บทที่ 6 ก็ลองทำหน้าที่ภรรยาให้ข้าพึงพอใจดูสิ

1637 Words
บทที่ 6 ก็ลองทำหน้าที่ภรรยาให้ข้าพึงพอใจดูสิ “หมายความตามที่เอ่ย…เจ้ากำลังรู้สึกเช่นไร” เป่าซูเม่ยช้อนดวงตากลมขึ้นมองบุรุษ ไม่อาจล่วงรู้ถึงความคิดของบุรุษตามที่นางได้เอ่ยออกไปจริงๆ ดวงตาเรียวคมจ้องมองนางเนิ่นนานคล้ายกับตกอยู่ในภวังค์ “ขออภัยหมิ่นอ๋อง บัดนี้ก็ค่ำแล้ว ข้าเพียงแค่อยากนอนเจ้าค่ะ” เนิ่นนานกว่าสตรีตัวน้อยจะเอ่ยตอบเช่นกัน เพราะไม่รู้แน่ชัดถึงคำถาม และคำตอบของนางช่างเป็นคำตอบที่คาดไม่ถึง อี้หยางเซียวหมิ่นกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย คล้ายกับกำลังสนุกที่ได้คาดเดาความรู้สึกของนาง “เช่นนั้นก็นอนเสีย” เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนอย่างเคย น้ำเสียงที่เป่าซูเม่ยไม่เคยคาดเดาได้ว่าแท้จริงแล้วในเนื้อเสียงนั้นกำลังแสดงความรู้สึกแบบไหน จบถ้อยคำนั้นเป่าซูเม่ยก็ประสานมือขึ้นย่อกายคำนับอีกครั้ง ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นกลับพบว่าอี้หยางเซียวหมิ่นกระโดดขึ้นมาบนเตียงเสียแล้ว “มาสิ หรือเจ้าจะยืนหลับกัน?” บุรุษนอนเอนกายพิงหมอนด้วยท่าทางราวกับบุรุษแสนเจ้าชู้ ที่กำลังเชื้อเชิญสตรีให้ร่วมเตียงเคียงหมอน “เจ้าคะ? เอ่อ…เปล่าเจ้าค่ะ ข้าแค่นึกว่าท่านจะกลับไปนอนที่ห้องของท่าน” เป็นอีกครั้งที่อี้หยางเซียวหมิ่นกระตุกยิ้ม จะมีใครกล้าเอ่ยถ้อยคำราวกับขับไล่อี้หยางเซียวหมิ่นผู้นี้กัน แต่นางกลับไม่นึกเกรงกลัวและแสดงความต้องการออกมา หรือนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่อี้หยางเซียวหมิ่นไม่เห็นว่านางกำลังรู้สึกอย่างไรเพราะนางแสดงมันออกมาเสียเกือบหมด ต่างจากผู้อื่น …ถึงอย่างไรก็ควรเฝ้าดู น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ… “สามีภรรยานอนด้วยกันเป็นเรื่องปกติ ดีเสียอีก ผู้คนจะได้เห็นว่าครอบครัวรักใคร่กลมเกลียว” เป่าซูเม่ยมองบุรุษตาปริบๆ กระนั้นก็ไม่อาจค้านถ้อยคำนั้นได้ จึงคืบคลานขึ้นเตียงอย่างเชื่องช้าแล้วเอนกายนอนตรงขอบเตียง ทว่าเอวบอบบางกลับถูกอ้อมแขนแกร่งคว้าเอาไว้ ดึงเข้าหาตัวจนแนบชิดกับแผงอกกว้าง “ว้าย!!” การถูกกอดจากอี้หยางเซียวหมิ่นไม่เคยเกิดขึ้นมา อีกทั้งนางยังครองความบริสุทธิ์มาตั้งแต่เมื่อครั้งอดีต บัดนี้เหมือนกับตายแล้วเกิดใหม่นางจึงไม่ชินสัมผัสของบุรุษ “หวาดกลัวข้าหรือ?” น้ำเสียงเย็นกระซิบที่ข้างหูของนางอย่างแผ่วเบาราวกับลมแผ่วเบาพาให้เย็นวาบ ร่างบอบบางขนลุกซู่ไปทั้งตัว เป่าซูเม่ยตัวแข็งค้างเป็นหินและยังไม่ยอมผ่อนคลายลง จนกระทั่งอีกฝ่ายกดริมฝีปากลงที่ลำคอระหงของนางอย่างจงใจ “มะ หมิ่นอ๋อง!!” ดวงตากลมเปิดกว้างแล้วย่นคอหนีตามสัญชาตญาณ สตรีตัวน้อยผู้หวงเนื้อหวงตัวช่างอ่อนไหวต่อสัมผัสที่ไม่คุ้นชิน ”สตรีนางอื่นมักต้องการความโปรดปรานจากข้า” ริมฝีปากยังคงคลอเคลียไม่ห่างคล้ายกับกำลังกลั่นแกล้ง