11.06น.
ฉันนั่งรถมาถึงชลบุรีด้วยใจที่ห่อเหี่ยว ตลอดทั้งคืนฉันนอนไม่หลับเลย ได้แต่คิดว่าทำไมเรื่องเลวร้ายแบบนี้ต้องเกิดกับฉัน อยากให้เป็นแค่ความฝันจัง พอเจอแม่แล้วขอให้แม่บอกฉันว่าท่านไม่ได้เป็นอะไร สบายดี ฉันเพียงแต่คิดมากจนเก็บไปฝัน
แต่เมื่อมาถึงบ้านเช่าที่แม่อยู่กับป้านี สิ่งที่ฉันภาวนาดูจะไม่เป็นผล เมื่อเจอแม่นอนป่วยหน้าซีด แถมแม่ยังดูผอมลงไปกว่าตอนที่เจอฉัน2เดือนที่แล้ว
ฉันยกมือปาดน้ำตา ไม่อยากอ่อนแอให้แม่เห็น อยากให้แม่มีกำลังใจในการรักษาตัวเอง ฉันสัญญาจะทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมารักษาแม่ให้ได้
"แม่จ๋า"
แม่ตกใจนิดหน่อยที่เห็นฉัน แต่น่าจะเดาได้ว่าป้านีโทรไปบอก เพราะแม่หันไปมองหน้าป้านีที่ยืนอยู่ห่างๆ
"มาทำไม ไม่มีเรียนรึไง"
ยิ่งได้มาเห็นแม่ใกล้ๆ ฉันรู้สึกว่าท่านผอมไปมากจริงๆ หน้าตาดูซีดเซียว ขอบตาดำคล้ำเหมือนอดหลับอดนอน ถึงแม้จะพยายามเข้มแข็งไม่อยากให้ท่านเห็นน้ำตา แต่มันทำไม่ได้เลย
"ฮึก ฮึก ฮึก ฮือ แม่ไปโรงพยาบาลกับหนูนะ"
ฉันก้มตัวไปกอดท่านไว้บนเตียง ร้องไห้สะอึกสะอื้น ฉันมีแม่คนเดียวในชีวิตนี้เหลือท่านแค่คนเดียวทำไมฟ้าไม่เห็นใจฉันบ้าง
"ไปทำไม ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่เป็นไข้ธรรมดา"
"หนูรู้ว่าแม่ไม่เป็นอะไรและต้องไม่เป็นอะไร แต่แม่ต้องไปรักษาให้หาย ถ้าไม่ไปแล้วหนูจะอยู่กับใคร แม่จะทิ้งหนูให้อยู่คนเดียวเหรอ ไม่อยากอยู่ดูความสำเร็จของหนูรึไง"
ท่านเอามือมาลูบหัวฉัน แม่คือความอบอุ่นเดียวที่ฉันมี ฉันจะไม่ยอมให้อะไรมาพรากแม่ไปจากฉันแน่นอน
"ตาลคิดว่าเรามีเงินรึไง แม่อยู่ดูตาลเรียนจบได้อยู่แล้ว"
"แล้วหลังจากนั้นล่ะ แม่ก็จะทิ้งหนูไว้เหมือนที่พ่อทิ้งเราไปใช่มั้ยแม่"
"ทำไมพูดอย่างนั้น ถึงแม่จะอยู่ที่ไหน ก็จะอยู่ใกล้ๆตาลเสมอนะลูก"
ฉันยกมือปาดน้ำตา มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ
"ไม่ค่ะ ไปโรงพยาบาลกัน ถ้าแม่อยากเห็นหนูมีชีวิตต่อแม่ต้องไปผ่าตัด"
ฉันหันไปพยักหน้ากับป้านีที่ยืนอยู่ไกลๆ
"ไปเถอะนุช เธอไม่อยากเห็นลูกตายทั้งเป็นหรอกใช่มั้ย"
"พี่ก็รู้ฉันไม่มีเงิน ทำไมถึงยังได้โทรไปบอกยัยตาล หลานเรียนหนังสืออยู่ดีๆ ต้องมารับรู้เรื่องอะไรก็ไม่รู้"
แม่ต่อว่าป้านีที่เอาเรื่องนี้มาบอกฉัน แม่ที่พูดเรื่องตัวเองเป็นโรคมะเร็งเหมือนกับแค่เป็นไข้ธรรมดา ฉันไม่สามารถทำเป็นเข้มแข็งได้เหมือนท่านเลย
