กามเทพตัวน้อยแผลงศร

2077 คำ
ครืด ครืด ครืด ระหว่างที่ฉันกำลังจ้องพี่หมอเทวดาของสีน้ำ ความสั่นในกระเป๋ากางเกงยีนก็ดึงสติฉันกลับมา เป็นไอ้ลอตเต้เพื่อนรักฉันเอง “อะไร” (มาช่วยฉันหน่อยสิ ฉันติดอยู่ในห้องเก็บของที่ตึกคณะออกไม่ได้) “ห้องเก็บของ” ฉันขมวดคิ้วมุ่นมึนงงกับความสัปดนของเพื่อนตัวเอง ไปทำบ้าอะไรในห้องเก็บของวะ “แล้วแกเอาตัวเองไปขังไว้ในห้องเก็บของเพื่อ?” “ฉันไม่ได้บ้านะเว้ยถึงได้เอาตัวเองมาขังไว้ในห้องเก็บของที่เต็มไปด้วยฝุ่นเกรอะกรังแบบนี้อะ โทษไอ้ประตูเวรนี่เลยที่ดันเปิดไม่ออก” เวรกรรมอะไรของฉันวะเนี่ยที่ดันมีเพื่อนซื่อบื้อแบบนี้ ซึ่งถ้าให้เดาฉันคิดว่ามันคงทำตัวเป็นพี่เท่เอาอุปกรณ์ไปเก็บแทนพวกสาวๆ แน่นอน ถึงได้ติดอยู่ในห้องที่ประตูมีตัวล็อกไม่สมประกอบแบบนั้น เซ่อซ่าอย่าบอกใครเลย หลังจากวางสายจากลอตเต้แล้วฉันก็เดินเข้ามาหาน้องสีน้ำ ซึ่งตอนนี้พี่หมอที่เดิมทีนั่งชันเข่าอยู่บนพื้นหญ้าได้ลุกขึ้นมานั่งข้างน้องแทนแล้ว ฉันเดินเข้าไปหาสีน้ำพลันย่อตัวให้ใบหน้าเสมอกับน้อง จังหวะนั้นก็แอบเหลือบตามองคนข้างๆน้องเล็กน้อย ยังไม่กล้าหันไปมองหน้าเต็มๆ เดี๋ยวเขาจะหาว่าฉันชอบ แม้ฉันจะชอบจริงๆก็ตาม “สีน้ำคะ พอดีพี่รินติดธุระด่วนต้องไปแล้ว ขอโทษน้าที่อยู่กินขนมอร่อยๆ กับหนูไม่ได้” ฉันว่าพลางยื่นถุงขนมให้น้องก่อนจะหันไปยิ้มกับพี่ชายสุดหล่อข้างๆเป็นมารยาท ทันทีที่เห็นหน้าเขาชัดๆ นิยามคำว่าผู้ชายหล่อของฉันก็ถูกยกมาตรฐานขึ้นทันที คนคนนี้นอกจากแววตาที่ดูเศร้าอย่างที่สีน้ำบอกแล้ว อย่างอื่นกลับเพอร์เฟกต์ไปเสียหมด “พี่รินคะนี่พี่หมอ พี่ชายของหนู” ฉันยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มให้เขาอย่างนอบน้อม เพราะดูแล้วเขาน่าจะแก่กว่าฉันหลายปี เผลอๆ อาจจะเป็นสิบปีเพราะฉันได้ยินสีน้ำบอกว่าเขาเป็นแพทย์เฉพาะทางด้วย ดังนั้นคงอายุไม่ได้น้อยๆ แล้ว เขารับไหว้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ฉันเองก็เร่งรีบจึงไม่ทันได้ทักทายอย่างเป็นทางการ แต่ยอมรับเลยนะว่าหล่อจนใจเจ็บมีอยู่จริง ร้อยวันพันปีไม่เคยบ้าผู้ชาย พอได้เจอพี่หมอครั้งแรกกลับรู้สึกเลยว่า นี่แหละพ่อของลูก ฉันเดินไปอมยิ้มไป เมื่อก่อนก็ได้แต่สงสัยว่าคนที่มีความรักเขามีความสุขอะไรกันนักหนา ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วล่ะ วันนี้อากาศร้อนจนร่างแทบไหม้ นี่ถ้าไม่ติดว่าลอตเต้จะตายเพราะถูกขังฉันไม่ยอมเหาะกีตากแดดกลับมาที่มหาวิทยาลัยอย่างนี้หรอก ความจริงเพื่อนคนอื่นก็มีไม่รู้จักโทร