แววตาดุจดั่งหมึกดำส่องสว่างในความมืด ลอบมองปฏิกิริยาของสตรีตัวน้อยในอ้อมกอดทุกเสี้ยวนาที “ข้ามิใช่สตรีอื่น เหตุใดจึงต้องการความโปรดปรานของท่านด้วย?” “เพราะเจ้าเป็นหวางเฟยของข้า” เป็นสิ่งที่แน่นนอนว่าถึงแม้จะเป็นหวางเฟย ภรรยาเอกของอ๋องที่มีเพียงผู้เดียว ทว่าในแผ่นดินที่บุรุษเป็นใหญ่เช่นนี้ หากต้องการอยู่รอด การได้รับความโปรดปรานจากสามีเป็นสิ่งที่สตรีต้องขวนขวาย เป่าซูเม่ยชะงักไป…จริงที่อย่างบุรุษเอ่ยมา ทว่า…นางมิได้ปักใจรักบุรุษเลยแม้แต่น้อย ภายในจิตใจหวาดกลัวสายตา หวาดหวั่นว่าหากทำสิ่งใดไม่ถูกใจอาจจะถูกลงโทษได้ทุกเมื่อ จึงต้องการรักษาระยะห่างและป้องกันไม่ให้เกิดการฆ่าล้างโคตรเป็นพอ “…!!” “แม้หวางเฟยจะมีได้เพียงผู้เดียว แต่ก็สามารถปลดแล้วแต่งตั้งผู้อื่นได้เช่นกัน เจ้าควรเอาอกเอาใจข้า เพื่อให้ข้าโปรดปรานก็ถูกแล้วมิใช่หรือ?” “ข้า…” นางรู้สึกได้ถึงดวงตาเรียวคมซึ่งจ้องมองนางจากด้านหลัง… ฝ่ามือเล็กทั้งสองข้างเย็นวาบราวกับหิมะในเหมันตฤดู “หากได้รับความโปรดปรานจากข้าผู้ซึ่งเป็นรองจากราชวงศ์เจ้าแผ่นดิน เจ้าขอให้เข่นฆ่าผู้คนข้าย่อมทำตามที่ใจเจ้าปรารถนาอย่างไม่คิดผิดชอบชั่วดี” อี้หยางเซียวหมิ่นจงใจกระตุ้นความต้องการส่วนลึกในจิตใจของผู้คน แม้จะไม่รู้ว่าเป่าซูเม่ยกำลังคิดสิ่งใด ทว่าสตรีผู้ใดจะไม่ต้องการความโปรดปรานกัน และเมื่อได้รับความโปรดปรานก็สามารถขอให้ทำตามใจได้ไม่ต่างอะไรจากการมีอำนาจในกำมือ “แล้วถ้าหากอยากให้ไว้ชีวิตผู้คน…จะทำได้หรือไม่เจ้าคะ?” อีกครั้งที่เป่าซูเม่ยได้เอ่ยถ้อยคำแตกต่างจากที่อี้หยางเซียวหมิ่นคาดการณ์เอาไว้ อีกทั้งน้ำเสียงของนางยังอ่อนลง แต่ก็สัมผัสได้ถึงความปรารถนาลึกๆ ในก้นบึ้งของจิตใจ “เมื่อได้รับความโปรดปราน ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นไปได้” เป่าซูเม่ยฉุกคิดสิ่งหนึ่งขึ้นมาในใจ สตรีตัวน้อยไม่ต้องการให้อดีตซ้ำรอย แต่กำลังของนางในตอนนี้ยากที่จะเปลี่ยนแปลง ทว่า…หากได้รับความโปรดปรานจากอี้หยางเซียวหมิ่นอาจเปลี่ยนแปลงง่ายกว่าที่คิดก็เป็นได้ ในอดีตทั้งสองต่างไร้ความรู้สึกรักใคร่ แม้นางจะมีความผูกพันเล็กน้อยทว่าก็บางเบาดั่งสายลม ไม่ต้องเอ่ยถึงอี้หยางเซียวหมิ่นที่บังคับให้นางดื่มยาพิษด้วยตนเอง คงจะเห็นนางเป็นเพียงมดปลวกกระมัง ทว่าหากได้รับความโปรดปราน แล้วทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้อย่างที่บุรุษเอ่ยออกมา นางก็ไม่ต่างอะไรจากไข่มุกในฝ่ามือ! เนิ่นนานที่อี้หยางเซียวหมิ่นและเป่าซูเม่ยไม่ได้เอ่ยสิ่งใด จนสตรีตัวน้อยนึกคิดว่าบุรุษคงเข้าสู่ห้วงนิทราก่อนนางไปเสียแล้ว มีเพียงนางที่ยังคงจมอยู่ในภวังค์ความคิด เป่าซูเม่ยรู้ดีว่าตนไม่ใช่สตรีเฉลียวฉลาดจึงอาจมองข้ามบางสิ่ง การได้รับความโปรดปรานเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้นางและสกุลพ้นจากความตาย