Ep.7

1783 คำ
Ep.7 Jean talk. 15.30 น. "วันนี้มีเคสหนักๆ เข้ามาบ้างหรือเปล่าครับ ?" "มีมาประมาณ 2-3 เคสค่ะคุณหมอ ส่วนมากจะเป็นเคสทั่วๆ ไป" พยาบาลห้องฉุกเฉินตอบคำถามผมด้วยรอยยิ้ม ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเอ่ยบอกเธอเสียงเรียบ "ครับ ถ้ามีเคสหนักๆ เข้ามาแจ้งผมได้เลยนะครับ วันนี้ผมอยู่เวรแทนหมอภู" หมอภูเป็นหมอรุ่นพี่ที่ทำงานอยู่แผนกเดียวกัน วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของหมอภูกับภรรยา หมอภูเลยมาขอแลกเวรกับผม ให้ผมอยู่เวรแทน "ได้ค่ะคุณหมอ" "ครับ" พูดจบผมก็เดินไปที่ห้องพักแพทย์ทันที ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะประจำของตัวเองแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ผ่านไปสักพักประตูห้องพักแพทย์ก็ถูกเปิดออก ก่อนจะปรากฏร่างที่ผมรักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี... "มัวแต่อ่านหนังสืออยู่ได้ ข้าวน่ะกินบ้างหรือเปล่า" พี่ฟางซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆ ของผมเดินเข้ามา พร้อมกับเอ็ดที่เห็นผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ "กินสิ เดี๋ยวอ่านจบบทนี้ก็ว่าจะไปหาอะไรกินแล้วล่ะ" "อะนี่ แม่ให้เอามาให้" พี่ฟางพูดพร้อมกับวางถุงกล่องอาหารต่างๆ ที่ถือมาลงบนโต๊ะ "อ้าว วันนี้แม่อยู่บ้านเหรอ" ปกติเวลานี้แม่ของผมต้องอยู่ที่ร้านสิ แล้วทำไมมีเวลามาเตรียมอาหารให้ผม "เอ่อ...มะ...แม่ให้แม่บ้านเตรียมให้น่ะ" สายตาพี่ฟางดูมีพิรุธมาก แต่ช่างเถอะ เพราะผมว่าผมรู้เหตุผลของพี่ฟางดี เลยไม่คาดคั้นอะไร "ขอบคุณครับ ฟางกินด้วยกันไหม" ผมวางหนังสือลงบนโต๊ะ ก่อนจะหยิบกล่องอาหารพวกนั้นไปวางที่โต๊ะทานข้าว "ไม่อะ เค้ากินมาจากบ้านแล้ว" "แล้วเค้าจะกินหมดเหรอ ทำไมแม่บ้านเตรียมมาเยอะจัง" ผมประเมินอาหารในกล่อง ดูแล้วน่าจะกินได้ประมาณ 2-3 คนเลยล่ะ "ถ้ามันเยอะ กะ...ก็แบ่งเพื่อนกินด้วยสิ" พอได้ยินพี่ฟางพูดแบบนั้น ผมก็ยิ้มออกมาทันที เพราะรู้ว่าพี่ฟางต้องการจะพูดอะไร ก่อนจะหันไปเอ่ยเรียกเพื่อนของผมที่นอนอยู่ในห้อง "ติณณ์..." "อยู่เหรอ ?" พี่ฟางรีบถามผมอย่างตกใจทันที ก่อนที่ผมจะพยักหน้าตอบไป "อ่าฮะ วันนี้เค้าอยู่เวรตรงกับมัน" "อะ...อ๋อ งั้นก็เรียกมากินสิ เดี๋ยวเค้าจะกลับละ" "รีบกลับจัง" "พอดีเค้าต้องเข้าบริษัทน่ะ ไปก่อนนะ" "ครับ ขับรถดีๆ นะ" จากนั้นพี่ฟางก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไปทันที ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มและส่ายหน้าให้กับท่าทางของพี่สาวตัวเอง ก่อนจะหันกลับมาเรียกไอ้ติณณ์มากินข้าวอีกครั้ง "กูรู้ว่ามึงตื่นแล้ว มากินข้าวสิ" เมื่อผมพูดจบไอ้ติณณ์ที่นอนเอาผ้าห่มคลุมหัวตัวเองอยู่ก็ลุกขึ้น แล้วเดินมานั่งลงตรงข้ามผม "แล้วมึงจะไปไหน ?" มันถามเมื่อเห็นผมทำท่าจะลุกขึ้น "กูจะไปต้มมาม่า" "?" "อาหารพวกนั้นน่ะ มึงกินให้หมดเลยนะ เดี๋ยวคนทำเขาจะเสียใจ" พูดจบผมก็ลุกไปหยิบมาม่ากระป๋องมาเปิดเทน้ำร้อนใส่ ก่อนจะยกมันมาวางไว้บนโต๊ะแล้วนั่งลงที่เดิม