นี่แหละไอ้กล้าที่ผมพูดถึง ไอ้เจไดคงโทรไปเล่าให้มันฟังแต่ช่างเถอะ..เจ็บใจเหมือนกันเด็กบ้าทั้งที่ทำตัวแรดแต่เสือกซิง
บ้านใหญ่กลางเมือง
"อะไรนะ..?พ่อจะเเต่งงาน" กลับมาถึงบ้านก็งานเข้า "กับใครที่ไหนไม่เห็นรู้เลยว่าพ่อสนใจใครเป็นพิเศษด้วย"
"เป็นรุ่นน้องเพื่อนสมัยเก่าวันนั้นมีโอกาสได้เจอกันและอีกอย่างเขาก็ต้องการความช่วยเหลือ"
"เหอะ แม่ตายไปไม่ถึงปีจะเอาอีกแล้ว"
"ไอ้ฟิน!!หุบปากไปเลยนะ ไม่รู้แหละยังไงฉันก็จะแต่งแต่คงไม่จัดพิธีอะไรให้มากความแค่ไปทำบุญเพราะเขาขอไว้"
"หึ"
คำพูดของพ่อเชื่อได้เท่าไหร่..ผมเจ้าเล่ห์แค่ไหนพ่อก็มากกว่านั้น ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยเเล้วกัน ผมชื่อ ฟิน อายุยี่สิบสามปี สูง185 หุ่นล่ำกำลังดีชอบตีหม้อเป็นชีวิตจิตใจ ส่วนเรื่องความร้ายกาจก็คงได้พ่อมาเต็มๆ
บ้านขนมเค้ก
"ให้ทำจริงจังก็ทำได้นิลูกค้ายังชมเลยนะว่าอร่อยจะตาย" แม่พูดพลางหยิบเค้กใส่กล่อง "ขนมเค้กแล้วนี่ไปตัดเปลี่ยนเลนส์แว่นบ้างหรือเปล่า"
"ก็ให้ลุงสมพรมาตัดให้แล้วไง อ๋อ..วันนั้นแม่ไปทำงานด้วยเลยไม่มีเวลา"
"ประชดแม่หรือไง แกก็รู้ว่าทำไมฉันทำงานหนัก"
"รู้สิก็พ่อติดหนี้การพนันส่วนแม่ก็เอาไว้ซื้อของแพงอวดชาวบ้านว่าเรารวย"
"ขนมเค้ก!!"
หลังเสร็จงานสาวน้อยก็เดินกระทืบเท้าออกไปจากครัวทันที เพราะไม่ชอบนิสัยของแม่ตัวเองแบบนี้เลย
"รถใหม่รุ่นล่าสุดสวยมากค่ะคุณอร"
"พอดีเงินเหลือเลยขายคันเก่าด้วยคุ้มนะคะห้าล้านกว่าแต่ดีไซน์หรู"
"อิจฉาจังเลยนี่ว่าจะขอสามีซื้อให้เขาก็บอกว่าไม่มีเงิน เฮ้อออ"
"ทำใจหน่อยค่ะ ฮ่าๆ"
ฉันยืนมองแม่คุยกับป้าข้างบ้าน เพราะเเม่มีรสนิยมที่ชอบอวดจึงทำให้เพิ่มพูนหนี้ และที่แม่ทำงานจนไม่มีเวลาก็เพราะต้องหาเงินมาใช้หนี้หลายอย่างที่ทับถมนี่แหละ
ซ่าาา
"ขนมเค้กโตเป็นสาวแล้วแต่ยังแต่งตัวอย่างกับเด็กประถมอีกดูส้มโอลูกสาวป้าสวยจนใครๆ ก็ชมต้องหัดแต่งตัวบ้างนะ"
ในขณะที่ขนมเค้กรดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน ป้าข้างรั้วก็ชะเง้อมาอวดอ้างลูกสาวตัวเองอีกเช่นเคย เพราะเวลาอยู่บ้านหรือไปไหนกับคนอื่นเธอมักจะทาแค่ลิปสีชมพูและใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น แถมสวมใส่แว่นหนาเตอะบางวันอีกด้วย
"ป้าพูดได้ยินไหมเนี่ยขนมเค้ก!!" ตะโกนเพื่อเรียกอีกที
"ค่ะ หนูทราบแล้วว่าพี่ส้มโอลูกสาวของป้าสวยมากขนาดไปเดินตลาดหมายังไม่กล้าเห่า"
"ใช่มะ ฮิฮิ"
"แต่พอเดือนสิบสองละเห่ากันลั่นซอย นี่สินะคะที่เขาเรียกว่าสวยจนหมางง..งงว่าจะเห่าหรือจะหอนก่อนดี"
"!!!!"
ฉันกระทืบเท้าแล้วปล่อยสายยางฉีดน้ำลงทันที ทำไมเหรอ..ใส่แว่นแล้วหนักหัวใคร? ภายใต้แว่นสดใสภายในอาจจะร้อนแรงเหมือนเหล้าขาวที่จุดไฟก็ได้ 'น้องแว่นคนแซ่บอะรู้จักไหม'
เวลาผ่านไปจนเหลือแค่สัปดาห์เดียวจะเรียนจบมัธยมปลาย ฉันนั่งมองนาฬิกาเพื่อรอเวลากลับบ้านตามปกติ
"โอ๊ยยยย!!"
"อีแว่นเหม่ออยู่ได้!"
"โบตั๋นเราไปทำอะไรให้"
“หมั่นไส้มีอะไรปะ!”
"____"
เมื่อมาเรียนฉันจะกลายเป็นอีกคน นึกภาพเด็กผู้หญิงเปียผมผูกโบว์สองข้างอีกทั้งใส่แว่นหนาจนถูกแกล้งอย่างสนุกสนานแต่ก็ทำใจได้บ้างเพราะโดนทุกวัน
หลังเลิกเรียนก็ขึ้นรถโรงเรียนกลับบ้าน เป็นชีวิตที่วนลูปแสนน่าเบื่อหน่าย แต่วันนี้ประหลาดใจที่เห็นรถใหม่ป้ายแดงหลายคัน
"สวัสดีคุณลุงสิลูก" แม่รีบเดินมารับพร้อมออกคำสั่ง "ยกมือไหว้สิขนมเค้ก"
"สวัสดีค่ะ"
"คนนี้แหละค่ะที่อรเล่าให้ฟังลูกสาวคนเดียว"
"____"
ชายวัยกลางคนดูภูมิฐานแต่งตัวมีระดับเหมือนผู้บริหารใส่สูทผูกไทค์สวยงามสักพักแม่ก็อธิบายแต่นั่น..ทำให้ฉันแทบช็อกตาย
"ตั้งแต่เมื่อไหร่..?! แม่ไปแต่งงานกับเขา"
"เมื่อเดือนก่อนแต่ลูกสอบไงแม่เลยไม่ได้เล่า"
"แล้วถ้าพ่อกลับมา.."
"หยุดนะ!! อย่าพูดถึงคนเห็นแก่ตัวชั่วช้า"
แม่กราดเสียงด่าพร้อมจ้องหน้าก่อนจะบีบเเขนลูกสาวให้หยุดพฤติกรรมก้าวร้าว
"เอาเถอะอรค่อยๆ คุยลูกยังเด็กอยู่เลยว่าแต่คุณรอแป๊บนะเดี๋ยวลูกชายผมจะมา" ชายหนุ่มวัยกลางคนท่าทางใจดีห้ามปราม
"ได้ค่ะยังไงอรก็รอ"
"ของผมหนักกว่านี้อีกนิสัยดื้อรั้นใช่ย่อยกว่าจะยอมมาผมต้องเสียเงินเป็นแสนจ้างมัน"
แกร๊ก
ทันทีที่ประตูเลื่อนเปิดทุกคนก็หันไปยังเสียงนั้นอัตโนมัติ
"!!!!"
ฉันตกตะลึงสุดขีดเมื่อผู้ชายคนนี้คือคนที่ฉันเสียความบริสุทธิ์ให้คืนนั้นตอนเมาแถมชั่วคราวแบบวันไนท์สแตน พอตื่นเช้ายังต้องไปซื้อยาแก้อักเสบด้วยบ้าชะมัด
เขาเดินมาพร้อมกับกระเช้าที่ยกมาไหว้ภรรยาใหม่ของพ่อเขา ซึ่งก็คือ..แม่ของฉันเอง