“ซาหวัดดีครับคุณลุง” เด็กน้อยรีบไหว้ผู้มาเยือนตามที่มารดาสอน ด้วยความน่ารักของเด็กน้อย ทำให้เชนถึงกับตกหลุมรักเด็กชายตั้งแต่แรกเจอ
“สวัสดีครับโชกุน กำลังจะไปโรงเรียนเหรอครับ” คราวนี้เชนละความสนใจจากเพียงเพ็ญ เขาหันไปสนใจเด็กชายโชกุนแทน
“ใช่ครับ เดี๋ยวรถรับส่งมารับคับ” เด็กชายโชกุนที่ยังพูดไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ก็พยายามเต็มที่ที่จะสนทนากับผู้มาเยือน
“ให้ลุงไปส่งที่โรงเรียนมั้ยครับ” คราวนี้เป็นเชนที่เริ่มรุกหนัก คำพูดของเขาทำให้เพียงเพ็ญหน้าเสียขึ้นมาทันที
“ไม่เป็นไร เราไม่รบกวนหรอกเชน ให้ตาหนูไปกับรถรับส่งเหมือนเดิมน่ะดีแล้ว” เพียงเพ็ญรีบเอ่ยทัดทานทันที
“ก็ได้ แต่ว่าหลังจากที่โชกุนขึ้นรถรับส่งแล้ว เราคงมีอะไรต้องคุยกันอีกเยอะเลยพราว” สีหน้าและแววตาของเชนจริงจัง จริงจังเสียจนเพียงเพ็ญรู้สึกหวั่นใจ เธอไม่เคยเห็นเชนในมุมแบบนี้ เธอจึงอ่านไม่ออกว่าเชนจะเรียกร้องอะไรจากเธอ
“ตกลงเชน” เพียงเพ็ญรับปาก ก่อนที่เธอจะหันมาสนใจบุตรชายตัวน้อยต่อ และปล่อยให้เชนได้สำรวจทั้งเธอและลูกอย่างละเอียด โดยที่เธอไม่รู้ตัว
“โชกุนครับ ไหนหมุนตัวให้แม่ดูซิครับ” เด็กน้อยหมุนตัวตามที่มารดาสั่ง ก่อนที่จะหันมายิ้มกับเชน รอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของเด็กน้อย ทำให้หัวใจของชายหนุ่มกระตุกวูบด้วยความดีใจ ไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอเขาก็รู้ว่าเด็กน้อยคือลูกของเขา
“เยียบย้อยยังคับ” เด็กชายโชกุนเอ่ยถามมารดา พร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่เคยหายไปจากใบหน้าของเด็กน้อย
“เรียบร้อยแล้วครับ โอ๊ะ...นั่นไงครับ รถมารับโชกุนแล้ว” เพียงเพ็ญได้ยินเสียงแตร เธอจึงเงยหน้าไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นรถรับส่งของบุตรชาย เธอจึงจูงมือบุตรชายไปหน้าร้าน ซึ่งมีรถตู้คอมมิวเตอร์ที่ใช้ดัดแปลงเป็นรถรับส่งนักเรียนจอดรออยู่
“เจอกันเย็นนี้นะครับโชกุน ไว้ลุงจะซื้อขนมมาให้โชกุนเยอะๆ เลย” เชนหันไปกล่าวกับเด็กน้อย ในขณะที่เพียงเพ็ญต้องลอบถอนหายใจด้วยความลำบากใจ ต่อไปนี้เธอคงต้องเจออะไรอีกเยอะ เรื่องที่พยายามจะปิดเป็นความลับตลอดชีวิต มันคงไม่สามารถทำได้ ตอนนี้เพียงเพ็ญก็ได้แต่หวังว่าเขาจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเธอและลูก แค่นั้นก็คงจะดีมากแล้ว