ท่ามกลางเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มอยู่รอบกาย ทั้งยังเพื่อนฝูงมากมายที่รายล้อมรอบตัวเธอ ทว่าเจ้าของวันเกิดกลับนั่งหน้าเศร้าแล้วมองน้ำแข็งในแก้วค่อยๆ ละลายไปจนทำให้เครื่องดื่มสีอำพันซีดลงจนแทบจะเป็นสีใส
“ยัยพู่ เลิกเศร้าได้แล้วน่า วันนี้วันเกิดแกนะ ลุกขึ้นไปเต้นด้วยกันเร็วเข้า” มณีเนตร หรือ เนตร เดินเข้ามาฉุดแขนเพื่อนรักของเธอให้ลุกขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย
“ไม่ล่ะเนตร พู่เหนื่อยๆ น่ะ ขอนั่งดูเพื่อนๆ เต้นไปดีกว่า”
ภูษิตา หรือ ชมพู่ บอกก่อนจะยกเครื่องดื่มรสชืดในมือขึ้นกระดกจนหมดแก้ว ก่อนจะหันไปหยิบขวดใหม่มารินลงในแก้วเดิม
เห็นอย่างนั้นมณีเนตรจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างกันแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นโอบไหล่ของเพื่อนรักเอาไว้
“สามปีแล้วนะพู่ แกยังไม่ชินอีกเหรอ ไม่ว่าปีไหนเค้าก็ไม่เคยอยู่กับแกในงานวันเกิดนี่ แต่เค้าก็ให้ของขวัญตลอดไม่ใช่เหรอ”
เพราะรู้ทุกความลับของเพื่อนสนิท มณีเนตรจึงกล้าพูดออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดชื่อบุคคลที่สามให้ใครได้รับรู้ มีเพียงเธอกับภูษิตาเท่านั้นที่รู้กันดีว่าพวกเธอหมายถึงใคร
“แต่พู่ไม่เคยอยากได้ของขวัญเนตรก็รู้ พู่แค่อยากให้เค้านั่งกินข้าวด้วยกันสักมื้อ ไม่ต้องหรูหราอะไรก็ได้ แค่...อยากอยู่กับเค้าเท่านั้นเอง” เธอบอกเสียงเศร้าพอๆ กับแววตาที่หม่นหมอง
“แล้ววันนี้เค้าไปไหนล่ะ ติดงานสำคัญอะไรอีก”
มณีเนตรรู้ดีว่าเพื่อนของเธอรักคนที่ไม่ควรมากขนาดไหน แต่ก็รู้ดีว่าเรื่องของภูษิตากับผู้ชายคนนั้นคงเป็นไปไม่ได้มากกว่าสถานะที่เป็นอยู่ในตอนนี้
“เค้าบอกว่าต้องบินไปฮ่องกงคงกลับวัน...”
“วันไหน? ทำไมไม่พูดต่อล่ะ” มณีเนตรมองเพื่อนรักอย่างสงสัยเมื่ออีกฝ่ายหยุดพูดไปเสียดื้อๆ แถมยังมองไปยังบันไดทางขึ้นห้องวีไอพีชั้นบนอีกด้วย
“เค้าอยู่นั่น...เค้ากลับมาแล้ว หรือไม่...เค้าอาจจะไม่ได้ไปไหนด้วยซ้ำ” ขอบตาของเธอรู้สึกร้อนผ่าว ความรู้สึกน้อยใจ เสียใจและผิดหวังทำให้หญิงสาวลุกขึ้นยืนขึ้นมาทันที
“เฮ้ย! พู่ ใจเย็นๆ ก่อน เค้าอาจจะกลับมาแล้วไง เลยมาพักผ่อนกับเพื่อนเค้ารึเปล่า” มณีเนตรรีบคว้ามือเพื่อนรักไว้ก่อนที่ภูษิตาจะได้ก้าวออกไปจากโต๊ะ
“เค้าบอกว่าจะกลับอาทิตย์หน้า แต่นี่เค้าอยู่ตรงนั้นน่ะเนตร อยู่ตรงนั้นกับผู้หญิงอีกคน ทั้งโอบเอวเกาะแขนกันแบบนั้น จะให้พู่ใจเย็นอยู่ได้ยังไง นั่นผัวพู่นะ!”
“เบาๆ สิพู่ เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินกันหมดหรอก”
“ไม่เบาแล้วเนตร สามปีที่พู่ทนอยู่แต่ในพื้นที่ที่เค้าให้อยู่ ทำในสิ่งที่เค้าอยากให้ทำ โดยมีข้อแม้แค่เรื่องเดียวว่าเค้าจะไม่มีใครนอกจากพู่คนเดียวเท่านั้น หรือต่อให้เค้าอยากมีเค้าก็จะต้องบอกพู่ก่อน ไม่ใช่มาสวมเขาให้กันแบบนี้ วันนี้พู่จะไม่ทนแล้วเนตร พู่จะให้เค้าเลือกเอาว่าเค้าจะอยู่กับใคร พู่หรือผู้หญิงคนนั้น”
“แล้วถ้าคนที่เค้าเลือกไม่ใช่พู่ล่ะ”
คำถามของเพื่อนรักดึงสติที่ใกล้ขาดของเธอเอาไว้ และนั่นก็ทำให้ภูษิตาหยุดชะงักไปนานก่อนที่เธอจะหันไปส่งยิ้มให้เพื่อนรัก
“พู่ก็จะได้เป็นอิสระไง ไม่ต้องทนอยู่กับคนที่เค้าไม่เคยเห็นค่าของพู่อีก”
“แล้วแกจะไหวเหรอพู่ แกจะอยู่ไหวแน่ใช่มั้ยถ้า...ไม่มีเค้า”
“ไม่ไหวก็ต้องไหวนั่นแหละเนตร บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลเดียวที่สามารถทำให้พู่ตัดใจจากเค้าได้จริงๆ ไม่ต้องมานั่งหลอกตัวเองไปวันๆ อีก หลอกว่าสักวันพู่จะได้สวมชุดเจ้าสาวแล้วมีเค้าเป็นเจ้าบ่าวอยู่ข้างกัน”
น้ำตาหยดแรกมันไหลออกมา ก่อนที่ภูษิตาจะใช้มือปัดมันให้หายไป จากนั้นเธอก็เดินตรงไปยังบันไดทางขึ้นชั้นสองโดยมีมณีเนตรเดินตามไปติดๆ เพราะเธอเป็นห่วงเพื่อนรักมากเหลือเกิน
บนชั้นสองของไนต์คลับหรู เจษฎ์ เดินเคียงข้างมากับ สิริมา จนถึงหน้าห้องวีไอพีที่จองเอาไว้ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวเข้าไปเสียงของภูษิตาก็ดังขึ้นเสียก่อน
“กลับจากฮ่องกงแล้วเหรอคะ คุณเจษฎ์”
เสียงนั้นเรียกให้ทั้งสองคนต้องหันไปมอง ก่อนที่คิ้วเข้มจะขมวดกันเล็กน้อยเมื่อเห็นชุดที่ภูษิตาสวมใส่อยู่ในตอนนี้
“มีอะไรรึเปล่าคะพี่เจษฎ์” สาวสวยข้างกายเอ่ยถามเสียงหวาน
“ไม่มีอะไรครับ แค่คนรู้จักน่ะ สิเข้าไปในห้องก่อนละกันนะครับเดี๋ยวพี่ตามไป”
“ทำไมไม่บอกเธอไปล่ะคะว่าพู่เป็นมากกว่าคนรู้จัก หรือว่า...คนนี้สำคัญ” ภูษิตาพูดขึ้นก่อนจะขยับเข้าไปใกล้กับชายหนุ่มมากขึ้นทั้งยังคว้ามือเขาไว้โดยมีสายตาของสิริมามองอยู่ตลอดเพราะหญิงสาวก็กอดแขนข้างหนึ่งของเขาไว้เช่นกัน
“อย่าวุ่นวายนะพู่ กลับไปก่อนไป ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”
เจษฎ์ออกจะแปลกใจอยู่บ้างกับท่าทางที่ภูษิตาแสดงออกมาว่ากำลังโกรธและหวงแหนเขาอย่างออกนอกหน้า ทั้งที่ปกติแล้วเธอจะไม่เป็นแบบนี้ เธอมักจะเชื่อฟังและทำตามทุกอย่างที่เขาบอกเสมอ
แต่ทำไมวันนี้ทุกอย่างดูจะผิดปกติไปหมด...