ดีนะที่โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมาก พอมาถึงฉันก็ขับรถมอเตอร์ไซค์บิ้กไบค์สีแดงคันแรงมาจอดเทียบหน้าตึกเรียน ซึ่งระหว่างที่ขับเข้ามาพวกนักศึกษาคนอื่นก็เอาแต่จ้องมอง ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าลูกชายฉันมันหล่อเท่แต่ไม่ต้องมองเหมือนจะมาขอหวยกันขนาดนั้นก็ได้ “โหพี่รินแม่งโคตรเท่” ยังไม่ทันลงจากรถไอ้ตี๋ปีหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาทัก ตามันนี่เป็นประกายเชียว “ขอลองขับบ้างได้ป่ะพี่” “ไม่ ได้” ฉันตอบกลับไปอย่างชัดเจน บอกเลยว่าจะยืมของอะไรไม่เคยหวง แต่ลูกรักคันนี้เป็นของต้องห้ามจ้ะ คนที่ขี่ได้มีแค่ฉันและคนที่ฉันอนุญาตเท่านั้นซึ่งปัจจุบันยังไม่มีสักคน จอดรถเสร็จฉันก็รีบวิ่งเข้าไปในอาคารเรียนตรงไปยังห้องเก็บของชั้นล่าง โดยก่อนตรงไปห้องเก็บของฉันก็ไม่ลืมก้มหัวยกมือไหว้ขอให้พี่ยามมาช่วยเปิดประตู ห้องนี้ตัวล็อกมันเสียจึงต้องใช้การเปิดจากด้านนอกเข้าไปเท่านั้น “ไอริน ฮือออ” พอประตูถูกเปิดออก ไอ้ลอตเต้ก็รีบพุ่งตัวเข้ามากอดฉันทันที ไอ้ลูกหมาเอ้ย แล้วดูสิตัวมันเปื้อนฝุ่นเต็มไปหมด “นี่แกเข้าไปติดได้ไงเนี่ย แล้วปกติเคยมาห้องเก็บของเสียที่ไหน” “ก็ฉันเห็นแป้งร่ำหิ้วของจะไปเก็บฉันก็เลยอาสาช่วย” ผิดจากที่ฉันเดาเสียที่ไหนล่ะ ถ้าเปลี่ยนจากทายหวยเป็นทายนิสัยลอตเต้ป่านนี้ฉันคงเป็นเศรษฐินีไปละ “ฝุ่นแม่งก็โคตรเยอะ จามจนจมูกพังหมดแล้วเนี่ย” จมูกพังงั้นเหรอ... “ไอ้เต้!” มันมองฉันด้วยความตกใจ พอเห็นรอยยิ้มฉันสีหน้ามันก็เริ่มตื่นกลัวขึ้น “ไม่” “ไม่บ้าอะไรฉันยังไม่ทันพูดอะไรเลยนะ” “แค่เห็นหน้าแกฉันก็เดาได้แล้วว่าแกมีแผนชั่วอยู่ในใจ ดังนั้นไม่ว่าแกจะพูดอะไรฉันก็จะบอกว่า ไม่!” “แผนชั่วบ้าอะไร แค่จะบอกให้แกไปหาหมอต่างหาก รู้ไหมว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ในอนาคตจมูกอาจจะมีปัญหาได้นะ” “แกเนี่ยนะให้ฉันไปหาหมอ จำไม่ได้เหรอว่าคราวที่แล้วให้ไปเป็นเพื่อนแกยังนั่งบ่นเกือบตาย” “นั่นมันอดีต แต่ปัจจุบันฉันไปโรงพยาบาลกับแกได้” ไอ้ลอตเต้มันหรี่ตามองฉันอย่างจับผิด แต่คิดเหรอว่าฉันจะปล่อยให้มันล่วงรู้ความลับเรื่องฉันชอบพี่หมอ “แกแปลกๆ นะ หรือว่าไปตกหลุมรักผู้ป่วยที่โรงพยาบาลเข้าให้” “ถามจริงนะไอ้หล่อ ในสมองของแกมันแบคทีเรียที่กินความฉลาดอยู่หรือไง แต่ละอย่างที่แกคิดนี่โคตรอะเมซิ่งเลย” “เอ้าใครจะรู้ล่ะ ก็แกมันแปลก” “แกก็แปลกไม่ต่างกันหรอก สรุปจะไปไหมถ้าไม่ไปฉันจะได้กลับ” ฉันทำท่าจะสะบัดก้นเดินหนีออกมาแต่ลอตเต้ก็คว้าข้อมือฉันไว้ “เออไปก็ไป แต่ขอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อที่คอนโดแกก่อนได้ไหม ฉันไม่ชินตอนเห็นสภาพตัวเองสกปรกอะ” “ไม่กลับคอนโดตัวเองล่ะคะเพื่อน” “ก็คอนโดแกมันใกล้กว่า ฉันอยากจะอาบน้ำเปลี่ยนชุดเร็วๆ” แล้วห้องฉันก็ดันมีชุดที่มันเอามาทิ้งไว้ด้วย ไม่ได้เผลอทิ้งไว้นะ แต่ตั้งใจทิ้งไว้เลยมันบอกว่ากันไว้กรณีฉุกเฉิน ดังนั้นใครเข้าห้องฉันก็มักจะคิดว่าฉันมีแฟนแล้วทั้งนั้น เพราะข้าวของกว่าครึ่งล้วนเป็นของไอ้คุณชายลอตเต้ “จะซ้อนฉันกลับหรือจะขับรถกลับเองคะ” “ซ้อนแก ฉันไม่อยากให้รถเปื้อน ขี้เกียจพาไปทำความสะอาด” แหมแต่ไม่กลัวเบาะรถฉันเปื้อนบ้างเลยนะ “ห้ามซิ่งด้วย” “เออรู้แล้วน่ะ” เป็นเพื่อนหรือทาสมันกันแน่วะเนี่ย ทันทีที่มาถึงคอนโดฉันก็โยนกุญแจห้องและคีย์การ์ดให้มันส่วนตัวเองก็เดินออกมาหาซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อ ก่อนหน้านี้ว่าจะซื้อไปกินกับสีน้ำแต่ก็ถูกเรียกตัวออกมาก่อนฉันจึงยังไม่ทันได้กินข้าวเที่ยง “ทั้งหมดสองร้อยยี่สิบเจ็ดบาทครับ” ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทำท่าจะจ่ายเงิน แต่ทว่าจู่ๆ กลับมีมือปริศนายื่นมาจ่ายเงินให้แทน “พี่สิบทิศ” ฉันเอ่ยเรียกชื่อของรุ่นพี่คณะที่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เราสนิทกันมากในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เขาไปฝึกงานจึงไม่ค่อยได้เจอกัน “มาได้ไงเนี่ย” “เป็นไงตกใจล่ะสิ” “เออดิ แล้วไหนบอกว่าพี่ไปฝึกงานที่ต่างจังหวัด ไหงโผล่กลับมาได้ล่ะ” “ย้ายกลับมาสาขาใหญ่ที่กรุงเทพ อยู่ใกล้มหาลัยนี่เอง” “เฮ้ยแม่งดีว่ะ แบบนี้พี่ก็กลับมาที่คณะได้อ่ะดิ” ฉันเอ่ยด้วยความดีใจ ความจริงพี่สิบทิศนอกจากเป็นรุ่นพี่ที่สนิทแล้วเขายังเป็นพี่รหัสฉันด้วย ดีใจอ่ะ “มาปุ๊บก็ป๋าเลยนะ” “กับน้องพี่เลี้ยงได้สบาย” พูดจบก็ยีหัวฉันจนผมเผ้ายุ่งรุงรังซึ่งเขามักทำแบบนี้เป็นประจำจนฉันขี้เกียจห้ามแล้ว “ว่าแต่ช่วงนี้เรียนเป็นไงบ้างหนักไหม” “อย่าได้ถาม” ซึ่งประโยคนี้เป็นที่รู้กันดีของเด็กในคณะอยู่แล้ว คนที่อาบน้ำก่อนมาอย่างพี่สิบทิศย่อมรู้ดี “ว่าแต่พี่เถอะฝึกงานเป็นไงบ้าง” “ก็ดีนะ เพื่อนร่วมงานดีหัวหน้าก็ดี” “เจอคนดีก็ดีแล้ว แล้วกับพี่แคชเชียร์เป็นยังไงบ้างคะ” พี่แคชเชียร์ ที่ฉันกำลังพูดถึงคือแฟนสาวคนสวยของพี่สิบทิศซึ่งเป็นถึงดาวคณะวิศวะเมื่อสามปีก่อน ทั้งสองคนล้วนได้ฉายาว่าเป็นกิ่งทองใบหยกที่โคตรจะเหมาะสมกัน แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ฉันก็ได้ข่าวว่าทั้งคู่เรือแตก