใจขนาดนั้น”
“เนตรไม่ได้ยินเหรอว่าพวกเค้ากำลังจะแต่งงานกัน”
“แต่คุณเจษฎ์เค้าไม่ได้บอกนะ ยัยนั่นต่างหากที่พูดน่ะ บางที...”
“เค้าไม่ได้บอก แต่เค้าก็ไม่ได้ปฏิเสธเหมือนกัน ช่างเถอะ เค้าจะแต่งกับใครก็ไม่ใช่เรื่องของพู่แล้ว ตอนนี้สิ่งที่พู่ต้องคิดก็คือต้องหาที่อยู่ใหม่แล้วก็หางานทำ จะได้มีเงินมาเลี้ยงตัวเองก่อนที่เงินในบัญชีจะหมดดีกว่า”
“เฮ้อ นั่นสินะ งั้นพู่ไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้เราค่อยไปหาห้องกันจะซื้อหรือเช่าล่ะ”
“คงเช่าก่อนแหละ พู่ไม่อยากเสียเงินก้อน อีกอย่างก็ยังไม่ได้งานด้วยเผื่อได้งานไกลที่พักจะได้ย้ายสะดวก”
“งั้นพู่ก็ไม่ต้องเริ่มจากการหาที่อยู่หรอก พักกับเนตรไปก่อนนี่แหละ รอได้งานแล้วค่อยหาที่อยู่ดีกว่า พรุ่งนี้เราไปหาซื้อเสื้อผ้ากันแล้วเดี๋ยวเนตรจะพาพู่เข้าวงการพริตตี้เงินล้านเอง”
“จริงเหรอเนตร พู่เป็นพริตตี้แบบเนตรได้เหรอ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ พู่น่ะสวยกว่าเนตรตั้งเยอะ ถ้าเนตรทำได้พู่ก็ต้องทำได้สิ พรุ่งนี้ก็เอาเงินไปซื้อเสื้อผ้า ไปเข้าคลินิกทำหน้าขัดตัวให้ใสๆ เดี๋ยวเนตรจะเป็นเจ๊ดันให้พู่เอง รับรองว่าหาเลี้ยงตัวเองได้สบายแน่นอน”
“ขอบใจมากนะเนตร รักเนตรที่สุดเลย” ภูษิตาหอมแก้มเพื่อนรักฟอดใหญ่
“แหม นี่ถ้าพู่เป็นผู้ชายแล้วมาหอมแก้มกันแบบนี้นะ เนตรคงได้จับปล้ำแน่นอน”
“จ้า เป็นผู้หญิงก็ปล้ำได้นะ เอามั้ยล่ะ”
“โนจ้ะ ยังไม่หน้ามืดขนาดนั้น พู่พักผ่อนเถอะ เนตรก็จะไปอาบน้ำนอนแล้วเหมือนกัน”
“จ้ะ ฝันดีนะเนตร”
“ฝันดีจ้ะเพื่อนสาว แล้วก็ไม่ต้องคิดมากแล้วนะ ท่องเอาไว้แค่ว่าพู่จะต้องอยู่ให้ได้และต้องอยู่ให้ดีด้วย แค่นี้ก็พอ”
“จ้ะ พู่เข้าใจแล้ว”
“ดีมาก งั้นเนตรไปล่ะ พรุ่งนี้เจอกัน”
“โอเคจ้ะ”
ภูษิตามองเพื่อนรักเดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตูเรียบร้อย เธอจึงได้นำถุงยาไปวางที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง และเมื่อเห็นผ้าปิดแผลที่บริเวณหน้าผากเธอก็ได้แต่บอกตัวเองว่า...มันจบแล้ว
ถึงจะเจ็บมากแค่ไหน แต่เรื่องราวของเธอและเขามันได้จบสิ้นไปแล้วจริงๆ
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จเธอก็กลับมานอนบนเตียง แต่เพราะยังนอนไม่หลับเธอจึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูว่าเขาโทรมาหรือไม่
แล้วเธอก็พบว่าเขาไม่ได้โทรมาแม้แต่สายเดียว ทว่ากลับมีข้อความจากแอปพลิเคชันไลน์ของธนาคารแห่งหนึ่งว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีของเธอเป็นจำนวนถึงห้าล้านบาทเมื่อสิบนาทีที่แล้ว จากเจ้าของบัญชีที่เธอคุ้นชื่อเป็นอย่างดีเพราะเขาโอนเงินให้เธอบ่อยมากกว่าโทรหาเธอเสียอีก
เจษฎ์ ชัยบดินทร์
ภูษิตาเกือบจะต่อสายไปหาเขาและถามว่าเขาโอนเงินมาให้เธอทำไม แต่ก็คิดได้ว่าเธอไม่ควรติดต่อเขาไปอีก และไม่แน่ว่าคนที่รับสายในตอนนี้อาจจะเป็นผู้หญิงคนนั้นก็ได้ถ้าพวกเขาทั้งสองคนยังอยู่ด้วยกันจริงๆ
“ค่าตัวงวดสุดท้ายละมั้ง ช่างเถอะ จะค่าอะไรก็ช่าง พู่ไม่คืนคุณหรอกนะ พู่ไม่ได้ขอร้องให้คุณโอนมานี่ เงินอยู่ในบัญชีพู่แล้วจะใช้ให้เต็มที่เลย เชอะ!”
แม้จะพูดปลอบตัวเองไปอย่างนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมน้ำตามันยังไหลออกมา ยิ่งพยายามเช็ดมันออกเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไหลลงมาไม่ขาดสาย
“จะร้องไห้ทำไมนักหนานะพู่ เค้าไล่กันขนาดนี้แล้วยังจะไปคิดถึงเค้าทำไมอีก ฮือ...ไปคิดถึงเค้าทำไมอีก...”
เธอโยนโทรศัพท์เอาไว้ข้างเตียง ก่อนจะซบหน้ากับหมอนใบใหญ่แล้วปล่อยให้น้ำตามันไหลอยู่อย่างนั้น กระทั่งยาที่หมอฉีดให้ออกฤทธิ์ เธอจึงได้หลับลงได้ในที่สุด
ทว่าแม้จะหลับฝัน...ฝันนั้นก็ยังเป็นเรื่องราวของเธอและเขาอยู่ดี