"แม่อย่างว่าป้านีเลยนะ หนูมีเงินจ๊ะ หนูรับทำรายงานภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ปีหนึ่งกับเงินที่แม่โอนให้ทุกเดือนพอจะจ่ายให้แม่ได้ เพราะงั้นไปโรงพยาบาลกันนะ"
แม่ขมวดคิ้วไม่เชื่อ จนป้านีต้องเสริมขึ้นด้วยอีกคน
"จริงนะนุช ตาลมันบอกพี่ตั้งแต่เมื่อคืน เธอไปผ่าตัดให้สบายดีกว่า ไม่ต้องคิดเยอะแยะเรื่องอะไรอีกนะ แค่รักษาตัวให้หายก็พอ"
"ค่าผ่าตัดมันเท่าไหร่กัน"
ฉันพยายามส่งสายตาไม่ให้ป้านีบอกถึงจำนวนเงินทั้งหมด ซึ่งป้านีก็เข้าใจเพราะเรื่องค่ารักษาป้านีเป็นคนถามหมอเอง
"ไม่เท่าไหร่หรอกจ๊ะ แม่คิดว่าเยอะใช่มั้ยเลยไม่ยอมไปผ่า แค่ไม่กี่หมื่นมันผ่อนผันได้นะแม่"
ฉันโกหกคำโต เพื่อหาหว่านล้อให้แม่ไปผ่าตัดให้ได้ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันที่หลัง
"คิดว่าหลอกแม่ได้รึไง ค่าผ่าตัดมันเป็นแสนๆ ตาลจะหามาจากที่ไหน"
"ตาลยืมเพื่อนมาก่อนไง แม่ลืมแล้วเหรอมหาลัยที่ตาลเรียนมีแต่ลูกคนรวย เพื่อนตาลก็รวย มันให้ยืมโดยไม่คิดดอกด้วย"
พอเราได้โกหกไปหนึ่งครั้งก็จะมีครั้งที่สองตามมาคำนี้ไม่เกินจริง ฉันรู้ว่ามันไม่ได้โกหกพ่อแม่ แต่ถ้าทำให้ท่านยอมไปผ่าตัดฉันก็ยอม
"เพื่อนคนไหน แม่เห็นตาลมีแต่เพื่อนที่ชื่อนิชาที่เล่าให้แม่ฟังบ่อยๆ แต่เพื่อนคนนั้นเป็นเด็กทุนนิจะเอาเงินที่ไหนมาให้ยืม"
แม่ยังซักไม่เลิก แถมยังจำได้หมดว่าฉันเล่าอะไรให้ฟังบ้าง ฉันประเมินท่านต่ำไป แต่จะอ้างชื่อใครดีที่ทำให้ท่านเชื่อ
"ภีม ภีมจ๊ะแม่ เป็นเพื่อนผู้ชาย บ้านรวยมาก ตาลเอ่ยยืมแค่ครั้งเดียวก็ให้เลย เพิ่งคบกันได้ไม่นานยังไม่ได้เล่าให้แม่ฟังหรอก"
โกหกครั้งที่3 จู่ๆชื่อนี้ก็โผล่มาในความคิดเธอพอดี อาจเพราะจำง่ายแหละ ขอโทษด้วยล่ะกันที่ต้องแอบอ้างชื่อไปก่อน
"จริงเหรอ ทีหลังพามาเจอแม่หน่อยสิ แม่อยากขอบคุณเขา"
โอ้ยแม่ จะไปอยากเจอคนอันตรายอย่างเขาทำไม แล้วฉันก็นะชื่ออื่นมีเยอะแยะให้โกหก ดันไปเลือกคนที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้ฉันยืมเงิน
"จ๊ะ แต่ต้องหลังจากแม่ผ่าตัดนะ หนูจะพาเขามาหาแม่จ๊ะ"
เชื่อแล้วว่าฉันต้องโกหกต่อไปเรื่อยๆแน่นอน เพราะใครจะไปพาผู้ชายคนนั้นมาหาแม่ได้ เขาห่างไกลจากเธอมากเกินไปนอกจากว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของเขา ถึงจะเป็นไปได้
ฉันพาแม่มาที่โรงพยาบาลได้สำเร็จ หลังจากคุยกับหมอและแม่ต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อเตรียมร่างกายสำหรับการผ่าตัด ฉันเลยไปพบกับฝ่ายการเงินของโรงพยาบาลเพื่อสอบถามเรื่องค่ารักษา