ทว่าจะให้นางคิดได้ทันทีที่ย้อนเวลากลับมาก็ยากเหลือเกิน เป่าซูเม่ยยังคงติดค้างความรู้สึกชาติก่อน ดวงตาคมกริบดั่งคมมีด น้ำเสียงเย็นยะเยือก การกระทำที่เพียงแค่ชี้นิ้วสั่งโดยไม่ต้องเอ่ยสิ่งใดก็สามารถบังคับให้นางรับยาพิษเข้าสู่ร่างกาย จะให้นางลืมเรื่องพวกนั้นไปได้อย่างไร!? …อี้หยางเซียวหมิ่นคือบุรุษโหดเหี้ยมเช่นนี้ อีกทั้งข้ายังเคยตายด้วยน้ำมือของเขา แม้ในชาติจะยังไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น จึงคล้ายกับข้ากล่าวโทษคนไม่มีความผิด แล้วจะให้ข้าทำอย่างไร? ข้ามืดแปดด้าน… สตรีตัวน้อยพลิกตัวหมุนเข้าหาอ้อมกอดของอี้หยางเซียวหมิ่น ทว่ากลับได้สบตากับดวงตาเรียวคมดุจดั่งหมึกดำ คราแรกนางตกใจจนเผลอถอยห่าง ทว่าเอวบางกลับถูกท่อนแขนแกร่งโอบเอาไว้ ต่อมานางจึงได้สติ… …เพราะมัวแต่นึกถึงเรื่องในอดีต ลืมไปเสียสนิทว่าเรื่องราวเหล่านั้นยังไม่เกิดขึ้น ตอนนี้ข้ายังมีชีวิตอยู่… “เกิดอยากทำหน้าที่ภรรยาขึ้นมาหรืออย่างไร?” “ถ้าหากทำหน้าที่ภรรยาตามที่หมิ่นอ๋องต้องการแล้ว ข้าจะได้รับความโปรดปรานหรือไม่” ช้อนดวงตากลมโต จดจ้องมองบุรุษด้วยมารยาสตรีร้อยเล่มเกวียน “เกิดอยากได้ความโปรดปรานจากข้าขึ้นมาแล้วหรือ?” ฝ่ามือหยาบกร้านสัมผัสข้างแก้มนุ่มนิ่ม ลูบไล้ผิวกายนวลเนียนอย่างนึกฉงนใจ ไม่ว่าจะกระตุ้นนางด้วยวิธีใดก็’ไม่เห็น’อยู่ดีว่านางกำลังรู้สึกอย่างไร เว้นเสียแต่นางจะแสดงออกมาเช่นนั้น …เป่าซูเม่ย เจ้ามีสิ่งใดที่แตกต่างไปจากผู้อื่นกัน หรือเจ้าครอบครองของวิเศษใด จึงทำให้ข้าไม่เห็นสีของเจ้า ข้าร้อนรนใจเหลือเกิน คงต้องเฝ้าดูเจ้าอย่างใกล้ชิดสักระยะ… “เม่ยเอ๋อร์เป็นเพียงสตรีผู้ต่ำต้อย อีกทั้งยังเพิ่งเลยวัยปักปิ่นมาเพียงหนึ่งปี ย่อมมีสิ่งที่อยากรู้อยากเห็นตามประสาเจ้าค่ะ” “เช่นนั้น…”ดวงตาเรียวคมจดจ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยประกายความเจ้าเล่ห์”ก็ลองทำหน้าที่ภรรยาให้ข้าพึงพอใจดูสิ” …สตรีดั่งผ้าพับไว้เช่นเจ้า จะทำหน้าที่ของภรรยาอย่างไร ข้าชักคาดหวังเสียแล้ว… เป่าซูเม่ยผุดลุกขึ้นคร่อมบนร่างของบุรุษ อี้หยางเซียวหมิ่นยังคงสีหน้าเรียบเฉย จดจ้องมองดวงตากลมดั่งหยกดำแวววาวล้ำค่า ฝ่ามือเล็กยื่นออกไปใช้ปลายนิ้วเรียวไล้กรอบหน้าของบุรุษอย่างแผ่วเบา ในขณะที่ฝ่ามืออีกข้างทาบอยู่บนกล้ามท้องแข็งเป็นก้อนชัดเจน “เม่ยเอ๋อร์มิรู้ประสาในเรื่องของบุรุษ หากกระทำสิ่งใดล่วงเกิน ขอหมิ่นอ๋องอย่าถือโทษกริ้วโกรธเม่ยเอ๋อร์ได้หรือไม่เจ้าคะ” แววตาของนางทอประกายด้วยความสับสน เป่าซูเม่ยตัดสินใจในฉับพลันว่าจะต้องเป็นที่โปรดปรานของอี้หยางเซียวหมิ่น ทว่า… …ทำเช่นนี้ดีแล้วหรือ อาจจะมีหนทางอื่นที่ไม่เปลืองตัวเช่นนี้ ทว่า…บุรุษอย่างไรก็เป็นบุรุษ หากมิใช่วิธีนี้ จะมีวิธีใดที่ได้รับความโปรดปรานได้รวดเร็วกัน?...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD