บทที่ 3
กินเจ้า
กลิ่นกำยานหอมหวน ตลบอบอวลทั่วทั้งห้อง กำยานที่ถูกจุดไว้หลายอัน กำลังส่งกลิ่นแข่งกันสร้างอารมณ์กามให้กับบุรุษและสตรี ยิ่งนานไปยิ่งสร้างความรัญจวนใจ เป่าซูเม่ยหายใจหอบยิ่งเป็นการสูดกำยานเข้าไปมากกว่าปกติ ส่วนอี้หยางเซียวหมิ่นสูดดมกลิ่นกายของสตรีมากกว่าจึงไม่ได้รับผลจากกำยานปลุกกำหนัดเทียบเท่าเป่าซูเม่ย
สองขาเรียวถูกจับแยกออกจากกัน บุรุษแทรกกายอยู่ระหว่างขา ฝ่ามือลูบไล้ผิวนวลเนียนตั้งแต่ขาอ่อนจนมาถึง…กลีบบุบฝาตูม ปลายนิ้วกดที่กลางรอยแยกแล้วสอดแทรกเข้าไปด้านใน เปิดปากกลีบบุบผาบังคับให้บานออก
สตรีตัวน้อยสะดุ้งเฮือก สติที่เลื่อนลอยเนื่องจากกำยานถูกดึงกลับมาเพราะความเจ็บบริเวณใจกลางของตน
“ทะ ท่าน จะทำกระไร!?”
ดวงตาเรียวคมตวัดขึ้นมองเป่าซูเม่ย เมื่อนางช่างถามไม่รู้จักเวล่ำเวลา หรือนางไม่ได้ร่ำเรียนวิธีปรนนิบัติสามีในคืนเข้าหอกัน
“กินเจ้า”
บุรุษตอบด้วยสีหน้าที่พร้อมจะกระโจนเข้าหานาง ดวงตาจ้องมองลึกเพื่อแสดงถึงความจริงจังในถ้อยคำ ต่อมาเขาก็ได้ดันแก่นกายเข้าไปในตัวของนางเพื่อทำการ’กิน’อย่างที่ได้เอ่ยปากบอกนางไป
“อ๊ะ!!”
นิ้วแกร่งถูกแทนที่ด้วยแก่นกายบุรุษ ส่วนปลายหัวมนถูกกดเข้ามาเพียงเล็กน้อยก็ทำเอาเป่าซูเม่ยถึงกับสะดุ้ง สองขาพยายามหุบเข้าหากันแต่ไม่อาจทำได้ตามใจ อีกทั้งยังถูกแหวกเพื่อที่บุรุษจะได้สามารถล่วงล้ำเข้าไปได้ถนัดมากขึ้น
โน้มกายมาข้างหน้าแล้ว รวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างด้วยมือเดียว กดลงบนเตียงนุ่มแล้วขยับสะโพกดุนดันความแข็งแกร่งเข้ามาภายใน แม้กลางกายสตรีจะชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำเมือกใสจนหยาดเยิ้มออกมาด้านนอกแล้ว แต่ก็ไม่อาจดุนดันเข้าไปโดยง่าย แรงบีบรัดภายในกายสตรีสร้างความเสียวซ่านแม้ดันเข้าไปเพียงแค่ส่วนปลายหัว
เป่าซูเม่ยรู้สึกเจ็บจนได้สติ กำยานปลุกกำหนัดทำให้นางเผลอไผล แม้บัดนี้ร่างกายของนางจะยังคงเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสแต่ก็มีสติรับรู้ ความอึดอัดที่กายสาวสร้างความใจหายให้กับเป่าซูเม่ย นางกัดริมฝีปากจนห้อเลือดกับความเจ็บปวดยากเกินบรรยาย ความเจ็บปวดทั้งทางกายและทางใจ!
บุรุษที่นางชิงชัง อีกทั้งยังหวาดกลัวกำลังคร่อมอยู่บนร่างของนาง แม้ริมฝีปากจะร้องครางเสียงหวานแต่ภายในใจหาได้รู้สึกดีไปกับสัมผัสนั้น มันเป็นเพียงธรรมชาติของร่างกายที่นางไม่อาจบังคับได้
กึด!
“อ๊ะ!!”
ในที่สุดแก่นกายของบุรุษก็ถูกดันเข้ามาจนสุด ตัดผ่านเยื่อพรหมจารีของสตรีไร้มลทินอย่างไร้ความรู้สึกผิด เป็นเรื่องธรรมดาที่สตรีของอ๋องผู้ครองแคว้นเพียงหนึ่งเดียวในรัชสมัยของราชวงศ์นี้ หากไม่ได้มีอำนาจถึงขั้นสนับสนุนทางการเมือง รูปโฉมต้องงดงามดั่งเทพธิดาจุติและที่สำคัญต้องไร้มลทิน ครองพรมจรรย์จนถึงคืนเข้าหอเช่นนี้
เมื่อสตรีใต้ร่างเริ่มชินกับตัวตนของบุรุษ อี้หยางเซียวหมิ่นจึงเริ่มขยับกายเข้าและออกเป็นจังหวะเชื่องช้า แม้ตนจะไม่ใช่บุรุษที่เชี่ยวชาญเรื่องสตรี แต่ก็พอรู้มาว่าครั้งแรกนั้นจะทำให้พวกนางเจ็บจนอาจเลือดออกระหว่างมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน
สตรีตัวน้อยหอบหายใจติดขัดกับท่วงทำนองที่หนักหน่วง แม้บุรุษจะไม่ได้รุนแรงแต่ความแตกต่างของร่างกายก็ชัดเจน นางรู้สึกราวกับร่างกายถูกฉีกขาด ทว่าต่อมาก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ ยากเกินบรรยาย สุขสมร่างกายทว่าจิตใจกลับปวดร้าว
ภาพทับซ้อนอดีต ใบหน้าคมคายดั่งเทพสวรรค์ชั้นฟ้ารังสรรค์ ล้อมกรอบไปด้วยความเย็นชาหาผู้ใดเปรียบ แววตาดุดันสมกับฉายาอ๋องทรราชผู้ฆ่าฟันเครือญาติหลังจากกลับมาจากสงครามรวมแผ่นดินร่วมกับฮ่องเต้เมื่อหลายปีก่อน ดวงตาคู่นั้นซึ่งมองนางอย่างเย็นชาตั้งแต่เริ่มต้นจนชีวิตนางดับสิ้น แม้ในยามนี้จะฟื้นคืนขึ้นมาใหม่ด้วยเหตุอันใดก็ไม่อาจล่วงรู้ สายตา และใบหน้าก็ยังเย็นชาและแข็งกระด้างเฉกเช่นเดิม
บุรุษร่างกำยำขับเคลื่อนแก่นกายหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์กามที่ยากจะต้านทาน เป่าซูเม่ยกัดริมฝีปากจนเลือดซึมเมื่อความรู้สึกวาบหวามพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ภายในท้องน้อยปั่นป่วนราวกับผีเสื้อโบยบินอยู่ในท้อง จนกระทั่งช่องคับแคบของนางบีบตัวแน่นพร้อมกับร่างบอบบางกระตุกอยู่หลายครั้ง
ขณะที่ฝ่ายบุรุษแก่นกายปวดหนึบ พองโตอยู่ในกายสตรีคับแน่นคล้ายกับจงใจรีดน้ำเชื้อ จนท้ายที่สุดก็ปลดปล่อยตัวตน ความอุ่นร้อนพุ่งเข้าไปในกายสตรีจนเอ่อล้นออกมา
เป่าซูเม่ยหอบหายใจเหนื่ิอย เมื่อบทรักจบลงจึงคิดว่าคงได้เวลาจากลากันแล้ว ทว่าบุรุษกลับยกเรียวขานางขึ้นพาดบ่าแล้วเริ่มบรรเลงบทรักบทใหม่ด้วยท่วงทำนองรุนแรงกว่าเดิม ยื่นฝ่ามือหยาบออกมากอบกุมทรวงอกอวบอิ่ม ปาดป่ายยอดอกราวกับกำลังหยอดล้อเล่นกับมัน
ฝ่ามือเล็กจิกผ้าปูจนยับยู่ยี่ ปลายเท้าจิกเกร็งด้วยความเสียวซ่าน เผลอร้องครางเสียงกระเส่าแม้พยายามต้านทานแต่ก็ไม่สามารถฝืนธรรมชาติของร่างกายได้เลยจริงๆ
ราตรีแห่งคืนวสันต์ช่างเร่าร้อนตลอดทั้งคืน อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกำยานปลุกกำหนัดซึ่งเป็นของขวัญวันสมรสจากฮองเฮา ผู้ที่เอ็นดูบุรุษไม่ต่างไปจากบุตรผู้หนึ่ง ซึ่งผลของมันก็ออกฤทธิ์เกินคาดเหลือเกิน แม้สตรีตัวน้อยจะสลบคาเตียง ทว่าเมื่อได้สติ บุรุษก็ไม่รอช้าที่จะเริ่มบทรักบทใหม่ แม้รุ่งสางจะมาเยือนก็หาได้สนใจไม่
เสียงนกน้อยร้องขับขานในยามเฉิน[1] แสงแดดสาดส่องผ่านม่านผืนบางเข้ามาเล็กน้อย อี้หยางเซียวหมิ่นจ้องมองสตรีข้างกายด้วยแววตาอ่านยาก แม้จะเย็นชาและแข็งกระด้างเช่นเดิม ทว่าภายในซ่อนบางสิ่งไว้มากกว่านั้น
…สตรีไร้พิษสง เหตุใดข้าจึงมิเห็นว่านางนึกคิดสิ่งใดอยู่?...
ฝ่ามือหยาบกร้านยื่นออกไปสัมผัสพวงแก้มใสแผ่วเบา แต่แค่นั้นสตรีผู้อยู่ในห้วงนิทราก็ค่อยๆ เปิดเปลือกตาออกอย่างเชื่องช้า ช้อนดวงตากลมโตดุจดั่งหยกหมึกดำล้ำค่าขึ้นมองบุรุษที่นั่งพิงหัวเตียงอย่างไร้เดียงสา ทว่าเวลาต่อมาก็ถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัว และดึงดวงหน้าหวานออกจากฝ่ามือหยาบกร้าน ทำให้ฝ่ามือข้างนั้นวางค้างอยู่กลางอากาศ
อี้หยางเซียวหมิ่นดึงมือกลับก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย…
“ตื่นแล้วก็ลุกเถิด เมื่อคืนข้าลืมบอกเจ้า ว่าวันนี้ต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้และฮองเฮา”
เป่าซูเม่ยหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับ…
“เจ้าค่ะ”
ในอดีตก็เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน ฮ่องเต้และฮองเฮาทรงเอ็นดูอี้หยางเซียวหมิ่นดั่งโอรสสืบสายเลือด ทั้งสองพระองค์ทรงเอ็นดูนางมากเช่นกัน นอกจากครอบครัวของเป่าซูเม่ยแล้ว ก็เห็นจะมีแต่ฮองเฮาและไท่จื่อหลี่จวิ้นข่ายเพียงเท่านั้นที่จริงใจต่อนาง ในอดีตเองไท่จื่อหลี่จวิ้นข่ายก็ได้ส่งสาร์นลับมาเพื่อพาเธอหลบหนี ทว่าเป่าซูเม่ยไม่อาจละทิ้งครอบครัวแล้วหนีไปผู้เดียวได้ จึงปฏิเสธน้ำใจไมตรีไป
ฉูซูซิน สาวใช้ที่ตามนางมาจากสกุลเป่า เมื่อเห็นว่าอี้หยางเซียวหมิ่นเดินออกไปแล้ว ตนก็เข้ามาช่วยเตรียมตัวทันที ปกติแล้วบุรุษและสตรีเมื่อพบปะผู้ใหญ่ในช่วงเจ็ดมันแรกมักจะใส่ชุดคู่กัน เพื่อสื่อถึงความรักใคร่กลมเกลียวทั้งในบ้านและนอกบ้าน
ทว่าชาติที่แล้วเป่าซูเม่ยกลับได้ใส่ชุดที่ไม่เข้าคู่กลับอี้หยางเซียวหมิ่น อีกทั้งอี้หยางเซียวหมิ่นยังไม่ยอมเข้าหอกับนาง จึงเกิดความลือไปทั่วทั้งเมืองหลวงว่าความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยานั้นค่อนข้างแย่ เนื่องจาก...
เคล้ง
เครื่องประทินโฉมที่ฉูซูซินถืออยู่หลุดมือจนเประเปื้อนอาภรณ์ของนาง แม้จะไม่ได้มากมาย แต่การสวมใส่อาภรณ์มีตำหนิออกจากจวนถือเป็นเรื่องน่าอาย อีกทั้งยังสื่อถึงฐานันดรอีกด้วย ยิ่งเป็นการไปเข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินเช่นนี้ยิ่งไม่ควร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เป่าซูเม่ยในอดีตต้องยอมเปลี่ยนอาภรณ์เป็นสีซึ่งต่างจากผู้เป็นสามี
ทว่าในครั้งนี้ต้องเปลี่ยนไป เพราะนางได้รับโอกาสมาแล้ว เหตุใดจึงต้องใช้ชีวิตเฉกเช่นเดิมเล่า?
“…!!”ฉูซูซินตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเครื่องประทินโฉมในตลับแก้วหลุดออกจากมือและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
[1] ยามเฉิน 07:00 _ 08:59