"ขอสอบถามหน่อยนะคะ ค่าผ่าตัดสามารถผ่อนจ่ายได้มั้ยค่ะพี่"
"คนไข้ผ่าตัดอะไรค่ะ"
"ผ่าตัดมะเร็งกระเพาะอาหารค่ะ"
"รอข้อมูลสักครู่นะคะ"
ฉันพยักหน้า ภาวนาให้โลกใบนี้ใจดีให้ฉันบ้าง อย่างน้อยๆ ให้สามารถยืดเวลาไปได้อีกหน่อย
"คือว่าค่าผ่าตัดมะเร็งกระเพาะอาหารจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 260,000-280000บาทนะคะแล้วแต่ระยะพักฟื้นของคนไข้ ต้องเรียนตามตรงว่าทางโรงพยาบาลไม่มีนโยบายผ่อนจ่ายค่ะ แต่สามารถยืดระยะเวลาไปจนกว่าคนไข้จะออกจากโรงพยาบาลได้"
"แล้วต้องพักฟื้นนานมั้ยค่ะ"
"เป็นการประเมินของคุณหมอนะคะ ดิฉันไม่สามารถให้ข้อมูลได้"
เห้อออ....แล้วฉันมีเวลากี่วันเพื่อหาเงิน ตอนนี้ยังคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะไปหาเงินจากที่ไหน ฉันไม่ได้มีเพื่อนสนิทเยอะแยะขนาดนั้น แต่ถึงมีก็คงไม่กล้าไปยืมเงินใครมากมายขนาดที่โกหกแม่ไปหรอก
แต่แล้วก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมาในหัว เพราะฉันแอบอ้างชื่อภีมกับแม่ไป ทำให้ฉันคิดเรื่องที่เคยได้ยินผู้หญิงพูดถึงเขาเรื่องที่เขาชอบนอนกับผู้หญิงแล้วให้เงิน หรือฉันจะไปเสนอตัวกับเขาเพื่อเอาเงินมารักษาแม่ดี
โอ้ยย!!! แต่เขาจะเอาฉันเหรอ ผู้หญิงที่ฉันเคยเห็นเขาควงกลับคอนโด มีแต่สวยๆทั้งนั้น แล้วฉันมีดีอะไรที่จะไปเสนอตัวเองให้เขา แลกกับเงินเป็นแสนๆ มีหวังโดนด่ามาล่ะไม่ว่า
ตอนนี้มืดแปดด้านไปหมด ถึงขนาดคิดจะไปนอนกับผู้ชายแลกเงิน ที่ชีวิตนี้ไม่คิดที่จะทำ แต่พอเกิดเรื่องนี้ ศักดิ์ศรีอะไรใดๆไม่สำคัญอีกเลย ชีวิตแม่ฉันต่างหากที่สำคัญที่สุด
จะทำยังไงดี? เงินมากมายขนาดนั้นระยะเวลาที่จะหามาได้ มันก็มีแต่วิธีนี้จริงๆ ความคิดในหัววนเวียนอยู่แต่เรื่องนี้ซ้ำๆ ขนาดว่าเดินมาถึงหน้าห้องพักฟื้นแม่โดยไม่รู้ตัวเลย
หรือจะไปเสนอเอ็มดี? เขาดูเป็นคนใจดีอยู่นะ แต่ทำไมฉันไม่รู้สึกอยากจะไปนอนกับเขาเลย หรือเพราะเขาดูไม่ใช่คนนิสัยอย่างนั้น
เวียร์ล่ะ? หรือเวียร์ดี? โอ้ยย!!! ฉันก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่เวียร์อยู่ดี ส่วนรันย์ตัดไปได้เลยเขาเป็นแฟนเพื่อนฉันคงไม่บ้าขนาดไปเสนอตัวเองให้แฟนเพื่อนหรอก ส่วนผู้ชายคนอื่นในห้อง ก็ไม่ได้สนิทขนาดนั้น ขืนไปเสนอตัวให้คงได้เป็นข่าวดังไปทั่วมหาลัย
แล้ววิธีอื่นนอกจากวิธีนี้ก็ไม่มีเลย ไม่มีหรือฉันคิดไม่ได้ก็ไม่รู้ ทำไมอยู่ๆ ก็รู้สึกตัวเองโง่ขึ้นมา เรื่องดีๆไม่มีอยู่ในหัวเลย มีแต่คิดเอาศักดิ์ศรีตัวเองไปแลกมาทั้งนั้น