สาเหตุเขาว่ากันว่าพี่สิบทิศขอบอกเลิกเพราะว่าแอบนอกใจไปชอบคนอื่น ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใครและไม่อยากถามด้วย เพราะถึงแม้ฉันจะเป็นน้องรหัสแต่นั่นมันก็เรื่องส่วนตัวของเขาฉันไม่อยากเข้าไปยุ่ง “อย่าพูดถึงเลยเรื่องมันจบไปนานแล้ว” จบไปนานแล้วที่ไหนกัน เมื่ออาทิตย์ก่อนฉันยังเห็นมีคนแอบถ่ายรูปพี่แคชเชียร์กับพี่สิบทิศเดินด้วยกันอยู่เลย ทุกคนต่างเข้าไปคอมเมนต์ว่าอยากให้ทั้งคู่กลับมาคืนดีกันพร้อมกับเชียร์ให้พี่สิบทิศมาง้อขอคืนดีกับพี่แคชเชียร์ บางคนถึงขั้นออกมาแก้ตัวแทนว่าจริงๆ แล้วพี่สิบทิศไม่ได้ชอบคนอื่น แต่น้อยใจที่ต้องห่างกันจึงชิงบอกเลิก ทำตัวรู้ดีเสียยิ่งกว่าเจ้าตัวเสียอีก ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนข้อความทำให้ฉันละสายตาจากพี่สิบทิศก้มมองโทรศัพท์อัตโนมัติ สีน้ำ : [พี่หมอชอบขนมปังที่พี่รินซื้อให้มากเลยนะคะ ดูสิกินใหญ่เลย (แนบวิดีโอ) ] ฉันเปิดวิดีโอดังกล่าวดูโดยไม่ลืมหยิบหูฟังขึ้นมาสวมไว้ “แป๊บนะพี่สิบทิศ” ฉันกล่าวกับพี่เขาก่อนจะเปิดเล่นวิดีโอที่สีน้ำแอบถ่าย ‘อร่อยไหมคะพี่หมอ’ คนถูกถามอมยิ้มหลังจากกัดขนมปังเข้าปากไปหนึ่งคำ รอยยิ้มเขาทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน เข้าใจเลยว่าทำไมสีน้ำถึงได้พูดถึงเขาออกมาเช่นนั้น ‘ไม่กินเหรอคะพี่สาวเขาอุตส่าห์ซื้อมาให้นะ’ ‘กินค่ะ พี่หมอคะ’ ‘หืม?’ ‘พี่รินน่ารักไหมคะ’ ถามอะไรเนี่ยยัยสีน้ำ ทำเอาฉันใจเต้นตามไปด้วยเลย ซึ่งหลังจากโดนคำถามนี้ไปคนในวิดีโอก็ดูสตั้นไปเล็กน้อยก่อนจะผล็อยรอยยิ้มบางพลันลูบหัวน้องสาว ‘น่ารักค่ะ แต่ก็...ยังสู้น้องสาวพี่ไม่ได้นะ’ ได้ยินแบบนั้นฉันก็เผลอหลุดยิ้มออกมาทันที ช่างเป็นพี่ชายที่เอาใจน้องสาวจริงๆ นะ แต่ก็จริงฉันยอมรับว่าสู้สีน้ำไม่ได้ เด็กคนนั้นน่ารักอย่างกับตุ๊กตาพี่ชายเองก็หล่ออย่างกับเทพบุตร เห็นแล้วอยากสิงร่างน้องสาวเขาเลย ถ้ามีพี่ชายหล่อปานนี้ฉันจะหวงเสียยิ่งกว่าเป็นจงอางหวงไข่อีก “ดูอะไรอยู่น่ะ” “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ฉันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา “มีนัดเหรอ” “ใช่ค่ะ พอดีเต้มันอยู่ที่ห้องงั้นเดี๋ยวรินไปก่อนนะ ไว้เจอกันค่ะพี่สิบทิศ” พูดจบฉันก็โบกไม้โบกมือลาพร้อมกับหยิบขนมถุงใหญ่ออกจากร้านสะดวกซื้ออย่างอารมณ์ดี โดยก่อนออกไปก็ไม่ลืมหันไปก้มหัวขอบคุณพี่สิบทิศที่เลี้ยงค่าขนม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม