ครืด ครืด ครืด
ระหว่างที่ฉันกำลังจ้องพี่หมอเทวดาของสีน้ำ ความสั่นในกระเป๋ากางเกงยีนก็ดึงสติฉันกลับมา
เป็นไอ้ลอตเต้เพื่อนรักฉันเอง
“อะไร”
(มาช่วยฉันหน่อยสิ ฉันติดอยู่ในห้องเก็บของที่ตึกคณะออกไม่ได้)
“ห้องเก็บของ” ฉันขมวดคิ้วมุ่นมึนงงกับความสัปดนของเพื่อนตัวเอง ไปทำบ้าอะไรในห้องเก็บของวะ
“แล้วแกเอาตัวเองไปขังไว้ในห้องเก็บของเพื่อ?”
“ฉันไม่ได้บ้านะเว้ยถึงได้เอาตัวเองมาขังไว้ในห้องเก็บของที่เต็มไปด้วยฝุ่นเกรอะกรังแบบนี้อะ โทษไอ้ประตูเวรนี่เลยที่ดันเปิดไม่ออก”
เวรกรรมอะไรของฉันวะเนี่ยที่ดันมีเพื่อนซื่อบื้อแบบนี้ ซึ่งถ้าให้เดาฉันคิดว่ามันคงทำตัวเป็นพี่เท่เอาอุปกรณ์ไปเก็บแทนพวกสาวๆ แน่นอน ถึงได้ติดอยู่ในห้องที่ประตูมีตัวล็อกไม่สมประกอบแบบนั้น
เซ่อซ่าอย่าบอกใครเลย
หลังจากวางสายจากลอตเต้แล้วฉันก็เดินเข้ามาหาน้องสีน้ำ ซึ่งตอนนี้พี่หมอที่เดิมทีนั่งชันเข่าอยู่บนพื้นหญ้าได้ลุกขึ้นมานั่งข้างน้องแทนแล้ว
ฉันเดินเข้าไปหาสีน้ำพลันย่อตัวให้ใบหน้าเสมอกับน้อง จังหวะนั้นก็แอบเหลือบตามองคนข้างๆน้องเล็กน้อย ยังไม่กล้าหันไปมองหน้าเต็มๆ เดี๋ยวเขาจะหาว่าฉันชอบ แม้ฉันจะชอบจริงๆก็ตาม
“สีน้ำคะ พอดีพี่รินติดธุระด่วนต้องไปแล้ว ขอโทษน้าที่อยู่กินขนมอร่อยๆ กับหนูไม่ได้”
ฉันว่าพลางยื่นถุงขนมให้น้องก่อนจะหันไปยิ้มกับพี่ชายสุดหล่อข้างๆเป็นมารยาท
ทันทีที่เห็นหน้าเขาชัดๆ นิยามคำว่าผู้ชายหล่อของฉันก็ถูกยกมาตรฐานขึ้นทันที
คนคนนี้นอกจากแววตาที่ดูเศร้าอย่างที่สีน้ำบอกแล้ว อย่างอื่นกลับเพอร์เฟกต์ไปเสียหมด
“พี่รินคะนี่พี่หมอ พี่ชายของหนู”
ฉันยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มให้เขาอย่างนอบน้อม เพราะดูแล้วเขาน่าจะแก่กว่าฉันหลายปี เผลอๆ อาจจะเป็นสิบปีเพราะฉันได้ยินสีน้ำบอกว่าเขาเป็นแพทย์เฉพาะทางด้วย ดังนั้นคงอายุไม่ได้น้อยๆ แล้ว
เขารับไหว้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ฉันเองก็เร่งรีบจึงไม่ทันได้ทักทายอย่างเป็นทางการ
แต่ยอมรับเลยนะว่าหล่อจนใจเจ็บมีอยู่จริง
ร้อยวันพันปีไม่เคยบ้าผู้ชาย พอได้เจอพี่หมอครั้งแรกกลับรู้สึกเลยว่า นี่แหละพ่อของลูก