ส่วนไอ้ติณณ์มันมองมาที่กระป๋องมาม่าผมเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปสนใจกินอาหารตรงหน้าต่อ "อร่อยไหม" ผมถามเมื่อเห็นมันกินไปมากกว่าครึ่ง แถมยังไม่บ่นอะไรสักคำ "ก็อร่อยดี" มันตอบผมก่อนจะตักข้าวเข้าปาก คงจะมีแต่มันคนเดียวนั่นแหละที่บอกว่าอาหารที่พี่ฟางทำมันอร่อย ส่วนผมนั้นกินอาหารที่พี่ฟางทำไม่ได้จริงๆ เคยชิมไปหลายครั้ง แต่ก็ต้องส่ายหน้าทุกครั้ง จากนั้นผมกับมันก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ต่างฝ่ายต่างกินอาหารของตัวเองไปเงียบๆ พอกินเสร็จไอ้ติณณ์มันก็ออกไปตรวจคนไข้ ส่วนผมก็ไปแปรงฟันแล้วกลับมานั่งอ่านหนังสือต่อ ผมอ่านหนังสือไปได้สักพักใหญ่ๆ ประตูห้องพักแพทย์ก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับพยาบาลห้องฉุกเฉินที่วิ่งเข้ามาหาผมอย่างรีบร้อน คงจะมีเคสฉุกเฉินแน่ๆ "คุณหมอคะ!" "ครับ ?" ผมขานรับ พร้อมกับรีบปิดหนังสือที่กำลังอ่านลงทันที เพื่อเตรียมพร้อม "พอดีมีเคสเข้ามา แล้วหมอที่ประจำห้องฉุกเฉินพักไปทานข้าว รบกวนคุณหมอช่วยไปดูหน่อยได้ไหมคะ" "ได้ครับ" ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบเดินนำพยาบาลคนนั้นออกมา ส่วนเธอก็เดินตามผมมาติดๆ พร้อมกับอธิบายอาการคร่าวๆ ของคนไข้ให้ผมฟัง "เป็นเคสทะเลาะวิวาทค่ะ คนไข้เป็นผู้หญิงมีประมาณ 6 คน" "อาการหนักไหมครับ ?" "สองคนค่อนข้างหนักนิดนึงค่ะ ได้ยินมาว่าสี่ต่อสอง" เมื่อได้ยินว่าคนไข้อาการหนัก ผมก็เริ่มเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งทันที และพอผมมาถึงห้องฉุกเฉินเสียงโวยวาย และตะโกนด่าทอกันก็ดังขึ้นอย่างดุเดือด โดยไม่มีใครยอมใคร "มึงแย่งผัวกู อีหน้าด้าน!!" "มึงสิหน้าด้าน หน้าไม่อาย ถ่างขาให้มันเอาเองแล้วจะมาเรียกร้องอะไร!!" "ไม่สำเนียกตัวเองเลยใช่ไหมว่าเขาไม่เอามึงแล้ว เขาถึงมาเอากู!" "แล้วไง กูก็ไม่เอามันแล้วเหมือนกัน! แค่ผู้ชายสันดานหมา กูไม่เสียดายหรอก!" "ถ้ามึงไม่เอาแล้วมึงมาตบกูทำไม!" "มึงมันหน้าด้าน หน้าไม่อาย กูก็แค่อยากจะสั่งสอนมึงไง!" สั่งสอน ? ผมขมวดคิ้วเข้าหากันคำทีที่ได้ยินคำนั้น ผมแค่นึกสงสัยว่า...สั่งสอนอีกฝ่าย แต่ทำไมตัวเองดูสาหัสกว่าล่ะ "มึงจำหน้ากูไว้ให้ดีอีเหมย! ถ้ากูเจอมึงที่ไหนมึงได้ตายคาตีนกูแน่ เพื่อนมึงด้วย!" "คิดว่ากูกลัวเหรอวะ แน่จริงมึงก็เข้ามาสิ!" เปรี้ยว ? คิ้วผมขมวดเข้าหากันอีกครั้ง เมื่อคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนเตียงฉุกเฉินตะโกนตอกกลับอีกฝ่าย พร้อมกับเตรียมจะกระโดดลงจากเตียงผู้ป่วย ส่วนอีกฝ่ายก็ตั้งท่าจะพุ่งเข้าหาเหมือนกัน เมื่อผมเห็นท่าไม่ดี ผมจึงรีบเดินเข้าไปขวางทั้งสองฝ่ายเอาไว้ก่อน "หยุด! ที่นี่โรงพยาบาล ถ้าอยากมีเรื่องกันก็ไปมีที่อื่น!" สิ้นเสียงของผม ก็ทำให้ทั้งสองฝ่ายหยุดชะงัก มีเพียงเปรี้ยวที่ไม่ได้สนใจเสียงห้ามของผม เธอกระโดดลงจากเตียง ก่อนจะกระดิกนิ้วเรียกฝ่ายตรงข้ามเธอให้ตามเธอออกไปข้างนอก "มึงออกมา" "คิดว่ากูกลัวหรือไง!" "ไม่กลัวก็มา!" พูดจบคนตัวเล็กก็เตรียมจะหมุนตัวเดินออกไป แต่ผมรีบเดินไปคว้าแขนเธอเอาไว้ก่อน "หยุด! พอได้แล้วเปรี้ยว" ผมพูดเสียงดุ จะออกไปมีเรื่องกันข้างนอกโดยไม่ดูสังขารตัวเองเลยหรือไง แค่นี้ตัวเองก็อาการสาหัสกว่าพวกนั้นมากแล้วนะ ขืนปล่อยให้ออกไปมีเรื่องกันอีก มีหวังได้แขนขาหักกลับมาแน่! "ออกมาอีเปรี้ยว!" อีกฝ่ายที่เดินออกไปก่อน หันกลับมาเรียกคนที่ถูกผมจับแขนเอาไว้อยู่ "เออ! ปล่อยฉันก่อนหมอ ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการ" เปรี้ยวตะโกนตอบอีกฝ่าย ก่อนจะหันมาแกะมือผมออกจากแขน แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อยเธอง่ายๆ "ไม่ได้ หยุดมีเรื่องกันได้แล้ว" "แต่มันหาเรื่องฉันนะหมอ หมอไม่เห็นเหรอ ?!" "อย่าใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งเปรี้ยว ดูสภาพตัวเองด้วย" ผมดุอีกครั้ง เมื่อเธอไม่มีท่าทีว่าจะยอมอ่อนลงเลย ผมหันไปส่งสัญญาณให้ผู้ช่วยและบุรุษพยาบาลที่อยู่บริเวณนั้นเข้าไปควบคุมอีกฝ่าย ก่อนที่ผมจะหันกลับมาจัดการคนตัวเล็กอีกครั้ง "ฉันไม่ยอมหรอกนะหมอ ฉันไม่ได้ผิดอะไร ฉันอยู่ของฉันดีๆ พวกมันก็เข้ามาหาเรื่องฉันก่อน จะให้ฉันอยู่เฉยๆ เหรอ อีกอย่างหมอดูเพื่อนฉันสิ โดนพวกมันแย่งผัวแล้วยังต้องมาโดนทำร้ายอีก หมอจะให้ฉันอยู่เฉยๆ ได้ไง!" ผมหันไปมองเพื่อนของเธอนี่นั่งเอาผ้าก็อชประคบหัวตัวเองไว้ ดูจากอาการเธอน่าจะหัวแตกและเลือดไหลไม่หยุด ผมหันไปมองรอบๆ ก็เห็นไอ้ติณณ์มันกำลังเดินเข้ามาในห้องฉุกเฉินพอดีด้วยสีหน้างงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเลยเรียกแล้วบอกให้มันไปดูอาการเพื่อนของเปรี้ยวให้ก่อน "ติณณ์! มึงช่วยมาดูคนไข้คนนี้ให้หน่อย" "…" ไอ้ติณณ์มองผมสลับกับเปรี้ยวเล็กน้อยแต่ก็ไม่พูดอะไร ก่อนจะเดินไปดูคนไข้ที่ผมบอกมันทันที จากนั้นผมก็ไม่พูดและไม่ฟังอะไรทั้งนั้น จัดการดึงแขนเปรี้ยวให้กลับไปที่เตียง ก่อนจะเริ่มตรวจดูอาการ ภายในไม่ได้มีอะไรเสียหาย มีแต่แผลภายนอกที่เกิดจากการทะเลาะวิวาทเท่านั้น แต่จากที่ผมประเมินจากสายตา มันก็สาหัสมากอยู่ดี "โอ๊ะ! โอ๊ยยยยย! มันแสบนะหมอ เบาๆ หน่อยสิ!" คนที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยมีสีหน้าเหยเกขึ้นมาทันทีด้วยความแสบ หลังจากที่ผมใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลให้ "อยู่นิ่งๆ เห็นมันว่ามันมีเศษดินอยู่ในแผล" "ก็มันแสบอะ หมอก็เบาๆ สิ ไม่งั้นก็ใส่ยาชาให้ฉันก่อนก็ได้" "เก่งไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ทนให้ได้ล่ะ" ผมถามเสียงเรียบโดยที่ไม่ได้ละสายตาไปจากแผลตรงหน้า "ก็ตอนนั้นอารมณ์มันขึ้นมันไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแหละ" "…" ผมไม่ตอบโต้อะไร และเริ่มลงมือกับแผลสดตรงหน้าต่อ "โอ๊ยๆ ซี๊ดด เบาๆ หมอ ฉันแสบ โอ๊ยหมอ~" เปรี้ยวยังคงห่อไหล่ ซี๊ดปากเสียงดังด้วยความแสบ แต่เสียงมันคงดังไป ทำให้ไอ้ติณณ์ที่กำลังทำแผลให้เพื่อนของเธออยู่นั้น พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงรำคาญ... "เงียบๆ หน่อยยัยโง่ มันรบกวนคนไข้คนอื่น"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม