“พี่ทศกลับไปก่อนนะคะ แพรขอ”
แพรไหมหันไปบอกกับชายหนุ่ม ทศวรรษฟึดฟัดเล็กน้อยก่อนจะยอมออกจากห้องนี้ไป เหลือเพียงแพรไหมกับคนป่วยบนเตียง
แพรไหมถอนหายใจก่อนจะหันมามองอิงดาวพร้อมกับรอยยิ้ม เธอยิ้มเจื่อน ๆ ตอบ พลางคิดในใจว่านางเอกเป็นคนดีจริง ๆ
ไม่แปลกที่ตัวร้ายรักเธอขนาดนี้
“คุณอิงยังปวดหัวไหมคะ”
“ไม่แล้วค่ะ ดีขึ้นมากแล้ว”
“ดีแล้วค่ะ แบบนี้พรุ่งนี้คุณหมอก็คงให้กลับบ้านได้”
“คุณแพรคะ”
อิงดาวเอ่ยขึ้น แพรไหมที่นั่งบนเก้าอี้ข้างกับเตียงผู้ป่วย กำลังลงมือหยิบมีดกับแอปเปิ้ลขึ้นมาปอกก็หันมองอิงดาวบนเตียง
“มีอะไรเหรอคะ”
“ฉันมีเรื่องจะถามค่ะ”
อิงดาวกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ สูดลมหายใจเข้าเพื่อรวบรวมความกล้า
“คุณแพรกับคุณอาคิน...มีความสัมพันธ์กันยังไงคะ”
“...”
แพรไหมชะงักเล็กน้อย ใบหน้าสวยหวานฉายความสงสัย
“ทำไมคุณอิงถามแบบนั้นละคะ”
“คือ...ฉัน—”
“ฉันกับผู้ชายที่ชื่ออาคินบังเอิญเจอกันแค่ครั้งเดียว มันเป็นอุบัติเหตุ แต่เป็นครั้งเดียวที่แย่มาก ผู้ชายปากเสียแบบนั้น ฉันไม่อยากจะเจอเขาอีกค่ะ”
“...”
“คุณอิงรู้จักผู้ชายคนนั้นด้วยเหรอคะ”
อิงดาวกระพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะกลอกสายตาเลิกลักไปมา
“ค...คือเขาเป็นหมอในโรงพยาบาลของคุณพ่อค่ะ”
“อ๋อค่ะ อย่างนี้นี่เอง”
อาคิน พระเอกของนิยายเรื่องที่เธออ่าน อีกฝ่ายเป็นคุณหมอใหญ่ในโรงพยาบาลที่บิดาของอิงดาวเป็นเจ้าของ และอาคินกับอิงดาวก็รู้จักกันตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อของอาคินและพ่อของอิงดาวเป็นเพื่อนสนิทกัน แถมพ่อของอาคินยังถือหุ้นในโรงพยาบาลอีกด้วย ทำให้ทั้งสองบ้านรู้จักกันมานานและสนิทสนม อิงดาวนับถืออาคินเป็นพี่ชายที่แสนดี ส่วนอาคินก็เอ็นดูอิงดาวเหมือนน้องสาวแท้ ๆ วันที่อิงดาวหมั้นกับทศวรรษ อาคินก็มาร่วมแสดงความยินดีเช่นกัน
หญิงสาวบนเตียงผู้ป่วยกำลังวิเคราะห์คำตอบของแพรไหมเมื่อครู่ แปลว่าความสัมพันธ์ของพระเอกและนางเอกยังไม่ได้เริ่มต้น การเจอกันครั้งแรกของทั้งคู่ใช้คำว่า ‘เกลียด’ กันเลยยังได้ ทั้งสองคนยังไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อกัน
แต่อิงดาวก็ยังรู้สึกผิดที่จะต้องทำให้อาคินมาบอกรัก ตามข้อตกลงของเสียงปริศนา ทั้งที่ตามบทนิยาย อาคินต้องคู่กับแพรไหม ทว่าต่อจากนี้เส้นเรื่องทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจนสุดขั้ว แต่ถ้านับในปัจจุบันที่กำลังเป็นอยู่ ทั้งสองคนยังไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อกัน อิงดาวอาจจะมีความหวัง เธอเลือกอะไรไม่ได้มากและจะช้าไปกว่านี้ไม่ได้
“ฉันจะถอนหมั้นกับพี่ทศค่ะ”
แพรไหมชะงักมือที่ปอกแอปเปิ้ลอยู่ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง
“อะไรนะคะ?”
“พี่ทศไม่ได้รักฉัน”
“...”
“คุณแพรก็รู้หนิคะว่าเขารักคุณ ส่วนฉันก็เป็นแค่สิ่งน่ารำคาญที่เขาอยากจะสลัดออกจากชีวิต”
“...”
“ฉันไม่อยากยึดติดกับเขาอีกแล้วค่ะ”
แพรไหมแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เพราะเธอรู้จักทศวรรษมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และก็รู้จักอิงดาวแถมยังรู้ดีอีกด้วยว่าผู้หญิงคนนี้รักทศวรรษมากแค่ไหน จนกระทั่งวันที่ทั้งสองได้หมั้นกัน อิงดาวดีใจมาก แพรไหมไม่คิดว่าวันนี้อีกฝ่ายจะตัดใจจากทศวรรษได้ง่ายขนาดนี้
“คุณอิงคิดดีแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ”
“...”
“ฉันตัดสินใจแล้วค่ะ”
วันต่อมา
ล้อทั้งสี่จอดยังโถงหน้าบ้านหลังใหญ่ อิงดาวลงจากรถตามด้วยทศวรรษที่ลงมาด้วยสีหน้าเรียบตึง หลังจากแวะส่งแพรไหม ทั้งสองก็ไม่มีบทสนทนาใด ๆ จนกระทั่งมาถึงบ้าน คุณนายละมัยรีบออกมาจากบ้านเมื่อรู้ว่าลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้มาถึงแล้ว ใบหน้าคนอายุมากฉายความกังวลเพราะรู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
“หนูอิง เป็นยังไงบ้างลูก ยังเจ็บตรงไหนไหม”
คุณนายละมัยรีบเข้ามาหาอิงดาวเป็นคนแรก
“หนูไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
“แล้วไปทำอีท่าไหนถึงได้ตกน้ำ”
“...”
ดวงตากลมหันมองร่างสูงที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงนิ่ง ๆ ทว่าต่างจากนัยน์ตาที่แข็งกร้าว ราวกับบอกเป็นนัยว่าอย่าปริปากออกมาเด็ดขาด
อิงดาวดึงสายตากลับมา ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกชอบหรือเกลียดตัวร้าย แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เขาจงใจสกัดขาให้เธอตกน้ำ ความรู้สึกที่เฉย ๆ ก่อนหน้านี้เปลี่ยนไปจนกลายเป็นคำว่าเกลียดอย่างชัดเจน
“หนูเดินไม่ระวังเองค่ะ”
“ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูก ไป ๆ ขึ้นไปพักเถอะ เดินทางมาเหนื่อย ๆ ตาทศด้วยนะลูก”
“ครับ”
ทศวรรษตอบแค่นั้นก็เดินเข้าบ้านทันที อิงดาวมองตามแผ่นหลังกำยำพลางก่นด่าในใจ ก่อนที่คนข้างกายจะยกมือขึ้นลูบแขนของเธอขึ้นลง
“เดี๋ยวแม่สั่งให้หวานเจี๊ยบเอาขนมขึ้นไปให้บนห้องนะลูก วันนี้มีข้าวเหนียวมะม่วงของโปรดหนูอิงด้วยนะ”
“ขอบคุณนะคะ”
อิงดาวยิ้มตอบอีกฝ่าย ก่อนจะรู้สึกผิดยามมองหน้าคุณนายละมัยที่ดีกับเธอมาก
เพราะอิงดาวคิดจะขอถอนหมั้นกับทศวรรษ แต่ไม่รู้เลยว่าจะต้องเริ่มต้นพูดอย่างไร คุณนายละมัยคงจะผิดหวังมากและอาจเกลียดเธอไปเลยก็ได้ แต่มันคงไม่แย่ขนาดนั้นหรอก เธอได้แต่ภาวนาแบบนั้น ร่างบางเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของตัวเองด้วยความคิดไม่ตก