ตอนที่ 1
“ภายในสองเดือนนี้ถ้าแกยังไม่แต่งงานฉันจะยกสมบัติทั้งหมดให้กับมูลนิธิบ้านเด็กกำพร้า”
เสียงทรงอำนาจเอ่ยกับลูกชายที่วัยเข้าเลขสามแล้วแต่ไม่คิดที่จะออกเรือนและให้หลานวิ่งเล่นกับเขาสักคน โทมัสมองหน้าลูกชายอย่างจริงจัง เพราะคำพูดที่พูดออกมานั้นเป็นความจริงทั้งหมด เพราะเขาได้ร่างสัญญาไว้แล้วว่าภายในสองเดือนถ้าลูกชายยังไม่มีเมียเป็นตัวเป็นตนมรดกทั้งหมดของตระกูลแมนเนอร์เขาจะยกให้กับมูลนิธิทั้งหมด
เบนจามิน แมนเนอร์ มองหน้าผู้เป็นพ่อด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราดเขากัดกรามจนขึ้นเป็นสันนูนด้วยความโกรธ เขาไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวแล้วจะมาบังคับให้มีได้ยังไง และอีกอย่างให้เวลาแค่ภายในสองเดือนยิ่งเป็นไปไม่ได้กันใหญ่
“พ่ออย่ามาพูดเล่นได้ไหม พูดอะไรก็ให้มันเป็นไปได้หน่อย”
“ฉันไม่ได้พูดเล่นถ้าภายในสองเดือนนี้แกยังไม่แต่ง อย่าได้คิดจะเอาเงินจากฉันไปได้แม้แต่แดงเดียว บาทเดียวฉันก็ไม่ให้ ต่อให้ฉันตายแกก็ไม่มีทางที่จะได้อะไรไปเลยสักอย่าง”
“ผมเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของพ่อนะ”
“ถ้าเป็นลูกชายฉัน ก็ทำตัวให้สมกับเป็นลูกชายฉันหน่อยสิ” โทมัสพูดอย่างใส่อารมณ์ เพราะตอนนี้เขาเองก็เหลืออดแล้ว แก่จะลงโรงอยู่แล้วยังไม่เห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝาสักทีหลานสักคนก็ไม่มีให้เห็น
“เปลี่ยนจากสองเดือนเป็นปีแทนได้ไหมพ่อ คนจะแต่งงานกันก็ต้องรักกันก่อนไหม”
“ฉันไม่สนแกไปทำยังไงก็ได้ต้องให้ได้แต่งภายในสองเดือนนี้” โทมัสยื่นคำขาดต่อให้ลูกชายจะไปฉุดกระชากใครมาก็ได้ ต่อให้อีกฝ่ายไม่มีหัวนอนปลายเท้าเขาก็รับหมดขอแค่ให้ลูกชายสละโสดก็เพียงพอ เพราะขืนไม่ทำแบบนี้เขาคงแก่ตายก่อนที่จะได้เห็นหลาน
“เมียนะพ่อไม่ใช่จะไปขอร้องให้ใครมาแต่งได้ง่าย ๆ” เบนจามินพูดอย่างไม่พอใจและเดินฟึดฟัดออกไปที่รถ เขาต้องไปที่ไหนสักที่เพื่อให้อารมณ์ขุ่นมัวนี้ลดลง
ทั้งชีวิต 30 ปีมานี้เขาไม่เคยคิดที่จะแต่งงานเลย ถ้าแค่เอาเล่น ๆ ก็ยังพอว่าไปอย่างแต่นี่จะให้เขาแต่งงานและรีบมีลูกเนี่ยนะพูดเป็นเล่น
“มึงรู้จักแหล่งที่จะหาผู้หญิงมาแต่งงานด้วยได้ไหม” เบนจามินถามเพื่อนข้างกายที่นั่งอยู่กันคนละมุมเก้าอี้ราคาแพง
“พูดจริงหรือพูดเล่น”
“พูดจริงดิว่ะ พ่อยื่นคำขาดกับกูมาแล้วว่าสองเดือนนี้ต้องมีเมีย”
“ฮ่า ฮ่า ลุงโทมัสคงเดือดกับมึงสุด ๆ แล้วล่ะมั้ง” ทิมหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล ยิ่งนึกถึงภาพเพื่อนสนิทคนนี้แต่งงานด้วยเขายิ่งหยุดขำไม่ได้
“ตลกมากนะมึง”
“ถ้าไม่ตลกกูจะขำไหม”
“ฉิบหาย มึงรู้แหล่งก็รีบบอกมาอย่ายึกยักเดี๋ยวกูถีบ”
“ใจเย็นดิว่ะ กูรู้จักอยู่ที่หนึ่งที่ทำงานเป็นเมียเช่า”
“เมียเช่าเหรอว่ะ”
“เออ เมียเช่า ถ้าสนใจก็ลองไปตามที่อยู่นี้ดู” ทิมยื่นนามบัตรให้และยิ้มออกมาเมื่อเห็นเพื่อนตัวดีรีบเก็บเข้ากระเป๋าอย่างไว
“หึ หึ ขอบใจ” เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วเขาก็ขอตัวกลับ เพราะต้องไปจัดการเรื่องชีวิตของตัวเองต่อ อีกอย่างที่ออกมาเพราะเห็นเด็กของเพื่อนเข้ามา มันคงนัดสาวมาสีอีกแน่ ๆ เขาจึงเลือกเดินออกมาแทน