ฉันเดินไปอมยิ้มไป เมื่อก่อนก็ได้แต่สงสัยว่าคนที่มีความรักเขามีความสุขอะไรกันนักหนา ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วล่ะ
วันนี้อากาศร้อนจนร่างแทบไหม้ นี่ถ้าไม่ติดว่าลอตเต้จะตายเพราะถูกขังฉันไม่ยอมเหาะกีตากแดดกลับมาที่มหาวิทยาลัยอย่างนี้หรอก ความจริงเพื่อนคนอื่นก็มีไม่รู้จักโทร ดีนะที่โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมาก
พอมาถึงฉันก็ขับรถมอเตอร์ไซค์บิ้กไบค์สีแดงคันแรงมาจอดเทียบหน้าตึกเรียน
ซึ่งระหว่างที่ขับเข้ามาพวกนักศึกษาคนอื่นก็เอาแต่จ้องมอง ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าลูกชายฉันมันหล่อเท่แต่ไม่ต้องมองเหมือนจะมาขอหวยกันขนาดนั้นก็ได้
“โหพี่รินแม่งโคตรเท่”
ยังไม่ทันลงจากรถไอ้ตี๋ปีหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาทัก ตามันนี่เป็นประกายเชียว
“ขอลองขับบ้างได้ป่ะพี่”
“ไม่ ได้” ฉันตอบกลับไปอย่างชัดเจน
บอกเลยว่าจะยืมของอะไรไม่เคยหวง แต่ลูกรักคันนี้เป็นของต้องห้ามจ้ะ คนที่ขี่ได้มีแค่ฉันและคนที่ฉันอนุญาตเท่านั้นซึ่งปัจจุบันยังไม่มีสักคน
จอดรถเสร็จฉันก็รีบวิ่งเข้าไปในอาคารเรียนตรงไปยังห้องเก็บของชั้นล่าง โดยก่อนตรงไปห้องเก็บของฉันก็ไม่ลืมก้มหัวยกมือไหว้ขอให้พี่ยามมาช่วยเปิดประตู
ห้องนี้ตัวล็อกมันเสียจึงต้องใช้การเปิดจากด้านนอกเข้าไปเท่านั้น
“ไอริน ฮือออ”
พอประตูถูกเปิดออก ไอ้ลอตเต้ก็รีบพุ่งตัวเข้ามากอดฉันทันที ไอ้ลูกหมาเอ้ย แล้วดูสิตัวมันเปื้อนฝุ่นเต็มไปหมด
“นี่แกเข้าไปติดได้ไงเนี่ย แล้วปกติเคยมาห้องเก็บของเสียที่ไหน”
“ก็ฉันเห็นแป้งร่ำหิ้วของจะไปเก็บฉันก็เลยอาสาช่วย”
ผิดจากที่ฉันเดาเสียที่ไหนล่ะ ถ้าเปลี่ยนจากทายหวยเป็นทายนิสัยลอตเต้ป่านนี้ฉันคงเป็นเศรษฐินีไปละ
“ฝุ่นแม่งก็โคตรเยอะ จามจนจมูกพังหมดแล้วเนี่ย”
จมูกพังงั้นเหรอ...
“ไอ้เต้!”
มันมองฉันด้วยความตกใจ พอเห็นรอยยิ้มฉันสีหน้ามันก็เริ่มตื่นกลัวขึ้น
“ไม่”
“ไม่บ้าอะไรฉันยังไม่ทันพูดอะไรเลยนะ”
“แค่เห็นหน้าแกฉันก็เดาได้แล้วว่าแกมีแผนชั่วอยู่ในใจ ดังนั้นไม่ว่าแกจะพูดอะไรฉันก็จะบอกว่า ไม่!”
“แผนชั่วบ้าอะไร แค่จะบอกให้แกไปหาหมอต่างหาก รู้ไหมว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ในอนาคตจมูกอาจจะมีปัญหาได้นะ”
“แกเนี่ยนะให้ฉันไปหาหมอ จำไม่ได้เหรอว่าคราวที่แล้วให้ไปเป็นเพื่อนแกยังนั่งบ่นเกือบตาย”
“นั่นมันอดีต แต่ปัจจุบันฉันไปโรงพยาบาลกับแกได้”
ไอ้ลอตเต้มันหรี่ตามองฉันอย่างจับผิด แต่คิดเหรอว่าฉันจะปล่อยให้มันล่วงรู้ความลับเรื่องฉันชอบพี่หมอ
“แกแปลกๆ นะ หรือว่าไปตกหลุมรักผู้ป่วยที่โรงพยาบาลเข้าให้”
“ถามจริงนะไอ้หล่อ ในสมองของแกมันแบคทีเรียที่กินความฉลาดอยู่หรือไง แต่ละอย่างที่แกคิดนี่โคตรอะเมซิ่งเลย”
“เอ้าใครจะรู้ล่ะ ก็แกมันแปลก”
“แกก็แปลกไม่ต่างกันหรอก สรุปจะไปไหมถ้าไม่ไปฉันจะได้กลับ”
ฉันทำท่าจะสะบัดก้นเดินหนีออกมาแต่ลอตเต้ก็คว้าข้อมือฉันไว้
“เออไปก็ไป แต่ขอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อที่คอนโดแกก่อนได้ไหม ฉันไม่ชินตอนเห็นสภาพตัวเองสกปรกอะ”
“ไม่กลับคอนโดตัวเองล่ะคะเพื่อน”
“ก็คอนโดแกมันใกล้กว่า ฉันอยากจะอาบน้ำเปลี่ยนชุดเร็วๆ”
แล้วห้องฉันก็ดันมีชุดที่มันเอามาทิ้งไว้ด้วย ไม่ได้เผลอทิ้งไว้นะ แต่ตั้งใจทิ้งไว้เลยมันบอกว่ากันไว้กรณีฉุกเฉิน ดังนั้นใครเข้าห้องฉันก็มักจะคิดว่าฉันมีแฟนแล้วทั้งนั้น เพราะข้าวของกว่าครึ่งล้วนเป็นของไอ้คุณชายลอตเต้
“จะซ้อนฉันกลับหรือจะขับรถกลับเองคะ”
“ซ้อนแก ฉันไม่อยากให้รถเปื้อน ขี้เกียจพาไปทำความสะอาด”
แหมแต่ไม่กลัวเบาะรถฉันเปื้อนบ้างเลยนะ
“ห้ามซิ่งด้วย”
“เออรู้แล้วน่ะ” เป็นเพื่อนหรือทาสมันกันแน่วะเนี่ย
ทันทีที่มาถึงคอนโดฉันก็โยนกุญแจห้องและคีย์การ์ดให้มันส่วนตัวเองก็เดินออกมาหาซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อ ก่อนหน้านี้ว่าจะซื้อไปกินกับสีน้ำแต่ก็ถูกเรียกตัวออกมาก่อนฉันจึงยังไม่ทันได้กินข้าวเที่ยง
“ทั้งหมดสองร้อยยี่สิบเจ็ดบาทครับ”
ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทำท่าจะจ่ายเงิน แต่ทว่าจู่ๆ กลับมีมือปริศนายื่นมาจ่ายเงินให้แทน
“พี่สิบทิศ”
ฉันเอ่ยเรียกชื่อของรุ่นพี่คณะที่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เราสนิทกันมากในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เขาไปฝึกงานจึงไม่ค่อยได้เจอกัน
“มาได้ไงเนี่ย”
“เป็นไงตกใจล่ะสิ”
“เออดิ แล้วไหนบอกว่าพี่ไปฝึกงานที่ต่างจังหวัด ไหงโผล่กลับมาได้ล่ะ”
“ย้ายกลับมาสาขาใหญ่ที่กรุงเทพ อยู่ใกล้มหาลัยนี่เอง”
“เฮ้ยแม่งดีว่ะ แบบนี้พี่ก็กลับมาที่คณะได้อ่ะดิ”
ฉันเอ่ยด้วยความดีใจ ความจริงพี่สิบทิศนอกจากเป็นรุ่นพี่ที่สนิทแล้วเขายังเป็นพี่รหัสฉันด้วย ดีใจอ่ะ
“มาปุ๊บก็ป๋าเลยนะ”
“กับน้องพี่เลี้ยงได้สบาย” พูดจบก็ยีหัวฉันจนผมเผ้ายุ่งรุงรังซึ่งเขามักทำแบบนี้เป็นประจำจนฉันขี้เกียจห้ามแล้ว
“ว่าแต่ช่วงนี้เรียนเป็นไงบ้างหนักไหม”
“อย่าได้ถาม” ซึ่งประโยคนี้เป็นที่รู้กันดีของเด็กในคณะอยู่แล้ว คนที่อาบน้ำก่อนมาอย่างพี่สิบทิศย่อมรู้ดี
“ว่าแต่พี่เถอะฝึกงานเป็นไงบ้าง”
“ก็ดีนะ เพื่อนร่วมงานดีหัวหน้าก็ดี”
“เจอคนดีก็ดีแล้ว แล้วกับพี่แคชเชียร์เป็นยังไงบ้างคะ”
พี่แคชเชียร์ ที่ฉันกำลังพูดถึงคือแฟนสาวคนสวยของพี่สิบทิศซึ่งเป็นถึงดาวคณะวิศวะเมื่อสามปีก่อน ทั้งสองคนล้วนได้ฉายาว่าเป็นกิ่งทองใบหยกที่โคตรจะเหมาะสมกัน แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ฉันก็ได้ข่าวว่าทั้งคู่เรือแตก
สาเหตุเขาว่ากันว่าพี่สิบทิศขอบอกเลิกเพราะว่าแอบนอกใจไปชอบคนอื่น ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใครและไม่อยากถามด้วย เพราะถึงแม้ฉันจะเป็นน้องรหัสแต่นั่นมันก็เรื่องส่วนตัวของเขาฉันไม่อยากเข้าไปยุ่ง
“อย่าพูดถึงเลยเรื่องมันจบไปนานแล้ว”
จบไปนานแล้วที่ไหนกัน เมื่ออาทิตย์ก่อนฉันยังเห็นมีคนแอบถ่ายรูปพี่แคชเชียร์กับพี่สิบทิศเดินด้วยกันอยู่เลย ทุกคนต่างเข้าไปคอมเมนต์ว่าอยากให้ทั้งคู่กลับมาคืนดีกันพร้อมกับเชียร์ให้พี่สิบทิศมาง้อขอคืนดีกับพี่แคชเชียร์ บางคนถึงขั้นออกมาแก้ตัวแทนว่าจริงๆ แล้วพี่สิบทิศไม่ได้ชอบคนอื่น แต่น้อยใจที่ต้องห่างกันจึงชิงบอกเลิก
ทำตัวรู้ดีเสียยิ่งกว่าเจ้าตัวเสียอีก
ติ้ง!
เสียงแจ้งเตือนข้อความทำให้ฉันละสายตาจากพี่สิบทิศก้มมองโทรศัพท์อัตโนมัติ
สีน้ำ : [พี่หมอชอบขนมปังที่พี่รินซื้อให้มากเลยนะคะ ดูสิกินใหญ่เลย (แนบวิดีโอ) ]
ฉันเปิดวิดีโอดังกล่าวดูโดยไม่ลืมหยิบหูฟังขึ้นมาสวมไว้
“แป๊บนะพี่สิบทิศ” ฉันกล่าวกับพี่เขาก่อนจะเปิดเล่นวิดีโอที่สีน้ำแอบถ่าย
‘อร่อยไหมคะพี่หมอ’
คนถูกถามอมยิ้มหลังจากกัดขนมปังเข้าปากไปหนึ่งคำ รอยยิ้มเขาทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน เข้าใจเลยว่าทำไมสีน้ำถึงได้พูดถึงเขาออกมาเช่นนั้น
‘ไม่กินเหรอคะพี่สาวเขาอุตส่าห์ซื้อมาให้นะ’
‘กินค่ะ พี่หมอคะ’
‘หืม?’
‘พี่รินน่ารักไหมคะ’
ถามอะไรเนี่ยยัยสีน้ำ ทำเอาฉันใจเต้นตามไปด้วยเลย ซึ่งหลังจากโดนคำถามนี้ไปคนในวิดีโอก็ดูสตั้นไปเล็กน้อยก่อนจะผล็อยรอยยิ้มบางพลันลูบหัวน้องสาว
‘น่ารักค่ะ แต่ก็...ยังสู้น้องสาวพี่ไม่ได้นะ’
ได้ยินแบบนั้นฉันก็เผลอหลุดยิ้มออกมาทันที ช่างเป็นพี่ชายที่เอาใจน้องสาวจริงๆ นะ แต่ก็จริงฉันยอมรับว่าสู้สีน้ำไม่ได้ เด็กคนนั้นน่ารักอย่างกับตุ๊กตาพี่ชายเองก็หล่ออย่างกับเทพบุตร เห็นแล้วอยากสิงร่างน้องสาวเขาเลย
ถ้ามีพี่ชายหล่อปานนี้ฉันจะหวงเสียยิ่งกว่าเป็นจงอางหวงไข่อีก
“ดูอะไรอยู่น่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ฉันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา
“มีนัดเหรอ”
“ใช่ค่ะ พอดีเต้มันอยู่ที่ห้องงั้นเดี๋ยวรินไปก่อนนะ ไว้เจอกันค่ะพี่สิบทิศ”
พูดจบฉันก็โบกไม้โบกมือลาพร้อมกับหยิบขนมถุงใหญ่ออกจากร้านสะดวกซื้ออย่างอารมณ์ดี โดยก่อนออกไปก็ไม่ลืมหันไปก้มหัวขอบคุณพี่สิบทิศที่เลี้ยงค่าขนม